กู่ต้าวอี้นั้นมีพรสวรรค์ล้ำเลิศและเป็นบุตรรักของสวรรค์ คนเช่นนี้จะเป็นสิ่งมีชีวิตใต้พิภพงั้นรึ?
เป็นไปไม่ได้!
หากไม่ใช่สิ่งมีชีวิตใต้พิภพแต่ทำไมถึงสามารถใช้ทักษะของดินแดนใต้พิภพได้? หากฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนไปพร้อมกันย่อมเกิดความขัดแย้งในตัวเอง อำนาจนาจให้กฎเกณฑ์ของฝั่งหนึ่งจะปฏิเสธอีกฝั่งหนึ่ง
ทุกคนตกตะลึง ทักษะที่กู่ต้าวอี้ใช้ออกมาทั้งหลายก่อนหน้านี้นั้นเป็นทักษะที่แฝงไว้ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน
หรือก็คือเขาสามารถขัดเกลาอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนได้พร้อมกัน?
ฮึ่ม!
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมชายคนที่คือเป็นราชาที่แท้จริง ในจักรวาลแห่งนี้ยังมีใครอื่นอีกรึเปล่าที่สามารถฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนได้พร้อมกัน?
หลิงฮันไม่แปลกใจอะไรนัก เพื่อทำลายช่องว่างมิติเข้าไปยังดินแดนแห่งเซียน ปัจจัยหลักที่จำเป็นคือต้องเชี่ยวชาญเอาอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดน ในเมื่อกู่ต้าวอี้มาจากดินแดนแห่งเซียนย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีทักษะยุทธที่มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ความมืดปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ท่ามกลางความมืดมิดนี้มีภูตผีปรากฏอยู่หนึ่งร้อยตัว
หลิงฮันเค้นเสียงและกล่าว “ภูติร้ายสมควรถูกปัดเป่าให้สิ้น!”
เขาปลดปล่อยคลื่นสายฟ้าออกไปบดขยี้เหล่าภูตผีเละเป็นเศษซาก
แม้การโจมตีของจะดูเหมือนทรงพลังจนสามารถทำลายทักษะของกู่ต้าวอี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ที่จริงไม่ใช่แบบนั้น
ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หากนำทักษะของดินแดนใต้พิภพมาใช้ที่นี่ไม่เพียงแค่จะไม่สามารถชี้นำพลังจากสวรรค์และปฐพีได้แต่อำนาจของทักษะยังจะถูกทำให้อ่อนแอลงด้วย ยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายฟ้าที่มีอำนาจชำระล้างด้วยแล้ว ทักษะนภูตผีนี้จึงกลายเป็นไร้ประโยชน์
อะไรกัน!
ปากของทุกคนกระตุกไปมา แม้กู่ต้าวอี้จะมีทักษะมากมายแต่ก็ไม่มีทักษะใดเลยที่ใช้ได้ผล หลิงฮันเป็นฝ่ายเอาเหนือกว่าครั้งแล้วครั้งเล่า
“ทักษะชาติภพที่เก้า แปดทวารถ่วงสวรรค์!”
กู่ต้าวอี้เปลี่ยนทักษะอีกครั้ง เขาชี้นิ้วมือขวาออกไป ‘ครืนน’ ประตูทั้งแปดปรากฏขึ้นรอบร่างกายหลิงฮัน ประตูแต่ละบานส่องประกายแสงและปลดปล่อยออร่าที่แตกต่างกันออกไป
“บดขยี้!”
กู่ต้าวอี้พลิกฝ่ามือ ประตูทั้งแปดบานเปิดออกพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารไร้ขีดจำกัดเข้าบดร่างของหลิงฮัน
รูปแบบอาคม?
