“ไม่!” เหล่าศิษย์พี่นำมือกุมหัว เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? พวกเขาเป็นศิษย์พี่แท้ๆ ไม่เพียงแค่พวกเขาจะทำภารกิจรับศิษย์ใหม่ไม่สำเร็จ แต่ยังถูกศิษย์ใหม่เอาคืนอีกด้วย
“ข้าไม่ได้ถามความเห็นพวกเจ้า!” หลิงฮันลงมือ ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ เขาหักขาของศิษย์พี่เหล่านั้นและบีบบังคับให้คลานเข้าไปในช่องลอดสุนัข
เมื่อศิษย์พี่คนหนึ่งถูกส่งร่างให้คลานผ่านไป เสียงของศิษย์ใหม่ที่เงียบสงบก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง
“ศิษย์พี่หลิง! ศิษย์พี่หลิง! ศิษย์พี่หลิง!”
ศิษย์ใหม่ทุกคนตะโกนชื่อของหลิงฮันด้วยความตื่นเต้น
ในหมู่พวกเขาใครบ้างไม่ใช่ราชา? แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขากลับต้องถูกบังคับให้รับความอัปยศอย่างไม่อาจขัดขืนด้วยอำนาจของระดับวารีนิรันดร์ ในสำนักละออกดาราแห่งนี้ขุมอำนาจเบื้องหลังของพวกเขาไม่อาจนำมาใช้ประโยชน์ได้เนื่องจากที่นี่มีเซียนอยู่ถึงสิบคน
แต่ผ่านไปพริบตาเดียวเหล่าคนที่กดขี่พวกเขาก็ถูกจัดการและคลานก้มหัวลอดผ่านช่องสุนัขเหมือนกับพวกเขา เพราะงั้นแล้วจิตใจของพวกเขาจึงฮึกเหิมขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
สีหน้าของเหล่าศิษย์พี่ที่ถูกบังคับให้ลอดผ่านช่องสุนัขเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ แต่ในเมื่อพวกเขาเป็นคนริเริ่มยั่วยุก่อนพวกเขาก็ต้องยอมรับผลกรรม
“ถึงตาเจ้าแล้ว!” หลิงฮันมองไปยังอี้เกาหนิง
อี้เกาหนิงรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก ศิษย์เก่าคนอื่นๆนั้นยังไม่เท่าไหร่เพราะพวกเขามีพลังบ่มเพาะระดับดาราเหมือนกับหลิงฮัน แต่ตัวเขาต่างออกไป เขาเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์!
หากเขาคลานลอดผ่านช่องสุนัขนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการยอมให้ศิษย์เก่าทุกคนถูกตบหน้า ซึ่งเขาไม่อาจรับผิดชอบความผิดเช่นนั้นไหว
“อย่าได้ฝัน!” จิตวิญญาณของเขาเดือดพล่าน เมื่อครู่เพื่อที่จะสลัดให้หลุดพ้นจากสุนัขตัวดำ เขาได้ทำการเผาผลาญพลังชีวิตของตนเอง ตอนนี้ร่างของเขายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ร้อนแรงราวกับเปลวเพลิง
“บังอาจบีบบังคับข้าจนต้องเป็นแบบนี้ เจ้าต้องชดใช้!” อี้เกาหนิงคำรามและเผาผลาญพลังชีวิตอย่างต่อเนื่อง การกระทำที่บ้าบิ่นเช่นนี้ของเขานั้นหากหลังจากนี้ไม่ได้รับการรักษาจากสมบัติล้ำค่าแห่งสวรรค์และปฐพี พลังบ่มเพาะของเขาคงไม่มีความก้าวหน้าใดๆไปอีกหลายล้านปีเป็นอย่างน้อย
ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถอย่างแท้จริง
เขาต้องจัดการหลิงฮันกับจักรพรรดินีให้สำเร็จ อย่างน้อยก็ต้องกู้ใบหน้ากลับมาให้ได้
“ภรรยาข้า มาจัดการหมอนั่นด้วยกัน!” หลิงฮันยิ้มและกล่าวกับจักรพรรดินี
“อืม!” จักรพรรดินีพยักหน้า
สุดยอดราชาเช่นพวกเขานั้นรังเกียจการรุมคู่ต่อสู้ก็จริง แต่ใครใช้ให้อี้เกาหนิงเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์กันล่ะ? อย่าว่าแต่ร่วมมือกันสองคนเลย ต่อให้จอมยุทธระดับดาราเช่นพวกเขาร่วมมือกันเป็นร้อยคนก็ไม่มีใครกล่าวว่าอะไร
หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ ต่อให้อี้เกาหนิงจะมีพลังสูงกว่าเขาก็ยังต้องถูกลดพลังต่อสู้ลงสองดาวเนื่องจากตอนนี้เขาบรรลุระดับดาราขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุด ซึ่งเปรียบเสมือนระดับวารีนิรันดร์ครึ่งก้าว
จักรพรรดินีนำหินต้นกำเนิดสวรรค์ออกมา ก้อนหินชนิดนี้สามารถดูดซับการโจมตีที่มีพลังทำลายต่ำกว่าระดับสร้างสรรพสิ่งได้ทั้งหมด
อี้เกาหนิงที่เผาผลาญพลังชีวิตนั้น ตอนนี้เขามีพลังต่อสู้อยู่ที่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางชั่วคราว แต่เขาได้ถูกอำนาจสวรรค์ลดพลังต่อสู้ไปสองดาวและพลังโจมตีก็ถูกลดทอนอำนาจไปด้วยกาลเวลาแปรผันพันปี ยิ่งกว่านั้นก็ยังมีหินต้นกำเนิดสวรรค์ของจักรพรรดินีอีก
ราชาคนหนึ่งที่มีพลังต่อสู้เหนือกว่าถึงหนึ่งระดับใหญ่แต่กลับไม่สามารถจัดการจอมยุทธระดับดาราได้ แถมยังดูเหมือนจะเสียเปรียบอีกด้วย
ทุกคนไม่เชื่อในสายตาของตนเองและคิดว่ากำลังฝันอยู่
ศิษย์ใหม่ในปีนี้ไม่ใช่แค่ไม่ธรรมดา แต่พวกเขาฝืนสวรรค์อย่างยิ่ง!
