หลังจากผ่านไปเกือบจะหนึ่งวัน การประลองก็สิ้นสุดและพร้อมจะเริ่มรอบต่อไป
หลิงฮันปะทะหงหม่า การประลองทั้งสี่คู่เริ่มขึ้นพร้อมกัน
“น้องหลิงโปรดชี้แนะ!” หงหม่าพยักหน้าให้กับหลิงฮันโดยที่ถือไม้กวาดอยู่ในมือ ท่าทีของเขาไม่มีความหยิ่งยโสใดๆ
หลิงฮันเองก็พยักหน้า “พี่ชายหงโปรดชี้แนะ”
“ข้าจะโจมตีเพียงแค่สามกระบวนท่า หากน้องหลิงรับมือสามกระบวนท่าของข้าได้ข้าจะเป็นฝ่ายยอมแพ้เดินจากไป” หงหม่ากล่าว “แต่ถ้าน้องหลิงรับสามกระบวนท่าของข้าไม่ได้ล่ะก็…”
“ข้าจะเป็นฝ่ายยอมแพ้และจากไปเอง” หลิงฮันยิ้ม
“งั้นก็ตกลงนี้” หงหม่าพยักหน้า
สุดยอดราชาเช่นพวกเขานั้นอาจจะใช้เวลาประลองตัดสินกันเป็นเวลาสิบวัน ครึ่งเดือนหรือมากกว่าสิบยี่สิบปีในการตัดสินผู้ชนะ
สามกระบวนท่าแม้จะไม่สามารถตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะที่แท้จริงได้แต่มันก็สามารถวัดได้ว่าฝ่ายใดที่แข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่า
หงหม่าอ้าปากกล่าวพึมพำ ทันใดนั้นเบื้องหลังของเขาก็มีรูปปั้นหินสีขาวปรากฏออกมา รูปปั้นหินมีความสูงเพียงสามฟุต รูปทรงของมันสมจริงราวกับมีชีวิต
ในเมื่อกาประลองจะตัดสินใจสามกระบวนท่า เช่นนั้นสามกระบวนท่าที่เขาจะโจมตีออกไปย่อมต้องเป็นทักษะที่ทรงพลังที่สุดของเขาทั้งหมดซึ่งจำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมให้ดี
ท่าทางของหลิงฮันยังคงไม่เร่งรีบ กายหยาบของเขาไร้เทียมทานแถมยังมีรูปแบบอาคมทั้งสิบที่สามารถกระตุ้นใช้งานได้ตลอดเวลาสลักเอาไว้บนร่างกาย เพราะงั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเตรียมพร้อมใดๆ
‘ครืนนน’ กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมา จู่ๆรูปปั้นหินสีขาวด้านหลังหงหม่าก็ส่องประกายแสงสว่างเจิดจ้า ออร่าของมันทะยานสูงเสีดฟ้าและทรงพลังยิ่งกว่าเดิมหลายร้อยเท่าราวกับมีเซียนมายืนอยู่ตรงนั้น ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ พื้นใต้เท้าของรูปปั้นหินทนต่อพลังอำนาจที่รุนแรงไม่ไหวและเริ่มแตกร้าว
ต่อให้รอบลานประลองจะมีรูปแบบอาคมป้องกันติดตั้งเอาไว้แต่ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่แพร่กระจายออกมา
“พลังแห่งเซียน!”
“ไม่ผิดแน่ นั่นคือแรงกดดันของเซียน!”
“เป็นไปได้อย่างไรที่อำนาจแห่งเซียนถึงถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร? นอกเสียจากว่าเขาจะใช้ม้วนคำสั่งของเซียน แต่การประลองนี้ก็มีกฏอยู่ข้อหนึ่งคือห้ามใช้ม้วนคำสั่งของเซียน”
ทุกคนมึนงง สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันเกินกว่าความเข้าใจของพวกเขาไปแล้ว
หลิงฮันขมวดคิ้ว หากหงหม่าสามารถอัญเชิญเซียนมาได้จริงๆเขาคงไม่มีโอกาสชนะแน่นอน แต่ถ้าหากอีกฝ่ายมีไพ่ลับที่แข็งแกร่งขนาดนั้นเป็นไปได้รึที่จะยอมคลานลอดผ่านช่องสุนัข?