หลิงฮันประหลาดใจ กู่ต้าวอี้ช่างเชี่ยวชาญในศาสตร์มากมายจริงๆ แม้กระทั่งความเข้าใจในรูปแบบอาคมของอีกฝ่ายก็ยังอยู่ในระดับสูง แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่หวาดกลัว
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องระมัดระวังเอาไว้ กู่ต้าวอี้คงไม่โง่ใช้ทักษะที่เปล่าประโยชน์ออกมาแน่นอน
ท่าทีของเขาแน่นิ่งราวกับเป็นดาบที่มั่นคง
“ทักษะชาติภพที่หนึ่ง โลกาจรัสแสง!” กู่ต้าวอี้ไม่สนใจท่าทางของหลิงฮัน ทั่วทั้งร่างของเขาส่องประกายแสงอันรุ่งโรจน์ที่สว่างไสวยิ่งกว่าดวงตะวันนับร้อยเท่า ทันทีที่เขาผลักฝ่ามือออกไป แสงจากฝ่ามือก็ราวกับจะสามารถชำระล้างได้ทุกสิ่ง
นี่คือทักษะยุทธในชาติภพแรกที่เขาฝึกฝนมายาวนานที่สุดตั้งแต่ในช่วงที่ยังอยู่ในดินแดนแห่งเซียน เพราะงั้นพลังอำนาจของทักษะนี้จึงทรงพลังยิ่งกว่าทักษะทั้งแปดก่อนหน้านี้ แม้แต่หลิงฮันเมื่อเห็นทักษะนี้ก็ต้องขมวดคิ้ว
หลิงฮันคำรามสะบั้นดาบตอบโต้ฝ่ามือที่พุ่งเข้ามากาลเวลาแปรผันพันปีผสานเข้ากับทักษะดาบฟ้าคำรามแทบจะสมบูรณ์แล้ว
การต่อสู้จริงคือวิธีขัดเกลาทักษะที่ดีที่สุด หากไม่มีแรงกดดันจากกู่ต้าวอี้ แม้จะมีต้นสังสารวัฏหลิงฮันก็อาจจะต้องใช้เวลาเกือบร้อยปีในการขัดเกลาทักษะให้ถึงจุดนี้
ตูม!
หลังจากการปะทะทั้งหลิงฮันกับกู่ต้าวอี้ก็ถูกแรงกระแทกพลักกระเด็นถอยหลังพร้อมกัน
กู่ต้าวอี้ยิ้ม “เจ้าคงสงสัยสินะว่าทั้งๆที่ทักษะเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผล เหตุใดข้าถึงยังคงใช้มันออกมา?”
“เจ้าบ้ารึเปล่า สิ่งที่เจ้ากำลังคิดข้าจะไปตรัสรู้ด้วยได้อย่างไร” หลิงฮันยิ้ม
กู่ต้าวอี้เกรี้ยวกราดทันที
ปากของเขากระตุกด้วยความโกรธ “นั่นเพราะว่ามันจำเป็นสำหรับการปลดปล่อยทักษะชาติภพที่สอบของข้า!” เขากล่าวด้วยเสียงจากสัมผัสสวรรค์เนื่องจากไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ถึงไพ่ลับที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
“ทักษะชาติภพที่สิบ เก้าหวนคืนเป็นหนึ่ง!”
ร่างของกู่ต้าวอี้สั่นสะท้านและมีร่างของเขาอีกคนก็แยกออกมาจากร่างต้น ต่อจากนั้นก็ยังมีกู่ต้าวอี้คนที่สอง คนที่สาม คนที่สี่จนถึงคนที่เก้าแยกออกมาติดต่อกัน เมื่อรวมกันร่างต้นแล้วกู่ต้าวอี้มีด้วยกันทั้งหมดสิบคน
โชคดีที่ทั้งสิบคนมีพลังบ่มเพาะอ้างอิงมาจากกู่ต้าวอี้ในปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นหากทั้งเก้ามีพลังระดับสร้างสรรพสิ่งเหมือนเก้าชาติภพก่อนใครจะสามารถหยุดยั้งเขาได้?
แต่เท่านี้ก็นับว่าน่าสะพรึงกลัวมากพอแล้ว มีกู่ต้าวอี้เก้าคนย่อมหมายถึงอีกฝ่ายสามารถใช้ทักษะยุทธทั้งเก้าทักษะออกมาได้พร้อมกัน!
ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างตกตะลึงจนดวงตาแข็งข้าง กู่ต้าวอี้สามารถแยกร่างออกมาเก้าร่างเพื่อช่วยสู้ได้ด้วย?
แล้วแบบนี้ใครจะเอาชนะเข้าได้!
“ตาย!” กู่ต้าวอี้คำรามและจู่โจมพร้อมกันกับร่างอีกเก้าร่าง ทักษะทั้งหมดที่เขาเคยใช้ก่อนหน้านี้ถูกใช้ออกและจู่โจมใส่หลิงฮันทั้งหมด
หลงเซียงเยว่ ซื่อเฉินเฟิง หงหม่า เฉิงเสี่ยวฟานและเทียนเซี่ยตี้เอ้อต่างขมวดคิ้วด้วยความเคร่งเครียด มีเพียงจักรพรรดิพิรุณคนเดียวเท่านั้นที่เผยสีหน้าตื่นเต้น
ร่างของจักรพรรดินีสั่นสะท้าน สิ่งที่อีกฝ่ายใช้คือหลักการของทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญไม่ผิดแน่ เหมือนกับนางที่สามารถสร้างร่างแยกทั้งเก้าร่างได้ แม้ในกรณีร่างแยกของกู่ต้าวอี้นั้นดูจะแตกต่างกับของนาง แต่หากนำมารวมเข้าด้วยกันพลังต่อสู้ของนางจะทรงพลังยิ่งกว่าเดิมเป็นแน่
ถูกทักษะมากมายจู่โจมเช่นนี้หลิงฮันจะรับมืออย่างไร?
หากเป็นหนึ่งหรือสองหลิงฮันอาจจะพอต้านทานไหว แต่นี่มีถึงเก้า ไม่ว่าคิดอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้
หลิงฮันเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดาบอสูรนิรันดร์ปรากฏขึ้นมาในมือขวาของเขาและสะบั้นเข้าใส่กู่ต้าวอี้
กู่ต้าวอี้ไม่หวาดตัวแม้แต่น้อย ด้วยตัวเขาที่มีถึงสิบร่าง ในระดับพลังบ่มเพาะเดียวกันนี้ไม่มีใครโค่นล้มเขาได้!
ร่างของเขาตอบโต้โดยการคว้ามือไปยังดาบอสูรนิรันดร์ แต่เขาก็ต้องชะงักทันทีเมื่อพบว่าจู่ๆดาบอสูรนิรันดร์ก็เบี่ยงลง เป้าหมายของมันไม่ใช่เขาแต่เป็นช่วงบริเวณใต้เท้าหรือก็คือแผ่นหินของเขา
ฮึ่ม!
กู่ต้าวอี้คำรามและรีบโคจรปราณก่อเกิดคุ้มกันแผ่นหินเอาไว้
ดาบอสูรนิรันดร์สั่นไหวพร้อมกับปลดปล่อยแสงอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
ดาบเล่มนี้คือดาบที่จะเป็นอุปกรณ์ระดับนิรันดร์ในอนาคต ไม่มีสิ่งใดที่มันไม่สามารถฟันไม่เข้า ‘เพล๊ง’ โล่พลังปราณของกู่ต้าวอี้แหลกสลายในพริบตา ‘ตูมม’ อำนาจอันท่วมท้นของดาบอสูรนิรันดร์บดขยี้แผ่นหินแหลกออกเป็นชิ้นๆ
“ไอ้…ตัว…บัด…ซบ!” กู่ต้าวอี้คำรามด้วยความโกรธก่อนที่ร่างจะร่วงหล่นไปยังเบื้องล่าง
ปรมาจารย์เช่นเขา อัจฉริยะเช่นเขา ราชาที่ต้องยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกเช่นเขาไม่สมควรกล่าวคำพูดที่ลดเกียรติตัวเองเช่นนี้ แต่การกระทำที่หน้าไม่อายของหลิงฮันทำให้เขาต้องหลุดปากสบถคำนี้ออกมา
ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาเกรี้ยวกราดขนาดไหน!