ตราบใดที่ทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ได้ หลิงฮันมั่นใจว่าเขาไม่มีทางด้อยกว่าใครในระดับเดียวกัน
ยิ่งกว่านั้นกระดูกของเขาก็ยังสามารถยกระดับได้ตามระดับพลังบ่มเพาะ หากสลักรูปแบบระดับสิบห้าลงบนร่างกายและกระตุ้นใช้งานพร้อมกันพลังต่อสู้ของเขาจะสามารถทัดเทียมได้ระดับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นต้นแน่นอน
แต่ในระยะเวลาเพียงครึ่งปีเขาคงมีเวลาไม่เพียงพอที่จะทำได้นั้น
ทะลวงผ่านก่อนเป็นอย่างแรกแล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน
ต่อให้เขาจะตามหลังกู่ต้าวอี้แต่ก็ต้องไม่ตามหลังมากเกินไป
หลิงฮันขอตัวกับเซียนหมิงซิน อีกฝ่ายคาดหวังในตัวเขาเป็นอย่างมาก หากเขาไม่เข้าใจในส่วนใดของรูปแบบอาคมเขาสามารถมาหาอีกฝ่ายได้ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ตลอดเวลา อีกฝ่ายจะยอมพบเขาหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์
หลังจากกลับมายังที่พักของตนเอง หลิงฮันเข้าไปในหอคอยทมิฬทันทีและเริ่มทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์
ที่จริงพลังปราณที่สะสมเอาไว้ของเขานั้นมีเพียงพอแล้ว เหลือก็คือความเข้าใจในระดับพลัง
ภายใต้ต้นสังสารวัฏ เขาพยายามอย่างเอาเป็นเอาตาย
จากระดับดาราสู่วารีนิรันดร์นั้นคือการก้าวเดินอย่างก้าวกระโดด
ระดับดาราสามารถมีดวงดาวเป็นแหล่งพลังได้ห้าดวงซึ่งก็คือขั้นสมบูรณ์ แต่ระดับวารีนิรันดร์นั้นมีความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด
ในวงโคจรดาราจักรสามารถบรรจุดวงดาวได้กี่ดวง?
มากมายนับไม่ถ้วน!
เพราะงั้นแล้วจอมยุทระดับดาราหน้าใหม่ทั่วไปจึงมีจุดเริ่มต้นจากดวงดาราสี่ดวงหรือเรียกว่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นต้น สิบดวงคือชั้นกลาง ยี่สิบดวงคือชั้นปลายและสี่สิบดวงคือชั้นสูงสุด หากมีดวงดาวถึงร้อยดวงเมื่อไหร่ถึงจะบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง หนึ่งพันดวงสำรับขั้นสูงและหมื่นดวงสำหรับขั้นสูงสุด
ตามหลักแล้วจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์สามารถสร้างดวงดาวได้ไร้ขีดจำกัดก็จริงแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลังแข็งแกร่งกว่าเซียน
เนื่องจากตราบใดที่จำนวนดวงดารามีมากถึงแสนดวง ระดับพลังก็จะถูกยกระดับเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดและมีคุณสมบัติที่จะทะลวงผ่านเป็นเซียน แต่ทว่า การทะลวงผ่านเป็นเซียนนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของดวงดาวแต่เป็นความเข้าใจในหลักการของระดับสร้างสรรพสิ่ง
หากทำความเข้าใจไม่ได้ต่อให้มีดวงดาวเป็นล้าดวงก็ไม่มีความหมาย
แต่ถึงอย่างไรจำนวนของดวงดาวก็เป็นรากฐานของพลังในระดับเซียนเช่นกันเนื่องจากพลังของเซียนจะอ้างอิงมาจากจำนวนของดวงดาวในระดับวารีนิรันดร์
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ภายใตตันเถียนของหลิงฮันมีสายธารสายเล็กปรากฏขึ้นมา นั่นไม่ใช่สายธารที่มีน้ำไหลอยู่ สิ่งที่ไหลอยู่คือแสงดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน
วารีนิรันดร์!
ดวงดาวห้าดวงถูกดูดเข้าไปในสายวารีนิรันดร์ เมื่อได้รับผลกระทบจากสายวารีนิรันดร์อำนาจของดวงดาวทั้งห้าก็ทรงพลังขึ้นนับร้อยเท่า
นี่หมายถึงพลังปราณที่เขาสะสมเอาไว้ได้ขยายเพิ่มขึ้นร้อยเท่า!
