“พระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นทักษะไหนข้าก็ไม่สามารถรับมือได้เลยแม้แต่ทักษะเดียว”
“สมกับเป็นราชาที่แท้จริง ในระดับเดียวกันนั้นเขาคือสามารถบดขยี้ศัตรูได้อย่างราบคาบ”
“แต่ตอนนี้ข้าเริ่มมีความรู้สึกว่าหลิงฮันอาจจะสามารถโค่นล้มกู่ต้าวอี้ลงได้จริงๆ”
“เรื่องเอาชนะได้หรือไม่นั้นยากที่จะพูด แต่เป็นไปได้ว่าทั้งสองอาจจะเสมอกัน”
“ข้ายังเชื่อว่ากู่ต้าวอี้แข็งแกร่งกว่าอยู่ดี จากที่เห็นก็รู้แล้วว่าเขาฝึกฝนทักษะที่ทรงพลังหลายทักษะ ในขณะที่หลิงฮันใช้เพียงวิถีดาบอย่างเดียว”
“เจ้าไม่รู้รึไงว่าบางสิ่งมากไปก็ไม่ดี? หากขัดเกลาวิถีวรยุทธศาสตร์หนึ่งไปจนถึงจุดสูงสุดได้ เหตุใดจะต้องมัวเสียเวลาไปฝึกฝนทักษะอื่น? ในกรณีของหลิงฮันไม่ว่าศัตรูจะเป็นใครเขาก็สามารถต่อกรได้ด้วยวิถีดาบที่ทรงพลัง”
ทุกคนเริ่มถกเถียงกันในขณะที่ด้านบนท้องฟ้าหลิงฮันกำลังใช้ทักษะดาบฟ้าคำรามปะทะกับดาบบุปผาลอยล่องของกู่ต้าวอี้
ดาบบุปผาลอยล่องเป็นทักษะที่สร้างบุปปาอันงดงามจำนวนมากขึ้นมา แต่ในความงดงามที่ว่านั้นได้มีภัยอันตรายที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ เมื่อบุปผาเบ่งบานคลื่นดาบก็จะพุ่งออกมาโจมตีศัตรูอย่างรุนแรง
หลิงฮันเค้นเสียงพร้อมกับสะบั้นดาบฟ้าคำรามกวาดไปทั่วท้องฟ้า
‘ตูม ตูม ตูม’ บุปผาที่เบ่งบานแหลกสลายไม่เหลือซาก ในการปะทะของทักษะดาบครั้งนี้ดาบฟ้าคำรามเป็นฝ่ายเหนือชั้นกว่า
ใบหน้าของกู่ต้าวอี้เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด
‘ครืนน’ อำนาจสายฟ้านับไม่ถ้วนโหมกระหน่ำราวกับคลื่นมหาสมุทรเข้าใส่ตัวเขา
กู่ต้าวอี้ไม่มีทางเลือกนอกจากป้องกันการโจมตีที่พุ่งเข้ามา
เมื่อคลื่นสายฟ้าปะทะเข้าเป้าหมายจนสลายไป ร่างของกู่ต้าวอี้ก็ยังคงยืนอยู่อย่างองอาจ แต่ถึงอย่างนั้น ผมเผ้าของเขากลับยุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดรุ่ย สภาพของเขาในตอนนี้ดูไม่ได้อย่างมาก
“ฮึ่ม!”
“การปะทะเมื่อครู่ หลิงฮันเป็นฝ่ายได้เปรียบ!”
“ไม่เพียงได้เปรียบอย่างเดียว แต่เขายังเหนือชั้นกว่าจนถึงขั้นทำลายทักษะดาบของกู่ต้าวอี้ได้อย่างสมบูรณ์”
ทุกคนยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนมากขึ้นไปอีก แม้พวกเขาจะมีพลังบ่มเพาะระดับดาราเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกันแล้วพวกเขาด้อยกว่าหลิงฮันกับกู่ต้าวอี้มากขนาดไหนกันแน่?
กู่ต้าวอี้เค้นเสียงไม่สบอารมณ์ เขาคือราชาที่แท้จริงและไม่อาจถูกทำให้ตกอยู่ในสภาพจนตรอก เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ที่จริงการที่วิถีดาบของหลิงฮันทรงพลังกว่าเขานั้นแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังตกตะลึงมากเช่นกัน
ต้องรู้ว่าทักษะดาบบุปผาลอยล่องนั้นเป็นทักษะที่อ้างอิงจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนแห่งเซียน แต่การที่ทักษะนี้พ่ายแพ้ให้กับหลิงฮันนั้นแสดงให้เห็นว่าความเชี่ยวชาญในวิถีดาบของหลิงฮันสูงสุดขนาดไหน
ถ้าหากกู่ต้าวอี้รู้ว่าทักษะดาบฟ้าคำรามคือทักษะที่หลิงฮันคิดค้นเองล่ะก็ เขาต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้างแน่นอน
การคิดค้นทักษะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่การที่สามารถขัดเกลาทักษะของตนเองจนเหนือชั้นกว่าทักษะดาบบุปผาลอยล่องเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เกินไป! ในดินแดนแห่งเซียนเรื่องเช่นนี้แม้แต่ปรมาจารย์ก็ไม่สามารถทำได้
จิตสังหารของกู่ต้าวอี้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม ในตอนเขาเขามองหลิงฮันเป็นเพียงหมดปลวกที่อ่อนแอ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลายเป็นเสี้ยนหนามที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกำจัดทิ้งให้ได้
สวรรค์และปฐพีช่างเข้มงวดนัก เขามีชีวิตอยู่มาเก้าชาติภพเพื่อหล่อหลอมแก่นกำเนิดนิรันดร์ขึ้นมา แต่เหตุใดเขาถึงต้องมาพบเจอและสู้กันหลิงฮันในชาติภพนี้ด้วย
พวกเขาสองคน… มีเพียงคนเดียวที่จะเป็นผู้ชนะ ผู้แพ้จะถูกสวรรค์และปฐพีทอดทิ้ง วาสนามีเพียงผู้ชนะเท่านั้นก็จะได้รับ
ดังนั้นเขาต้องเป็นผู้ชนะ!
ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองก็ต้องปะทะกันจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร่วงหล่น
“ทักษะชาติภพที่เจ็ด เก้าขาตัดวายุ!”
กู่ต้าวอี้กล่าวและกวัดแกว่งขา ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ คมมีดวายุนับไม่ถ้วนถูกควบแน่นด้วยรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันยังคงตอบโต้ด้วยทักษะดาบฟ้าคำราม เมื่อใช้ควบคู่กับกาลเวลาแปรผันพันปี ทักษะนี้จึงกลายเป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ยิ่งเขาเข้าใจในเต๋าแห่งสวรรค์และปฐพีมากขึ้นเท่าไหร่ อำนาจของทักษะดาบนี้ก็จะยิ่งทรงพลังกว่าเดิม
ว่าแต่.. ทำไมไม่ผสานกาลเวลาแปรผันพันปีรวมเข้ากับทักษะดาบฟ้าคำรามไปเลยล่ะ? หลิงฮันเกิดความคิดนี้ขึ้นในหัว ทักษะดาบฟ้าคำรามที่รวมกับกาลเวลาแปรผันพันปี บางทีไม่เพียงทักษะดาบนี้จะมีพลังทำลายที่รุนแรงหรือสามารถสลายการโจมตีของศัตรูได้ แต่ศัตรูที่ถูกจู่โจมอาจจะถูกเร่งอายุให้เดินเร็วขึ้นไปพร้อมๆกัน
ในขณะที่คิด ร่างของเขาก็ส่องประกายแสงสว่างทันที
“สะ แสงแห่งเต๋า!” ปรมาจารย์คนหนึ่งของสำนักละอองดาราอุทานด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีและพึมพำ “มีเพียงการสร้างทักษะด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะได้รับการเหลียวแลจากสวรรค์และปฐพี! เหลือเชื่อ เช่นนั้นทักษะดาบนั่นก็เป็นทักษะดาบที่เขาคิดค้นขึ้นเอง? ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่มีทางที่จะเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้”
แสงแห่งเต๋า… สร้างทักษะดาบเอง… ได้รับการเหลียวแลจากสวรรค์และปฐพี?
พระเจ้า!
เหล่าคนที่ได้ยินเสียงพึมพำของปรมาจารย์ผู้นั้นตกตะลึงจนไร้คำพูด พวกเขารู้สึกตะลึงจนเหงื่อไหลท่วมไปทั่วทั้งตัว
ต้องเป็นอัจฉริยะขนาดไหนกันถึงจะทำเช่นนั้นได้?
หลิงฮันเริ่มพยายามผสานกาลเวลาแปรผันพันปีรวมเข้ากับทักษะดาบฟ้าคำราม เมื่อดาบถูกสะบั้นออกไป คลื่นดาบได้ที่อำนาจของกาลเวลาแปรผันพันปีอัดแน่นรวมอยู่ด้วย แม้อำนาจของกาลเวลาแปรผันพันปีในคลื่นดาบจะยังเบาบางอยู่ แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
การโจมตีของกู่ต้าวอี้ไร้ผลอีกครั้ง
อันที่จริงต่อให้กู่ต้าวอี้มีทักษะเป็นร้อย แต่หากใช้ได้ผลแม้แต่ทักษะเดียว เขาจะมีหนึ่งทักษะหรือร้อยทักษะก็ไม่ต่างกัน
พลังของทักษะต่างหากคือปัจจัยที่สำคัญที่สุด
“ทักษะชาติภพที่แปด ร้อยภูติผีปกคลุมนภา!”
‘ครืนนนน’ ร่างกายของกู่ต้าวอี้ปลดปล่อยความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด ท่ามกลางความมืดมิดเหล่าภูติผีจำนวนมากปรากฏตัวออกมา
ภูตผีทั้งหลายมีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวและชั่วร้าย เพียงแค่ชำเลืองมองก็สามารถทำผู้คนขนลุกหวาดกลัว
“นะ นี่มันอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพ!”
“ออร่าของภูตผีเหล่านั้นทั้งชั่วร้ายและเต็มไปด้วยอำนาจแห่งการทำลายล้าง!”
“เหตุใดกู่ต้าวอี้ถึงใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพได้?”