เสน่ห์ของจักรพรรดินีนั้นเต็มไปด้วยอำนาจแห่งการดึงดูด
อย่าว่าแต่เหล่าราชารุ่นเยาว์ แม้กระทั่งเซียนทั้งเก้าก็ยังหวั่นไหว
“ข้าต้องการตัวนาง”
“ข้าต้องการตัว…”
เซียนทั้งเก้ายังไม่ทันพูดจบ จู่ๆจักรพรรดินีก็เดินไปยังใต้แท่นที่นั่งของเซียนหมิงซินและยืนเคียงข้างหลิงฮัน
ภรรยาก็ต้องอยู่เคียงข้างสามี นางจะเป็นต้องเลือกด้วยรึ?
ใบหน้าของเซียนทั้งเก้าแปรเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที ท่าทีของเจ้าคืออะไร? พวกข้ายังพูดไม่เสร็จพวกเขาเป็นตัดสินใจเลือกเสียแล้ว นี่เจ้ายังเห็นเซียนอยู่ในสายตารึไม่?
หากเปลี่ยนจักรพรรดินีเป็นคนอื่น หรือต่อให้เป็นกู่ต้าวอี้ก็คงไม่อาจหลบหนีความโกรธของเซียนได้พ้น แต่เนื่องจากจักรพรรดินีเป็นคนทำ ด้วยเสน่ห์อันงดงามของนางจึงทำให้ทุกคนรู้สึกยอมรับได้
“หลงเซียงเยว่!”
คนที่สี่คือหลงเซียงเยว่ สตรีผู้นี้มีท่าทางเด็ดเดี่ยวและเยือกเย็นราวกับเป็นมังกรแท้จริงในร่างมนุษย์ การที่นางถูกเรียกเป็นคนที่สี่ทำให้ใบหน้าของนางไม่มีรอยยิ้มประดับเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
ในสายตาคนอื่น อันดับสี่อาจจะเป็นอันดับที่สูงมากแล้ว แต่สำหรับนางมันคือความอัปยศ
เป้าหมายของนางคืออันดับหนึ่ง!
เพียงแต่ว่าแค่เป็นผู้แพ้ในตอนนี้ไม่ใช่ว่านางจะเป็นผู้แพ้ตลอดไป สักวันหนึ่งนางจะต้องเอาเหนือกว่าทั้งสามคนได้อย่างแน่นอนและขึ้นเป็นราชาอันดับหนึ่งแย่งยุคสมัย ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นทายาทของมังกรแท้จริงแถมสายเลือดของนางยังบริสุทธิ์มากอีกด้วย นางมีโชคชะตาที่จะอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งและก้มมองสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
นางเลือกเซียนคนที่สอง เซียนอวิ๋นเซี่ย อีกฝ่ายเป็นเซียนสตรีเพียงคนเดียวในหมู่เซียนทั้งเก้าและเป็นมนุษย์ที่มีสายเลือดของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์โบราณ สำหรับนางแล้วเซียนผู้นี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
“เทียนเซี่ยตี้เอ้อ!”
“ซื่อเฉินเฟิง!”
“……”
สุดยอดราชาแต่ละคนถูกขานชื่อและเลือกเซียนที่ตนเองจะยอมให้ชี้แนะ เพียงแต่ว่ามีแค่ราชีระดับสามเท่านั้นที่มีสิทธิ์สามารถเลือกเซียนได้พร้อมกันเก้าคน เมื่อมาถึงคราวของราชาระดับสอง นอกจากจักรพรรดิพิรุณกับเซียนหวู่เซียงแล้ว คนอื่นๆถูกขานชื่อโดยเซียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
หลังจากผ่านไปถึงราชาระดับหนึ่ง คนที่ถูกเซียนขานชื่อยิ่งมีน้อยลงไปอีก
แต่ก็มีบางคนที่เป็นกรณีพิเศษอย่างคนที่ชื่อหูเฉิงอี้ ด้านหลังของเขามีแสงจันทราส่องสว่างออกมา มันไม่ใช่แสงจากดวงจัทราของระดับสุริยันจันทราแต่เป็น ‘กายหยาบจันทรา’ ที่หายาก แสงจันทราจะช่วยให้พละกำลังของผู้ที่อยู่ภายใต้อำนาจของมันเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล
ความสามารถของเขาทรงพลังเป็นอย่างมากซึ่งสามารถสนับสนุนการต่อสู้เป็นกลุ่มได้ดีจึงมีเซียนหลายคนที่สนใจเขา แต่ท้ายสุดแล้วหูเฉิงอี้ก็เลือกที่จะอยู่ภายใต้การชี้แนะของเซียนที่สาม เซียนขวงยวี่
อีกคนหนึ่งคือลู่ขานซื่อ แขนสองข้างของเขาคือหอกยาว ยิ่งระดับพลังสูงขึ้น พลังของแขนหอกนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย ซึ่งมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ในระดับเดียวกัน
ความสามารถของเขาคือกายหยาบที่หายาก ‘กายาศาสตราวุธ’ ผู้ครอบครองกายานี้จะเกิดมาพร้อมกับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่เป็นอาวุธ
