หลิงฮันปรากฏตัวแล้ว!
ทุกคนตกตะลึง ภาพที่พวกเขาเห็นคือหลิงฮันมีโลหิตไหลออกมาตามร่างกาย เสื้อผ้าถูกย้อมไปด้วยโลหิต เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่รุนแรงมา
หรือเมื่อคืนนี้หมอนี่จะออกไปเตร็ดเตร่นอกสำนักและไปล่วงเกินขุมอำนาจใดเข้าจึงได้ถูกขับไล่จนต้องหลบหนีมา? หากจะบอกว่าเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นในสำนักละอองดารานั้น พวกเขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน
ใครจะลงมือทำร้ายกันภายในสำนักหลักอันเป็นที่พักของเซียนซิงฉา?
ผู้อาวุโสเค้นเสียง “เหตุใดเจ้าถึงมาสาย?”
หลิงฮันชี้ไปยังนาฬิกาทรายบนลานประลอง “ข้าหลับเพลินไปหน่อย แต่จะอย่างไรข้าก็ไม่ได้มาสายเกินเวลาที่กำหนดใช่ไหมล่ะ?” ในขณะที่เขากล่าว ทรายในนาฬิกาทรายก็ไหลลงจนหมดอย่างช้าๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหมดเวลาครึ่งชั่วโมงพอดี
ผุ้อาวุโสนั้นแม้จะเกรี้ยวกราดแต่ก็คร้านจะบ่น เขาหันหลังเดินลงจากลานประลอง
“หลิงฮัน ข้าคิดว่าเจ้าหวาดกลัวที่จะมาประลองกับข้าเสียอีก!” กู่ต้าวอี้กล่าวอย่างเย็นชา
หลิงฮันยิ้ม “ทำไมข้าจะต้องหวาดกลัวที่จะประลองกับคนเช่นเจ้าด้วย?”
“ตอนนี้เจ้าบาดเจ็บ ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งชั่วโมงในการฟื้นฟูตัวเอง” กู่ต้าวอี้กล่าวอย่างองอาจ เขาต้องการโค่นล้มหลิงฮันในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดเพื่อไม่ให้หลิงฮันมีข้ออ้างใดๆเมื่อพ่ายแพ้
เมื่อกู่ต้าวอี้กล่าวเช่นนั้น ทุกคนรอบข้างต่างพยักหน้าชื่นชม สมแล้วที่กู่ต้าวอี้เป็นอัจฉริยะที่สุดแห่งทุกยุคสมัย จิตใจของเขาช่างตรงไปตรงมา
หลิงฮันสะบัดมือและกล่าว “ไม่จำเป็น รีบๆจบการประลองข้าจะได้ไปรับรางวัลของข้า”
นะ…นี่เจ้าบ้ารึเปล่า เจ้าตัดสินไปเองว่าตัวเองชนะแล้วทั้งๆที่ยังไม่ได้ประลอง?
กู่ต้าวอี้กลายเป็นเกรี้ยวกราดทันที เขาจ้องเขม็งไปยังหลิงฮันและยกนิ้วขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหาร “ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเองข้าก็ไม่…”
‘ฉัวะ’ ปราณดาบพุ่งทะยานเข้ามาทำให้เขาต้องหยุดพูดกลางคัน
“จะสู้ก็สู้ไม่ต้องพล่ามให้มากความ” หลิงฮันดีดนิ้วปลดปล่อยปราณดาบ
เอาอีกแล้ว!
กู่ต้าวอี้แทบจะระเบิดความโกรธอกมา ตั้งแต่ในหุบเขาเฉินเอี๋ยนแล้ว ในตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างหลิงฮันชอบลงมือขัดตลอด
“ข้าจะบดขยี้เจ้าให้สิ้นซาก!” เขาคำรามและพุ่งทะยานเข้าหาหลิงฮัน
ตูม!
ทั้งสองปะทะกันทันที เนื่องจากทั้งสองเคยปะทะกันมาก่อนแล้วจึงไม่จำเป็นต้องลองเชิงใดๆ ต่างฝ่ายต่างปลดปล่อยทักษะที่ทรงพลังออกมาและแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด
กู่ต้าวอี้นั้นหลังจากที่บรรลุระดับวารีนิรันดร์แล้ว แก่นกำเนิดนิรันดร์ของเขาก็น่าพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม นิ้วมือของเขาปลกคลุมไปด้วยแสงสลัวของแก่นกำเนิดนิรันดร์ทำให้มีพลังทำลายอันน่าทึ่ง หากถูกจู่โจมเข้าตรงๆแม้แต่เซียนก็คงต้องขมวดคิ้ว
แก่นกำเนิดนิรันดร์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ในดินแดนแห่งเซียน เหมือนกับดาบอสูรนิรันดร์ที่ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเอ็ด แต่หากใช้จู่โจมเข้าใส่เซียนที่ไม่ได้ระวังตัวก็สามารถบดขยี้ดวงวิญญาณของเซียนที่ว่าให้สลายไปได้
ทั้งแก่นกำเนิดนิรันดร์และดาบอสูรนิรันดร์ล้วนแต่มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่อยู่เหนือกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
เมื่อใช้ทักษะทุกชาติภพเสร็จสิ้น ร่างแยกเก้าร่างของกู่ต้าวอี้ก็ปรากฏตัวซึ่งร่วมแล้วมีกู่ต้าวอี้ทั้งหมดสิบคน!
ครั้งนี้กู่ต้าวอี้บรรลุระดับวารีนิรันดร์แล้ว แน่นอนว่าร่างแยกทั้งเก้าย่อมต้องมีพลังระดับวารีนิรันดร์เช่นกัน
จากที่เห็นนี้สามารถบอกได้ว่าทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญนั้นย่อมต้องเป็นทักษะที่ทรงพลังมากในดินแดนแห่งเซียนแน่นอน
ต้องแย่งชิงมาให้ภรรยาของเขาให้ได้!
