ภายในหอคอยทมิฬใต้ต้นสังสารวัฏ หลิงฮันกับจักรพรรดินีนั่งฝึกฝนอย่างขะมักเขม้น
หนึ่งคนพยายามทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ อีกคนพยายามฝึกฝนรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุให้เชี่ยวชาญและสลักลงบนกายหยาบ
หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ภายใต้ต้นสังสารวัฏ ทั้งสองคนที่นั่งแน่นิ่วราวกับหินค่อยๆขยับตัวและลืมตาแทบจะพร้อมกัน
ทั้งสองจ้องมองกันและเผยรอยยิ้ม
“ข้าพร้อมทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์แล้ว!”
“ข้าก็เข้าใจในรูปแบบอาคมแล้วเช่นกัน!”
พวกเขาออกมาจากหอคอยทมิฬ หนึ่งปีต่อมาไม่มีใครเฝ้าคอยอยู่ด้านนอกห้องตำราอีกต่อไป กว่าที่พวกศิษย์เก่าจะรู้ข่าวว่าทั้งสองออกมา พวกหลิงฮันก็กลับเข้าที่พักไปแล้ว
หลิงฮันทำการหลอมเม็ดยา การทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ผู้ทะลวงผ่านจำเป็นต้องสะสมปราณก่อเกิดในปริมาณที่มากไม่เช่นนั้นจะต้องเผาผลาญแก่นพลังของตัวเอง มีหลายคนที่สะสมพลังปราณได้ไม่เพียงพอและต้องเผาผลาญแก่นพลังจนแห้งเหือดและตกตายในที่สุด
เม็ดยาที่เหมาะสมที่สุดในการทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์คือ ‘เม็ดยาแผ่ไพศาล’ ที่สามารถเพิ่มพลังปราณได้อย่างต่อเนื่อง
ตามปกติแล้วแค่เม็ดยาแผ่ไพศาลจำนวนร้อยเม็ดก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับภรรยาแล้วหลิงฮันย่อมไม่พอใจเพียงแค่จำนวนหนึ่งร้อย เขาหลอมเม็ดยาแผ่ไพศาลสำเร็จแล้วหนึ่งพันเม็ดและยังไม่หยุดอยู่เท่านั้น
เขาส่งมอบเม็ดยาให้จักรพรรดินีและนางได้ขอแยกตัวไปทะลวงผ่านระดับพลัง
หลิงฮันเรียกจิ่วเยามาสอบถามเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในหนึ่งปีมานี้
วัฒนธรรมของสำนักละอองดาราไม่ได้มีเพียงแค่ในสำนักย่อยที่แปดเท่านั้นแต่มีทุกสำนักย่อย
ผู้คนที่ขัดขืนไม่ใช่แค่หลิงฮัน
จักรพรรดิพิรุณขัดขืน กู่ต้าวอี้ขัดขืน ติงผิงขัดขืน เซียนหวู่เซียงขัดขืน แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์! ต่อให้พวกเขาจะเป็นอัจฉริยะขนาดไหนพลังก็ถูกจำกัดเอาไว้ด้วยพลังบ่มเพาะ เป็นไปได้อย่างไรที่ระดับดาราจะสามารถต่อต้านระดับวารีนิรันดร์
พวกจักรพรรดิรุณและกู่ต้าวอี้ต่อสู้อย่างถึงที่สุดแต่พวกเขาไม่ได้โชคดีเหมือนกับหลิงฮันและจักรพรรดินีที่มีศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดมาช่วยเหลือ ต่อให้กู่ต้าวอี้จะมีอุปกรณ์เซียนอยู่ในมือ ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางก็ยังสามารถกำราบเขาได้อยู่ดี
เหล่าคนที่ขัดขืนหมดพลังจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้และถูกจับตัวโยนผ่านช่องลอดสุนัข
มีข่าวมาว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ กู่ต้าวอี้โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากและใช้เวลาพักฟื้นอยู่หลายเดือน
หลังจากได้ยืนข่าวนี้หลิงฮันก็เผยรอยยิ้ม เขารู้ว่ากู่ต้าวอี้เป็นตัวตนระดับโลกียนิพพานในดินแดนแห่งเซียน การที่ถูกบังคับให้คลานผ่านช่องลอดสุนัขโดยมดปลวกระดับวารีนิรันดร์นั้นได้ส่งผลให้จิตใจของเขาเกิดตราบาปที่เจ็บปวดเกินกว่าจะบรรยาย
แต่หลังจากรู้ว่าจักรพรรดิพิรุณ สตรีนกอมตะและพรรคพวกคนอื่นๆได้รับความอัปยศเหมือนกันนั้น ท่าทีของหลิงฮันก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
ความแค้นนี้ต้องชำระ!