เขาเลือกอยู่ภายใต้การชี้แนะของเซียนที่ห้าเซียนเถียเตาเนื่องจากเซียนเถียเตาก็มีกายาศาสตราวุธเช่นกันซึ่งอีกฝ่ายย่อมสามารถชี้แนะเขาได้ดีที่สุด
เซียนหวู่เซียง ติงผิง จิ่วเยาและจักรพรรดิพิรุณนั้นถูกเลือกโดยเซียนมากมาย แต่มีเพียงจิ่วเยาคนเดียวเท่านั้นที่เลือกอยู่ภายใต้การชี้แนะจากเซียนหมิงซิน หรือก็คือมีเพียงเซียนหมิงซินที่เข้าร่วมกับสำนักย่อยที่แปด
พรรคพวกคนอื่นๆนั้นเลือกเข้าร่วมกับสำนักย่อยอื่น สตรีนกอมตะเองก็โชคดีเป็นอย่างมากที่ถึงแม้พรสวรรค์จะไม่โดดเด่นแต่ก็ยังถูกเซียนอวิ๋นเซี่ยเลือก บางอาจทีอาจจะเป็นเพราะราชาสตรีนั้นหาได้ยากยิ่ง
ครึ่งวันผ่านไปศิษย์ทั้งเก้าร้อยคนก็ถูกคัดเลือกเสร็จสิ้น แน่นอนว่าคนที่ไม่ได้รับเลือกก็ต้องจากไปและรอให้สำนักละอองดาราเปิดรับศิษย์อีกครั้งในอีกล้านปีข้างหน้า
สำนักย่อยทั้งเก้าแยกกระจัดกระจายห่างกันออกไปทั่วดาวมู่ถู หากจะไปยังจากสำนักย่อยหนึ่งไปอีกสำนักย่อยหนึ่ง ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับดาราก็ต้องใช้เวลาสิบวัน
สตรีนกอมตะไม่ค่อยเต็มใจแยกจากหลิงฮันเท่าไหร่ นางตั้งว่าหลังจากทุกอย่างลงตัวแล้วนางจะหาโอกาสไปพบหลิงฮันอีกครั้ง
หลิวจวินเทียนเองก็ปรากฏตัวเช่นกัน เขามองไปยังหลิงฮันด้วยแววตาซับซ้อนและแฝงไว้ด้วยจิตสังหาร
พรสวรรค์ของหลิงฮันเป็นอันดับสองในหมู่ราชาทั้งหมดซึ่งทำให้ความมั่นใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อยและเลิกล้มความคิดที่จะแก้แค้นให้แก่น้องชายในตอนนี้
รอก่อน… รอให้เขามีพลังเพียงพอเสียก่อน
หลิงฮันมองกลับไปและเผยจิตสังหารออกมา
หากมีโอกาสเขาก็จะสังหารหลิวจวินเทียนเช่นกัน
นอกจากนั้นหลิวจวินเทียนก็ยังมีเนี่ยเทียนเฉิงกับตันจิงอี่ที่เกลียดหลิงฮัน เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจักรพรรดินี
ในหมู่คนที่หลิงฮันรู้จัก อู่เมี่ยนผ่านจนคัดเลือกและรับการชี้แนะจากเซียนที่สาม หยางหลินผ่านการคัดเลือกและรับการชี้แนะจากเซียนที่เจ็ด แต่แม่นางหยุนกับเย่วหยิงนั้นไม่ผ่านการคัดเลือกและทำได้เพียงหันหลังกลับ
ฉือหวงกับเป่ยหวงนั้นแน่นอนว่าต้องผ่านการคัดเลือก ทั้งสองเลือกรับการชี้แนะจากเซียนจากเซียนที่เก้า เซียนจิ่วชิง
ไม่มีเวลาให้กล่าวอำลาหรือให้สนทนากันเป็นครั้งสุดท้าย
เซียนหมิงซินยกศิษย์ทั้งร้อยขึ้นบนฝ่ามือปราณก่อเกิดขนาดใหญ่ไปยังสักนักย่อยที่แปดซึ่งก่อตั้งอยู่บนเนินเขาเขียวขจีที่มองขึ้นฟ้าจะพบเพียงแค่เมฆสีขาว
การรับแนะนำศิษย์นั้นไม่จำเป็นต้องให้เซียนเป็นคนจัดการ ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์เป็นคนนำพาทุกคนไปยังลานที่พัก “พวกเจ้าทุกคนเข้าไปยังลานที่พักตามลำดับ ในที่พักของพวกเขาจะมีแผ่นหยกวางอยู่ หากอ่านข้อความบ่นแผ่นหยกพวกเจ้าก็จะเข้าใจกฎข้อปฏิบัติของสำนักละอองดารา”
หลังจากกล่าวเขาก็ลอยจากไป ตัวตนระดับวารีนิรันดร์เองก็ไม่ใช่ว่าจะมีเวลาว่างเช่นกัน
หลิงฮันและคนอื่นๆกำลังจะเดินเข้าไปในลานที่พัก แต่จู่ๆพวกเขาก็พบว่าประตูของลานที่พักนั้นเปิดออกเอง หลังจากนั้นก็มีคนนับสิบคนเดินออกมาบังประตูทางเข้าเอาไว้
ชายคนแรกที่เดินนำหน้าออกมากวาดสายตามองเหล่าศิษย์ใหม่และกล่าว “เหตุใดศิษย์ในคราวนี้ถึงได้มีแต่พวกไร้ความสามารถเช่นนี้? คนไร้ความสามารถอย่างพวกเจ้าไม่มีคุณสมบัติจะเดินผ่านประตู พวกเจ้าต้องคลานผ่านช่องลอดสุนัข!”
เขาชี้ไปยังมุมหนึ่งของประตูที่มีช่องลอดสุนัขถูกขุดเอาไว้
เมื่อเหล่าศิษย์ใหม่มองไปที่ช่องลอด หรือว่านี่จะเป็นพิธีรับน้องใหม่ของพวกศิษย์เก่า
ศิษย์ที่ขวางทางพวกเขาอยู่เป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์!