ศิษย์ใหม่ที่ไม่ได้รับความอัปยศเช่นนั้นมีเพียงเขา จักรพรรดินีและจิ่วเยาสามคน
พลังของอีกฝ่ายสมควรเป็นแค่พลังเปลือกนอกเหมือนกับเซียนหวู่เซียง
เมื่อคิดเช่นนี้หลิงฮันก็ก้าวท้าวเดินหน้าเป็นฝ่ายลงมือโจมตีก่อน
การกระทำของเขาทำให้ทุกคนรอบข้างอดคิดไม่ได้ว่า ‘หมอนี่มันสมองรึเปล่าถึงได้กล้าเผชิญหน้ากับเซียนตรงๆแบบนั้น’ ท่าทีของหลิงฮันราวกับว่าไม่เห็นเซียนอยู่ในสายตา
เมื่อหลิงฮันลงมือ หงหม่าก็เค้นเสียงและยกมือขวาขึ้น รูปปั้นหินด้านหลังเขาเองก็เคลื่อนไหวตาม ‘ตูม’ คลื่นแสงถูกปล่อยออกมาจากนิ้วของรูปปั้นหินและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันหัวเราะ หากคู่ต่อสู้มีพลังของเซียนจริงเพียงแค่นึกคิดก็สามารถกำราบเขาได้แล้ว ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะเสียเวลาโจมตีเองเช่นนี้
เขาปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ต่อต้านอำนาจแห่งเซียน
เซียนคือตัวตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด?
แน่นอนว่าไม่ใช่
อำนาจสวรรค์แพร่กระจายไปรอบตัวหลิงฮันในรัศมีครึ่งเมตร เนื่องจากพลังบ่มเพาะของหลิงฮันยังต่ำเกินไปทำให้อำนาจสวรรค์ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อหงหม่า แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สามารถต้านทานไม่ให้เขาได้รับผลกระทบใดๆจากพลังแห่งเซียนเช่นกัน
จะอย่างไรก็ช่าง พลังที่แข็งแกร่งนั้นมาจากตัวเขาไม่ใช่อำนาจสวรรค์!
war!
หลิงฮันพุ่งทะยานพร้อมกับปล่อยหมัดที่อัดแน่นไว้ด้วยปราณดาบออกไป
ใบหน้าของหงหม่าเปลี่ยนสี การอัญเชิญร่างจําแลงของเซียนออกมานั้นเป็นไพ่ลับที่แข็งแกร่งของเขา ภายใต้ออร่าของเซียนที่ถูกปลดปล่อยออกไป คนที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าเซียนใครบ้างจะไม่ถูกลดพลังต่อสู้ลง?
อำนาจสวรรค์ของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งจนสามารถต้านทานได้แม้กระทั่งอำนาจแห่งเซียน
สมกับเป็นสุดยอดราชา ดูเหมือนการที่เขาเป็นผู้ชนะการแย่งชิงวาสนาหุบเขาเฉินเอี๋ยนจะไม่ใช่เพราะโชคช่วย
เขายกหมัดตอบโต้ ‘ตูม’ หมัดของพวกเขาเข้าปะทะกัน
ทั้งสองคนล่าถอยพร้อมกันและหยุดแน่นิ่ง
“ใครเป็นฝ่ายได้เหนือกว่า?”
“มองไม่ออก!”
“ดูนั่น ที่มือของหงหม่า!”