หลิงฮันรวมมือโจมตีควบคู่ไปกับจักรพรรดินี ด้วยความเข้าใจในกันและกันของทั้งสองทำให้ผ่านไปไม่นานก็เป็นฝ่ายได้เปรียบอี้เกาหนิง
“เจ้าแน่ใจว่าจะไม่คลานผ่านช่องลอดสุนัขแต่โดยดี?” หลิงฮันถาม
อี้เกาหนิงกัดฟันแน่น เขาไม่มีบางยอมก้มหัวเด็ดขาด
“เจ้าดำน้อย มานี่!” หลิงฮันกล่าว
“ใครเรียกนายท่านหมา?” สุนัขตัวดำที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนปรากฏตัวอยู่ด้านข้างหลิงฮัน มันพาดเท้าหน้าเอาไว้ด้านหลังและกล่าว “เจ้าหนู เจ้าช่างกล้านักที่เรียกนายท่านหมาว่าดำน้อย”
“ถ้างั้นดำใหญ่ล่ะ?” หลิงฮันยิ้ม
“นายท่านดำ!” สุนัขตัวดำกล่าวเน้นย้ำและสะบัดอุ้งเท้า “เจ้าเรียกข้ามาทำไม?”
“มาทำให้หมอนั่นคลานลอดช่องสุนั…”
“ช่องรอดสุนัขน้องสาวเจ้าสิ นั่นมันรูหนู!” สุนัขตัวดำโอดครวญแย้งคำพูดหลิงฮัน
หลิงฮันไม่เถียงและกล่าวต่อ “ช่วยข้าทำให้หมอนั่นคลานผ่านรูนั่นให้ได้!”
สุนัขตัวดำดวงตาส่องประกาย การสร้างความลำบากให้ผู้อื่นคือสิ่งที่มันชื่นชอบที่สุด “ให้เป็นหน้าที่นายท่านหมาเอง!” สุนัขตัวดำตื่นเต้นจนแลบลิ้นน้ำลายไหลย้อยอย่างบ้าคลั่ง
อี้เกาหนิงที่เห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรสั่นสะท้านไปทั่วร่างกาย
เขาไม่หวาดกลัวหลิงฮันเท่าไหร่ เนื่องจากไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่กล้าสังหารเขาในสำนัก ตราบใดที่ถ่วงเวลาเอาไว้ได้นานมากพอศิษย์เก่าคนอื่นๆก็จะมาตรวจสอบสถานการณ์และเรื่องยุ่งยากก็จะถูกสะสางไปเอง
แต่กับเจ้าสุนัขหน้าไม่อายตนนี้ไม่ใช่แบบนั้น คงมีเพียงแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามันตั้งใจจะทำอะไร
สุนัขตัวดำจ้องมองไปยังอี้เกาหนิงก่อนจะกล่าว “ถ้าเจ้าไม่ยอมทำตามแต่โดยดี นายท่านหมาจะไปพาหมูตัวเมียมาและวางยาให้เจ้าร่วมรักกับมันที่นี่!”
อี้เกาหนิงเหงื่อตกราวกับหยาดฝน ถ้าหากเขาต้องร่วมรักกับหมูตัวเมียจริงๆ เขาจะยังมีหน้าอยู่ที่สำนักละอองดาราต่อไปอีก? เมื่อใดที่เขาพบเจอผู้คน คนเหล่านั้นคงเรียกเขาว่า ‘อัศวินผู้ขึ้นขี่หมู!’
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” จู่ๆสุนัขตัวดำก็ส่ายหัว
อี้เกาหนิงโล่งอก เขารู้สึกว่าหมดเรี่ยวแรงจนอยากจะนอนหมอบลงเสียตรงนี้เลย
สุนัขตัวดำกล่าว “ข้าจะพากระทิงมาทะลวงประตูหลังของเจ้า”
“ไม่!” อี้เกาหนิงอุทานออกมาทันใด เขาจิตตนาการภาพที่ตนเองถูกกระทำเช่นนั้นไม่ออกจริงๆ
ศิษย์คนอื่นๆเองก็ตกตะลึงจนเหงื่อไหลท่วม น่าอัปยศเกินไป… แค่ขึ้นขี่หมูตัวเมียเองก็เสียหน้ามากพอแล้ว ถ้าหากเป็นฝ่ายถูกกระทิงทะลวงประตูหลังล่ะก็จะน่าอนาถขนาดไหน
สุนัขบัดซบตัวนี้ช่างไร้ยางอายหาใครเปรียบ!
“ข้ายอมแล้ว! ข้าจะคลานผ่านช่องลอดสุนัจ!” จิตใจอันหนักแน่นของอี้เกาหนิงพังทลาย
“ช่องลอดสุนัขน้องสาวเจ้าสิ เจ้ากล้าดูหมิ่นนายท่านหมารึ!” สุนัขตัวดำกลายเป็นเกรี้ยวกราดและแผ่กรงเล็บออกมา “ไม่ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะทำให้เจ้าร่วมรักกับหมูตัวเมียร้อยตัวและให้กระทิงร้อยตัวทะลวงประตูหลังเจ้าร้อยครั้ง!”