กายหยาบทองคำ!
ในตอนที่หลิงฮันขึ้นไปถึงแผ่นหินสีทองในหุบเขาเฉินเอี๋ยนและได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่นั้น ตัวเขาเปรียบเสมือนคนที่ได้กินเนื้อส่วนคนอื่นได้กินน้ำซุป เหล่าราชาที่ขึ้นไปถึงจุดที่สองของหุบเขาได้รับวาสนาให้ดูดซับพลังงานบางส่วนของแผ่นหินสีทอง วาสนานั้นทำให้พลังบ่มเพาะของพวกเขาเพิ่มขึ้นและได้รับกายหยาบทองคำ
ร่างของจิ่วเยาส่องประกายราวกับดวงตะวันและสลายหมอกสีดำ
“อะไรกัน!” ศิษย์พี่หลายสิบคนอุทาน
“ทักษะนั่นมันอะไรกันทำไมถึงสามารถสลายหมอกของศิษย์น้องได้!”
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าจะลืมตาไม่ขึ้นในขณะที่มองไปยังแสงนั่น?” ศิษย์พี่อีกคนใบหน้าเปลี่ยนสี
“สัมผัสสวรรค์ของข้าตรวจไม่พบความพิเศษใดๆของแสงนั่นเลยแท้ๆ” ศิษย์อีกคนยิ่งตกตะลึง
จิ่วเยารุดขึ้นหน้าและปล่อยหมัดออกไปตรงๆ
การกระทำของเขาค่อนข้างเสี่ยงเล็กน้อย ปกติแล้วหากไม่ใช่จอมยุทธอย่างหลิงฮันที่มีกายหยาบไร้เทียมทานล่ะก็ พวกเขามักไม่โจมตีลวกๆอย่างประมาทเช่นนี้
แต่ตอนนี้ศิษย์พี่ตรงหน้ากำลังได้รับผลกระทบจากประกายแสงของกายหยาบทองคำ ดวงตาของเขาพร่ามัวและแม้กระทั่งสัมผัสสวรรค์ก็ถูกรบกวนจนไม่ต่างกับคนตาบอด
เพราะงั้นจิ่วเยาถึงกล้าปล่อยหมัดออกไปตรงๆอย่างเรียบง่าย
ศิษย์พี่ตรงหน้าตกตะลึง ด้วยประสบการณ์การต่อสู้อันโชกโชนของเขาทำให้เขาตัดสินใจล่าถอยออกมาจากแสงอันเจิดจ้าของจิ่วเยาทันที
เขาตัดสินใจได้ถูกต้องก็จริง แต่ทันทีที่เขาล่าถอย จิ่วเยาก็เคลื่อนติดไล่ตามเขาไปติดๆไม่ปล่อย
ศิษย์พี่ตรงหน้าเริ่มหวาดกลัว ไม่ว่าเขาจะหลบไปทางไหน รอบข้างเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้า การที่เขามองไม่เห็นอะไรเลยทำให้ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเขา
คงจะไม่… เป็นแบบไปตลอดหรอกนะ?
ปัง!
ความหวาดระแวงทำให้ฝีเท้าของเขาเชื่องช้าลงและถูกหมัดของจิ่วเยาโจมเข้าใส่อย่างจัง ‘ตูม’ ร่างของเขาลอยกระเด็นออกไปจนออกมาจากรัศมีของแสงสว่าง
‘โครม’ เสียงร่างของเขาตกกระแทกลงพื้น ศิษย์พี่คนนั้นสัมผัสได้ถึงความเต็มในปาก เมื่อเขาลองอ้าปากกว้าง ฟันสามซี่ก็ได้หลุดออกมาพร้อมกับโลหิต
จิ่วเยาสลายกายหยาบทองคำและเผยรอยยิ้มพึงพอใจ
เขายังไม่ใช่ได้พลังของสายเลือด เพียงแค่พลังใหม่ที่ได้รับจากวาสนาก็ทำให้เขาสามารถโค่นราชาในระดับพลังเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
เหล่าศิษย์พี่ตกตะลึง ในขณะเดียวกันเหล่าราชาศิษย์ใหม่ที่ยังไม่ได้คลานลอดผ่านช่องสุนัจก็ลุกขึ้นยืนจ้องมองไปยังจิ่วเยากับหลิงฮันด้วยสายตาซับซ้อน
ทั้งสามคนกล้าที่จะขัดคืนวัฒนธรรมของสำนัก ถึงแม้สุดท้ายพวกเขาจะล้มเหลวแต่อย่างไรการกระทำของพวกเขาก็น่าเลื่อมใส
“เหอะ เป็นพวกหัวดื้อที่พอมีความสามารถอยู่บ้าง” อี้เกาหนิงทำตาขึงขัง “แต่ขัดขืนอย่างเปล่าประโยชน์ไปก็มีแต่จะทำให้พวกเจ้าอัปยศยิ่งขึ้น”
“แค่ระดับดาราตัวจ้อย ข้าสามารถบดขยี้ได้ด้วยหนึ่งนิ้วมือ!” อี้เกาหนิงเหยียดหยาม “เจ้าคงลืมไปแล้วสินะว่านี่ไม่ใช่การประมือแลกเปลี่ยนแต่เป็นพิธีรับศิษย์ใหม่! หากไม่เชื่อฟังแต่โดยดีก็คงต้องใช้กำลัง!”
