“ข้าหมดสติไปนานเท่าไหร่?” หลิงฮันถาม
“สิบวัน” จักรพรรดินีนั่งลงบนเตียงและจ้องมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน
“ข้าทำให้เจ้าเป็นห่วงแล้ว”
จักรพรรดิยิ้มและกล่าว “ไม่ต้องกังวล ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องไม่เป็นอะไร”
เตียงนี้อยู่ในที่พักของจักรพรรดินี ในไม่กี่วันมานี้นางคอยดูแลหลิงฮันมาตลอด
หลิงฮันหยิบแผ่นหยดบนโต๊ะและอ่านกฎของสำนัก
เซียนหมิงซินเป็นเซียนที่เชี่ยวชาญรูปแบบอาคมซึ่งจะเปิดการสอนรูปแบบอาคมทุกๆสามปีครั้ง ในการสอนครั้งอื่นๆอาจารย์ระดับวารีนิรันดร์จะเป็นคนรับหน้าที่อธิบายข้อสงสัยของศิษย์ นอกจากนั้นในสำนักก็มีห้องตำราเกี่ยวกับรูปแบบอาคม ทักษะบ่มเพาะและทักษะอยู่จำนวนมหาศาลซึ่งสามารถเข้าไปฝึกฝนได้อย่างอิสระไม่มีข้อบังคับใดๆ
แต่นั่นก็หมายความว่าทักษะระดับสูงย่อมไม่มีอยู่ห้องตำราเหล่านั้นเช่นกัน มีรึที่ทักษะระดับสูงจะสามารถมอบให้ผู้อื่นง่ายๆ?
หลิงฮันในตอนนี้มีทักษะจากดินแดนแห่งเซียนและทักษะบ่มเพาะระดับสร้างสรรพสิ่งอยู่มากพอสมควรดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการทักษะใดอื่น แต่เหตุผลที่เขาเข้าร่วมกับสำนักย่อยที่แปดเป็นเพราะเขาต้องการฝึกฝนศาสตร์รูปแบบอาคม
ด้วยพลังบ่มเพาะที่มีเท่าเดิม รูปแบบอาคมจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่งพลังต่อสู้ได้อย่างมหาศาล
“เอาล่ะ พวกเราลองไปดูสำนักกันก่อนแล้วกัน” หลิงฮันเต็มไปด้วยความปรารถที่จะเพิ่มพลังต่อสู้ของตนเอง
จักรพรรดินีพยักหน้า
พวกเขาเดินออกจากลานที่พัก ซึ่งเมื่อพบเห็นพวกเขาผู้คนมากมายก็ชี้นิ้วมาและซุบซิบคุยกัน
“ศิษย์พี่หลิง!” ใครบางคนเดินมาหาพวกเขาและกล่าวเตือน “ท่านอย่าเพิ่งออกไปด้านนอกที่พักดีกว่า! ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางทั้งหลายได้ป่าวประกาศเอาไว้ว่าหากศิษย์พี่หลิงกล้าออกมาจากที่พัก พวกเขาจะมาสร้างความเดือดร้อนให้ท่าน”
ในสำนักละอองดาราที่พักของตัวเองคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ไม่มีสามารถสามารถเข้าไปรบกวนได้ ส่วนหากเป็นด้านนอก… ขอแค่ไม่สังหาร ทำให้แก่นพลังได้รับบาดเจ็บหรือทำลายพลังบ่มเพาะของคู่ต่อสู้ เหล่าศิษย์จะสู้กันอย่างไรสำนักสามารถเมินเฉยทำเป็นไม่เห็นได้
หลิงฮันพยักหน้า แต่ในเมื่อเขาก้าวออกมาแล้วเขาย่อมไม่หันหลังกลับ เขากับจักรพรรดินีมุ่งหน้าไปยังห้องตำราเพื่อศึกษารูปแบบอาคม
หลังจากเข้ามาในห้องตำราได้ไม่นาน ออร่าอันทรงพลังก็ปรากฏลอยอยู่บนท้องฟ้า เหล่าศิษย์เก่าที่แข็งแกร่งมาถึงแล้วแต่ยังไม่ลงมือ
บางสถานที่มีกฎห้ามต่อสู้กัน นอกจากที่พักของแต่ละคนแล้วห้องตำราก็เป็นหนึ่งในสถานที่ต้องห้าม ดังนั้นหากหลิงฮันกับจักรพรดินียังไม่ออกมาเหล่าศิษย์เก่าย่อมไม่สามารถลงมือได้
หลิงฮันไม่สนใจและมองหารูปแบบอาคมต่อ ตามชั้นตำรามีแผ่นหยกวางเอาไว้ เพียงแต่นำศีรษะเข้าไปใกล้ๆข้อมูลของรูปแบบอาคมก็จะส่งผ่านเข้ามาในห้วงจิตวิญญาณ
“เก้าวิญญาณดาราสวรรค์”
“สิบรูปแบบสังหาร”
“อสรพิษเมฆาสีชาดเยือกแข็ง”
“……”
หลิงฮันตรวจสอบรูปแบบอาคมมากมายและศึกษาความรู้พื้นฐานในการสลักรูปแบบอาคมลงที่ร่างกายไปพร้อมๆกัน
การสลักรูปแบบอาคมลงบนร่างกายไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เมื่อรูปแบบอาคมถูกกระตุ้นใช้งานย่อมมีพลังที่รุนแรงปะทุออกจากร่างกาย หากไม่มีกายหยาบที่แข็งแกร่งก็ไม่มีทางทนต่อแรงปะทุที่รุนแรงนั่นได้ การจะขัดเกลากายหยาบให้แข็งแกร่งเหมือนแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเซียน
เซียนหมิงซินได้คิดค้นการผสานแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์เข้ากับกระดูกในร่างของตนเองเพื่อยกระดับกายหยาบให้สามารถรองรับรูปแบบอาคมได้
เพียงแต่ว่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ก็มีอำนาจที่ทรงพลังในตัวมันเองเช่นกัน เพราะงั้นจำนวนของแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถผสานรวมกับกระดูกในร่างจึงมีจำนวนจำกัด
แน่นอนว่ายิ่งมีระดับพลังบ่มเพาะสูงขึ้น ยิ่งสามารถผสานแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับสูงกว่าเดิมและจำนวนที่มากกว่าเดิม