ขอแค่มีพลัง ทุกสิ่งก็จะถูกสะสางได้อย่างง่ายดาย
หลิงฮันสอนทักษะบ่มเพาะให้กับจิ่วเยาและให้จิ่วเยาไปบอกต่อกับจักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆ ทักษะที่ได้มาจากดินแดนแห่งเซียนย่อมมีระดับสูงกว่าทักษะในสำนักละอองดารา เขาเก็บตัวทันทีเพื่อทำการสลักรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุลงที่ร่างกาย
ในหนึ่งปีก่อนเขาได้ศึกษาจนเข้าใจรูปแบบอาคมนี้อย่างเชี่ยวชาญแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาปฏิบัติจริง
เพียงแต่ว่าการจะสลักรูปแบบอาคมบนกระดูกของเขานั้นทำได้ยากมาก เนื่องจากกายหยาบของเขามีความทนทานทัดเทียมกันแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่
แต่โชคดีที่ตอนนี้เขามีเพลิงเก้าสวรรค์
เพลิงนี้ไม่ใช่เพลิงธรรมดาแต่เป็นหนึ่งในเก้าเพลิงบรรพบุรุษ ตอนนี้มันได้กลายเป็นแก่นกำเนิดพลังของหลิงฮันแล้วซึ่งเขาสามารถนำพลังของมันมาใช้ได้อย่างอิสระและเป็นไปได้สูงมากที่จะสลักรูปแบบอาคมบนกระดูกได้สำเร็จ
หลิงฮันลงมือสลักรูปแบบด้วยความเร็วที่ไม่ช้าไม่เร็ว รูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุประกอบด้วยอักขระเพียงสามพันหกร้อยชนิด ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนเขาก็สามารถสลักรูปแบบอาคมลงบนกระดูกได้เสร็จสมบูรณ์
“หืม ไม่ใช่ว่าร่างกายของทุกคนสามารถสลักรูปแบบอาคมได้แค่รูปแบบเดียวหรอกรึ?” หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อยเนื่องจากรูปแบบอาคมที่เขาสลักเสร็จสมบูรณ์ลแล้วกินพื้นที่กระดูกของเขาไปเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น
“เข้าใจแล้ว เนื่องจากข้าสลักรูปแบบอาคมด้วยใบมีดที่สร้างจากเพลิงนิรันดร์ รูปแบบอาคมที่ได้จึงประณีตและเรียบเนียนเป็นอย่างมากทำให้กินพื้นที่กระดูกน้อยลง”
“แบบนี้หากข้าสลักรูปแบบอาคมจำนวนมากลงไปที่ร่างกายและกระตุ้นใช้งานพร้อมกันล่ะก็มันจะทรงพลังขนาดไหนกัน…”
“สิบรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุ!”
หลิงลงมือสลักรูปแบบอาคมอีกเก้ารูปแบบลงบนกระดูกโดยกินเวลาไปอีกห้าเดือน เมื่อหลิงฮันกลับออกมาจักรพรรดินีก็ยังเก็บตัวอยู่
“ข้าเองก็ต้องกลับไปบ่มเพาะพลังเช่นกัน หากทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ได้ รูปแบบอาคมที่ข้าจะสามารถสลักได้ก็จะยกระดับเป็นรูปแบบอาคมระดับสิบห้าซึ่งมีพลังทัดเทียมกับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง หากสลักรูปแบบอาคมระดับสิบห้าทั้งสิบลงบนร่างกาย การจะสังหารจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงชั้นสูงสุดย่อมไม่ใช่เรื่องยาก”
“ฮ่าๆ ใครจะไปคาดคิดว่าข้าจะได้รับไพ่ลับที่ทรงพลังเช่นนี้มา?”
“เซียนหมิงซินจะทำการชี้แนะทุกๆสามปีต่อครั้ง หากคำนวณเวลาแล้วคงเป็นอีกไม่กี่วันนี้ ข้าควรจะไปรับฟังด้วยเช่นกัน ในอนาคตหากข้าต้องการสลักรูปแบบอาคมเซียนลงบนร่างกาย ข้าก็จำเป็นต้องมีความเข้าใจในรูปแบบอาคมให้สูงขึ้น”
“นอกจากนั้นข้าก็ต้องชี้แนะจิ่วเยากับติงผิงด้วย ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีคุณสมบัติเป็นอาจารย์”
หลิงฮันออกจากลานที่พักและมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เซียนหมิงซินจะทำการชี้แนะ
แต่ทันที่ที่เขาก้าวออกมาก็ได้พบเห็นใครบางคนแอบจ้องมองมาที่ตัวเขาและรีบวิ่งหนีหายไป เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจะนำข่าวที่เขาปรากฏตัวแล้วไปแพร่งพราย
หลิงฮันไม่ได้หยุดใครบางคนที่ว่าและยอมปล่อยไป เพราะอย่างไรทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเขามีอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเข้าไปหลบซ่อนได้อย่างไร้ร่องรอย ยิ่งกว่านั้นเซียนก็สามารถสร้างอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ ในสำนักละอองดาราแห่งนี้มันไม่ใช่สมบัติที่ทุกคนจะทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงมาครอบครอง
“หลิงฮัน!” เขายังไม่ทันเดินไปถึงลานที่เซียนจะทำการชี้แนะก็ถูกใครบางคนหยุดเอาไว้
อีกฝ่ายคือศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง
ตามหลักแล้วไม่จำเป็นต้องให้ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงหรือสูงสุดลง เพียงแค่ขั้นกลางก็เพียงพอแล้วที่จะกำราบศิษย์ใหม่ระดับดารา
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง? ก็ดีเหมือนกัน เขาอยากลองอำนาจของรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุอยู่พอดี