เขาเอื้อมมือออกไปทางจิ่วเยา ฝ่ามือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บบาง แม้กรงเล็บนี้จะดูไม่มีอะไรพิเศษแต่มันส่องประกายแวววับราวกับเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์
นี่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้นคืออำนาจของระดับวารีนิรันดร์ที่แฝงอยู่ในกรงเล็บ ต่อให้จิ่วเยาแข็งแกร่งกว่านี้อีกหมื่นเท่าก็ไม่สามารถต้านทานได้!
จักรพรรดินีคิดจะลงมือ แต่หลิงฮันยกมือซ้ายขึ้นมาห้ามนางและปล่อยหมัดขวาของตนเองเข้าตอบโต้กรงเล็บ
“อย่าได้ประเมินตนเองสูงไป!” อี้เกาหนิงแสยะยิ้ม
เขาคือตัวตนระดับวารีนิรันดร์ ถึงแม้จะเพิ่งทะลวงผ่านสำเร็จเมื่อเจ็ดแสนปีก่อนและตอนนี้มีพลังบ่มเพาะเพียงขั้นต้นชั้นปลาย แต่ไม่ใช่ว่าเขาเป็นอัจฉริยะหรอกรึ?
ต่อให้หลิงฮันบรรลุระดับดาราขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุด แต่ความต่างของระดับพลังสองชั้นย่อยและศักยะภาพอัจฉริยะห้าดาวของเขาทำให้เขามีพลังต่อสู้เหนือกว่าหลิงฮันถึงเจ็ดดาว หากขนาดนี้แล้วยังไม่ชนะอีกเขาคงขอยอมตายเสียดีกว่า
หมัดของหลิงฮันสั่นไหว ทันใดนั้นกรงเล็บที่พุ่งเข้ามาก็ค่อยๆสลายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่าจนในที่สุดกรงเล็บก็หายไปอย่างสมบูรณ์
กาลเวลาแปรผันพันปี!
หลิงฮันได้รับทักษะสมบูรณ์ของทำนองแปรผันกาลเวลามาจากหูหยู่ ซึ่งไม่ใช้ทักษะไม่สมบูรณ์ที่มีขีดจำกัดที่สืบทอดผ่านสายเลือดของตระกูลติง
และหลังจากได้รับทักษะทำนองแปรผันกาลเวลามา ระยะเวลาสิบปีภายในแผ่นหินสีทองมีรึที่หลิงฮันจะไม่ก้าวหน้าในทักษะนี้?
“อะไรกัน!”
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ตกตะลึงจนดวงตาเปิดกว้าง ส่วนอี้เกาหนิงนั้นชะงักหยุดแน่นิ่ง
เป็นไปได้อย่างไร?
นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี ราชาในระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นปลายไม่สามารถสยบจอมยุทธระดับดาราได้อย่างราบคาบ?
ศิษย์ใหม่ที่ยังไม่ได้คลานลอดช่องสุนัขรู้สึกจิตใจสั่นสะท้าน ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชื่อของหลิงฮันถึงได้ถูกเรียกเป็นรายชื่อที่สอง ที่แท้เขาก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้! พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าหากลองเปลี่ยนหลิงฮันเป็นกู่ต้าวอี้ที่เป็นรายชื่ออันดับหนึ่งจะเป็นอย่างไร?
หลิงฮันดึงมือกลับและกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าไม่จำเป็นต้องสั่งสอนศิษย์ข้า ข้าจะเป็นคนชี้แนะเขาด้วยตนเอง!”
แววตาของอี้เกาหนิงกลายเป็นโหดเหี้ยม หากเขาสยบศิษย์ใหม่ไม่ได้ ในอนาคตเขาจะยังมีหน้าไปพบใครอีก?
การให้ศิษย์ใหม่ทุกคนลอดช่วงสุนัขเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมา หากเขาล้มเลวในหน้าที่นี้เกรงว่าราชาที่มีอำนาจเหนือกว่าเขาในสำนักละอองดาราคงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่
อี้เกาหนิงสบถด่าในใจ เหตุใดเขาถึงต้องมาพบกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้?
เซียนหมิงซินไม่ได้มีชื่อเสียงในด้านพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่เป็นที่รู้จักกันในนามของปรมาจารย์รูปแบบอาคม ในหลายล้านปีที่ผ่านมานี้ไม่มีสุดยอดราชาคนใดเข้าร่วมสำนักย่อยที่แปดเลย เพราะงั้นเขาจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถสยบศิษย์ใหม่ได้
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเขาจะโชคร้ายต้องมาพบเจอกับสุดยอดราชาที่ทรงพลังเช่นหลิงฮัน
อี้เกาหนิงไม่กล้าประมาทหลิงฮัน เขากล่าว “ศิษย์น้อง เจ้ามีชื่อว่าอะไร?”
“หลิงฮัน” หลิงฮันกล่าว
“พวกเรามาคุยกันดีๆก่อนเป็นอย่างไร?” อี้เกาหนิงไม่กล่าวด้วยท่าทีโอหังอีกต่อไป เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะได้เนื่องจากคู่ต่อสู้ทรงพลังเกินไป