ทุกคนมองตามและพบว่าบริเวณมือของหงหม่านั้นมีรอยโลหิตปรากฏอยู่
ในการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเมื่อครู่ หงหม่าเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ได้สาหัสนัก
ใบหน้าของหงหม่าเปลี่ยนเป็นจริงจังและกล่าว “กระบวนท่าที่สอง!” เขายื่นมือขวาออกไป มือของเขาค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเรียบเนียนดังหยกจนถึงขั้นโปร่งใส สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนว่าด้านในมือของเขามีดวงดาวจำนวนมากกำลังส่องประกายระยิบระยับและปลดปล่อยอำนาจที่ทรงพลังออกมา
รูปปั้นร่างจำแลงของเซียนก็ยังคงอยู่ด้านหลังเขา
หลิงฮันยืนแน่นิ่งรอคอยให้อีกฝ่ายเตรียมพร้อมเสร็จ
“ลงมือ!” ครั้งนี้หงหม่าเป็นฝ่ายจู่โจมก่อน ฝ่ามือของเขาถูกกระแทกออกไป ฝ่ามือหยกโปร่งใส่ปลดปล่อยดวงดาวลงมาจากท้องฟ้าเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันดีดนิ้วปลดปล่อยปราณดาบออกไป
ทักษะดาบฟ้าคำรามทรงพลังเป็นอย่างมาก ดวงดาวขนาดมหึมาที่ล่วงลงมาถูกฟันออกเป็นเศษซากในพริบตา
หงหม่าแสยะยิ้ม คิดว่าไพ่ลับที่ทรงพลังของเขาจะถูกทำลายง่ายๆ?
‘ครืนน’ เศษซากดวงดาวแปรเปลี่ยนเป็นอุกกาบาตนับไม่ถ้วน เป้าหมายที่พวกมันพุ่งเข้าใส่ยังคงเป็นหลิงฮัน พลังอำนาจของพวกมันไม่ได้ลดลงจากเดิมแม้แต่น้อย
หงหม่ามั่นใจเป็นอย่างมา เขากดมือขวาลงพื้นเพื่อเร่งให้ซากอุกกาบาตพุ่งใส่หลิงฮันเร็วขึ้น แต่ทันใดนั้นเองหงหม่าก็ต้องแสดงสีหน้าตกตะลึงเนื่องจากซากอุกกาบาตกำลังค่อยๆสลายหายไป!
ไม่ใช่ว่าซากอุกกาบาตแหลกเป็นเศษหิน แต่เป็นพลังทำลายของซากอุกกาบาตที่ค่อยๆจางหายจนไม่เหลือพลังอยู่เลย
ตูม!
เมื่อซากอุกกาบาตตกลงมา สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงเศษฝุ่นเศษดินที่ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณในขณะที่ผมของหลิงฮันไม่ร่วงแม้แต่เส้นเดียว
กระบวนท่าก่อนหน้านี้หงหม่าได้รับบาดเจ็บที่มือ ส่วนการบวนท่านี้หงหม่าก็ไม่สามารถทำให้หลิงฮันบาดเจ็บ
หากกระบวนท่าต่อไปยังเป็นเช่นนี้อยู่ หงหม่าคงมีทางเลือกเพียงยอมรับความพ่ายแพ้
สีหน้าของหงหม่าเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้คิดว่ากระบวนท่าที่สองจะกำราบหลิงฮันได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรหลิงฮันก็น่าจะเอาจริงพอสมควรถึงจะป้องกันกระบวนท่านี้สำเร็จ แต่ไม่นึกว่าหลิงฮันจะไม่เป็นอะไรเลย
คงต้องใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของจริง ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถเอาชนะหลิงฮันได้
เขาสะบัดไม้กวาดในมือ ‘พรึบ’ รูปแบบอาคมบนไม้กวาดส่องกระกาย แท้จริงแล้วมันถือสมบัติ!
อุปกรณ์กึ่งเซียน!
หงหม่ามีพลังระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นย่อมไม่สามารถใช้งานอำนาจของอุปกรณ์กึ่งเซียนได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถโจมตีด้วยพลังทำลายที่เทียบเท่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง เขาไม่เชื่อว่าด้วยพลังทำลายขนาดนี้จะไม่สามารถกราบราบหลิงฮันที่พลังระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นได้