ความรู้สึกหิวโหยถาโถมเข้ามา ไม่ใช่ร่างกายของเขาที่รู้สึกหิวแต่เป็นดวงดาราในตันเถียน ซึ่งอาหารของมันก็คือปราณก่อเกิด
หลิงฮันรีบหยิบเม็ดยาแผ่ไพศาลออกมา หลังจากกินเข้าไปกว่าสิบเม็ดความรู้สึกหิวโหยก็ค่อยๆลดลงจนรู้สึกอิ่ม
ขั้นตอนที่เหลือคือรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ เขาไม่รู้ว่าตนเองเก็บตัวนานเท่าไหร่ ถ้าหากเวลาล่วงเกินครึ่งปีไปแล้วเขาคงถือว่าโชคร้ายมาก
เขาออกจากสำนักละอองดาราไปยังสถานที่ห่างไกลและรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
‘ครืนนน’ เมฆสีดำก่อตัวโดยมีสายฟ้าพัวพันอยู่รอบด้าน
“เข้ามา!” ครั้งนี้หลิงฮันไม่หวั่นเกรง ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ทั่วไปเปรียบได้กับเรื่องสนุกเล็กๆน้อยสำหรับเขา
หลิงฮันสลายการป้องกันของกายหยาบด้วยตนเองเพื่อนำทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์มาขัดเกลากายหยาบและยกระดับอำนาจสวรรค์
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ในครั้งนี้… ไม่รุนแรงเท่าครั้งก่อน!
หลิงฮันอดคิดไม่ได้ว่าทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คู่นั้นผิดปกติอย่างแท้จริงและไม่มีทางที่เขาจะอยากรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เช่นนั้นอีกครั้ง
ครึ่งวันต่อมาหลิงฮันโคจรหยดวารีนิรันดร์และฟื้นคืนพลังป้องกันของกายหยาบให้กลับมาดังเดิม รูปแบบอาคมบนกระดูกเองก็ยังอยู่เนื่องจากมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขาไปแล้ว นอกจากเขาจะลบมันออกเองก็ไม่มีทางที่มันจะหายไปไหน
“ในที่สุด… ก็บรรลุระดับวารีนิรันดร์เสียที!” เขาเผยรอยยิ้ม ฮูหนิวกล่าวเอาไว้ว่าจะรอคอยเขาหนึ่งร้อยปี ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้กล่าวเกินไป ด้วยศักยภาพของเขา เขามีคุณสมบัติพอจะเปิดประตูสู่ดินแดนแห่งเซียนในระยะเวลาร้อยปีจริงๆ
เขากลับมาที่พักและพบว่าจักรพรรดินีกับจิ่วเยารอเขาอยู่หน้าประตู เขามองไปยังจักรพรรดิและเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกัน
พวกเขาทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ด้วยกันแล้ว
“ยินด้วยด้วยท่านอาจารย์! ยินดีด้วยอาจารย์หญิง!” จิ่วเยากล่าว
หลิงฮันพยักหน้า “พลังบ่มเพาะของเขาก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ไม่เลว”
สำนักละอองดาราเข้าได้ยากก็จริง แต่เมื่อเข้ามาแล้วทรัพยากรที่ได้รับย่อมมากมายจนน่าอัศจรรย์การที่มีถึงเซียนระดับสูงเป็นผู้นำ จะมีทรัพยากรแบบใดบ้างที่ไม่สามารถหามาได้?
จิ่วเยาบรรลุระดับดาราขั้นต้นชั้นปลาย ความเร็วเช่นนี้นับว่าอัศจรรย์มาก แต่นั่นก็เป็นเพราะพรสวรรค์ของเขายอดเยี่ยมด้วย ไม่เช่นนั้นด้วยทรัพยากรที่ได้รับเพียงอย่างเดียวคงไม่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้
“การประลองศิษย์ใหม่จะเริ่มตอนไหน?” หลิงฮันถาม
“อาจารย์ ท่านมาได้จังหวะพอดี การประลองจะเริ่มต้นในอีกสิบห้าวันซึ่งพวกเราจะออกเดินทางในวันมะรืนนี้” จิ่วเยากล่าว
หลิงฮันพยักหน้า ช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน
ปรมาจารย์เช่นพวกเขานั้นบางทีอาจจะใช้เวลารู้แจ้งนานหลายปี การทะลวงผ่านระดับของหลิงฮันในครั้งนี้ถือว่าราบลื่นอย่างน่าประหลาดใจ เขาใช้เวลาไปเพียงเกือบๆหกเดือนเท่านั้น หากเขาติดขัดแม้แต่เล็กน้อยการทะลวงผ่านระดับก็จะกินเวลาไปนานกว่านี้อีกนับปี
“มีศิษย์ใหม่หลายคนไม่พอใจในการจัดอันดับขานชื่อก่อนหน้านี้ พวกเขามุ่งมั่นอย่างมากที่จะสร้างชื่อเสียงในการประลองศิษย์ใหม่นี้” จักรพรรดินีกล่าว
หลิงฮันพยักหน้าด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยเพลิงสู้รบ “ครั้งนี้ข้าจะโค่นกู่ต้าวอี้ด้วยการประลองที่ตรงไปตรงมา!”