หลิงฮันคิดในใจพร้อมกับปลดปล่อยอำนาจสวรรค์เพื่อลดพลังต่อสู้ของร่างแยกทั้งเก้าลงสองดาว
“ฮ่าๆๆ!” กู่ต้าวอี้หัวเราะ ก่อนหน้านี้เขามีพลังบ่มเพาะเพียงระดับดาราทำให้ความสามารถของร่างแยกทั้งเก้าถูกจำกัดเอาไว้ แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ขีดจำกัดของร่างแยกทั้งเก้าได้ถูกเปิดผนึกจนมีพลังต่อสู้เหนือกว่าตัวเขาที่เป็นร่างหลักไปแล้ว
“มดปลวกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์คิดจะต่อต้านข้า?” กู่ต้าวอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เชื่อมั่นว่าหลิงฮันต้องเป็นเผ่าสวรรค์บรรพกาลไม่ผิดแน่ และความลับของดินแดนแห่งเซียนก็เป็นความลับระหว่างพวกเขาสองคนที่จะไม่มีทางแพร่งพรายให้ใครรู้
ร่างทั้งเก้าปลดปล่อยทักษะทั้งสิบออกมาพร้อมกันจนเกิดเป็นอำนาจทำลายล้างที่ฝืนสวรรค์
ตูม! ตูม! ตูม!
หลิงฮันรับการกระหน่ะโจมตีจากทั้งสิบทักษะโดยที่ร่างแยกทั้งหลายทรงพลังยิ่งกว่ากู่ต้าวอี้ร่างหลักเสียอีก
กู่ต้าวอี้บ่มเพาะทักษะจากดินแดนแห่งเซียนก็จริง แต่หลิงฮันก็ด้วยไม่ใช่รึไง?
ทักษะที่เขาบ่มเพาะไม่ด้อยไปกว่าทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญแน่นอน แต่อำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์นั้นโดดเด่นไปทางการป้องกัน
หลิงฮันถูกกระหน่ำโจมตีจนต้องล่าถอย แต่ถึงอย่างนั้นบาดแผลที่เขาได้รับก็แค่รอยแผลเล็กๆน้อยตามผิวหนัง เพียงแค่โคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์รอยแผลทั้งหมดก็ถูกรักษาอย่างสมบูรณ์
“เจ้าทำได้เพียงแค่นี้?” หลิงฮันยิ้ม
ใบหน้าของกู่ต้าวอี้กลายเป็นมืดมน ปากของชายผู้นี้ยังคงหยาบคายไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่เขาก็ยอมรับว่ากายหยาของหลิงฮันนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก ไม่จำเป็นต้องใช้ปราณก่อเกิดช่วยเหลือใดๆ แค่กายหยาบเพียงอย่างเดียวก็ทนทานราวกับกระทิงเหล็ก
หลิงฮันต้องเป็นทายาทของสัตว์อสูรที่ทรงพลังจากดินแดนแห่งเซียนไม่ผิดแน่ ไม่เช่นนั้นเขาจะมีกายหยาบที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างไร?
“เหอะ แค่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างเดียวคิดว่าจะโค่นล้มข้าได้?” กู่ต้าวอี้กล่าวอย่างมั่นใจ
หลิงฮันยิ้มเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าข้ามีพลังป้องกันแข็งแกร่งอย่างเดียว?”
กระดูกในร่างของเขาส่องแสง รูปแบบอาคมแรกถูกกระตุ้นใช้งาน
ค่อยๆไปทีละอันไม่ต้องรีบ
หลิงฮันโจมตี ทักษะดาบฟ้าคำรามถูกสะบั้นออกไป อำนาจของมันผสานรวมเข้ากับรูปแบบอาคมและกาลเวลาแปรผันพันปี
“รูปแบบอาคมในร่างกาย?” แววตาอันแหลมคมของกู่ต้าวอี้มองการโจมตีของหลิงฮันออกอย่างรวดเร็ว “กายหยาบของเจ้าแข็งแกร่งพอที่จะสลักรูปแบบอาคมระดับสิบสี่เอาไว้บนร่างกาย! น่าเสียดาย ต่อหน้าข้าแล้วรูปแบบอาคมระดับสิบสี่จะนับเป็นอันใดได้?”
กู่ต้าวอี้ทั้งสิบลงมือพร้อมกันและสลายการโจมตีของหลิงฮันได้อย่างง่ายดาย
“หลิงฮัน เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!” กู่ต้าวอี้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ยอมศิโรราบต่อข้า เจ้าควรตระหนักเอาไว้ว่าข้าคือผู้ที่สามารถนำพาเจ้าไปสู่ความรุ่งโรจน์”
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ไม่ต้องรีบร้อน การโจมตีของข้ายังไม่หมดเท่านี้!” เขากระตุ้นรูปแบบอาคมที่สองและจู่โจมอีกครั้ง
กู่ต้าวอี้ยังคงสลายการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
รูปแบบอาคมที่สาม!
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู่ต้าวอี้ค่อยๆหายไป สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง
เหตุใดพลังของรูปแบบอาคมถึงได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ?
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นรูปแบบอาคมระดับสิบสี่เท่าเดิม แต่พลังทำลายกลับเหนือชั้นไปกว่าระดับของมันมากนัก นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี!
“นะ ในร่างกายเจ้ามีรูปแบบอาคมมากกว่าหนึ่ง!” กู่ต้าวอี้ดวงตาเปิดกว้างด้วยความหวาดกลัว
ครั้งนี้เขาตกตะลึงอย่างแท้จริง