ตามหลักแล้วจอมยุทธจะสามารถผสานแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับเทียบเท่ากับพลังบ่มเพาะของตนเองได้เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นสามารถผสานเข้ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสาม ขั้นสูงสุดสามารถผสานเข้ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหก เซียนเองก็ไม่มียกเว้น แม้เซียนหมิงซินจะมีความเข้าใจในรูปแบบอาคมที่สูงส่งเพียงได้แร่โลหะที่เขาสามารถผสานเข้ากับร่างกายได้ก็คือแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเจ็ด
หลังจากอ่านความรู้พื้นนี้ หลิงฮันก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
การสลักรูปแบบอาคมนี้มีไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะเลยรึเปล่า?
กายหยาบของเขามีความแข็งแกร่งอยู่ระหว่างแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามและสิบสี่ และด้วยความสามารถของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ กระดูกในร่างของเขาจึงสามารถทัดเทียมได้กับการผสานแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง
หากสลักรูปแบบอาคมลงไปแล้ว พลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับที่เรียกว่าน่าสะพรึงกลัว และคงมีศิษย์เก่าเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
หลิงฮันตื่นเต้นมาก ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ระดับพลังบ่มเพาะเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดนอกเสียจากค้นพบสมบัติล้ำค่าอย่างแผ่นหินทองคำ
เขามองหารูปแบบอาคมที่ทรงพลังที่สุดที่เขาสามารถใช้ประโยชน์ได้ในตอนนี้ซึ่งมันจะกลายเป็นไพ่ลับที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา คนอื่นอาจจะคิดเพียงว่าเขามีพลังบ่มเพาะระดับดาราที่มีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น แต่แท้จริงแล้วพลังต่อสู้ของเขานั้นเทียบได้กับระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง หากลองประมาทเขาสิ่งที่ต้องพบเจอคือความตาย
“อันนี้ล่ะ รูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุ!”
หลิงฮันหยิบแผ่นหยกขึ้นมาสัมผัสกับหน้าผาก ข้อมูลทั้งหมดของรูปแบบอาคมถูกส่งผ่านไปยังห้วงจิตวิญญาณของเขา
รูปแบบอาคมนี้เป็นรูปแบบอาคมระดับสิบสี่ที่แข็งแกร่งที่สุด พลังทำลายของมันเทียบได้กับระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางชั้นสูงสุด!
หลิงฮันรู้ว่าตอนนี้มีศิษย์เก่าจำนวนมากรอคอยอยู่ด้านนอก แต่เขาไม่จำเป็นต้องสนใจ หลิงฮันยิ้มให้กับจักรพรรดินีและเข้าไปในหอคอยทมิฬพร้อมกับนาง
เขาแสดงทักษะบ่มเพาะที่ได้รับมาจากหูหยู่ให้จักรพรรดินีดูว่าทักษะใดที่เหมาะสมกับนางที่สุด
ผ่านไปไม่นานจักรพรรดินีก็ตัดสินใจได้ ด้วยสายเลือดของเผ่าสวรรค์บรรพกาลและพรสวรรค์ของนางรวมกับต้นสังสารวัฏ ในระยะเวลาสั้นๆนี้นางสมควรทะลวงผ่านระดับได้อย่างไม่มีปัญหา
ทั้งสองคนเริ่มเก็บตัวฝึกฝนโดยไม่สนใจใคร
ในขณะเดียวกันที่ด้านนอกได้เกิดความโกลาหลระลอกหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ใครหลายคนเห็นเต็มหาว่าพวกหลิงฮันเข้าไปยังห้องตำราแน่นอน แต่เหตุใดจู่ๆทั้งสองคนถึงได้หายไป?
พวกเขาเข้ามาดูและตรวจสอบอย่างละเอียดแต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆของหลิงฮันเลย
“ต้องเป็นอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์แน่!” ในสำนักละอองดารา อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ก็ยังถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถครอบครองมันได้ ในหมู่ศิษย์มีเพียงอวี๋ซู่ซู่ที่เป็นศิษย์รักของเซียนหมิงซินเท่านั้นที่ได้รับมอบอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์
แต่อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเป็นสิ่งที่มองเห็นและจับต้องได้
“หาให้เจอ!” พวกเขาลงมือตามหากันอย่างเคร่งเครียด แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางหาหอคอยทมิฬได้เจอ ความพยายามของพวกเขาสุดท้ายต้องจบลงด้วยการคว้าน้ำเหลว