ข้าขอคัดค้าน! ข้าไม่ยอมรับ!
หลิงฮันฮันกล่าวอย่างหนักแน่นราวกับขุนเขา
ทุกคนจ้องมอง แม้หลิงฮันจะยืนโดดเดี่ยว แต่อำนาจของเขาก็ทรงพลังราวว่าต่อให้มีศัตรูอยู่ตรงหน้านับพันเขาก็ไม่หวาดหวั่น!
เหล่าศิษย์ได้รับผลกระทบจากอำนาจของเขาจนแน่นิ่งไม่เอ่ยกล่าวอะไร
“เจ้าไม่ยอมรับ? แล้วมันจะทำไม!” จูซิ่วเอ๋อกล่าวอย่างเหยียดหยาม อย่าว่าแต่เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ที่นี่เลย ต่อให้เซียนทั้งเก้ามาที่นี่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะหักหน้านาง
“งั้นข้าขอถาม ใครคิดว่าข้าสมควรพ่ายแพ้บ้าง?” หลิงฮันกวาดสายตามอง ศิษย์คนอื่นๆในตอนนี้ล้วนแต่ก้มหัวไม่กล้าสบตากับเขา
“ข้าไม่ยอมรับ!” จักรพรรดินีเป็นคนแรกที่ก้าวเดินขึ้นมายังลานประลอง กล้าดีอย่างไรมาสบประมาทสามีของข้า?
“ข้าไม่ยอมรับ!”
“ข้าไม่ยอมรับ!”
“ข้าไม่ยอมรับ!”
สตรีนกอมตะ จักรพรรดิพิรุณ จิ่วเยาว์ ติงผิงและคนอื่นๆก้าวเดินขึ้นมาบนลานประลอง ไม่ใช่แค่สหายของหลิงฮันแต่ราชาระดับสามอย่างซื่อเฉินเฟิง เทียนเซี่ยตี้เอ้อและหลงเซียงเยว่ก็ก้าวขึ้นมาด้วย
สำหรับสุดยอดราชาเช่นพวกเขา หากเป็นการชัยชนะที่ตัดสินด้วยพลังพวกเขาคงไม่คัดค้านอะไร แต่ผลการตัดสินด้วยอำนาจเช่นนี้พวกเขาไม่อาจยอมรับได้!
การประลองจำเป็นต้องยุติธรรม ใครแข็งแกร่งกว่าคนนั้นก็คือผู้ชนะ!
“ข้าไม่ยอมรับ!” ศิษย์อีกคนหนึ่งก้าวขึ้นมาบนลานประลอง เขาไม่ใช่สหายของหลิงฮันหรือราชาระดับสาม หลิงฮันไม่รู้จักศิษย์คนนี้ด้วยซ้ำ
“หลิงฮันคือผู้ชนะ!”
“ขอให้มีการตัดสินใหม่!”
ศิษย์คนอื่นๆเริ่มก้าวโห่ร้อง จำนวนศิษย์ใหม่ในครั้งนี้คือเก้าร้อยคน บนลานประลองได้มีศิษย์ก้าวขึ้นมาเกินกว่าร้อยคนแล้ว แต่ก็ยังมีศิษย์ส่วนหนึ่งที่โห่ส่งเสียงจากด้านข้าง
“เหอะ พวกเจ้าทุกคนคิดจะต่อต้านข้า?” จูซิ่วเอ๋อกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าจะนับถึงสาม หากใครยังไม่ลงไปจากลานประลองข้าจะขับไล่คนผู้นั้นออกจากสำนัก!”
นางมีอำนาจที่จะทำอย่างที่พูดจริงๆ แม้แต่เซียนทั้งเก้าก็ไม่กล้าขัดขืน
แต่ที่นางไม่คาดคิดคือเมื่อกล่าวประโยคนั้นออกไป ศิษย์ที่ก้าวขึ้นมาบนลานประลองกลับมีมากขึ้น
“ขอให้ทำการตัดสินใหม่!”
“หากเรื่องแค่นี้ยังไม่มีความยุติธรรม พวกเราจะอยู่ที่สำนักแห่งนี้ต่อไปเพื่ออะไร?”
“ใช่แล้ว หากข้าอยู่เฉยทำเป็นไม่เห็น เหตุการณ์ในวันนี้จะต้องกลายเป็นมารกัดกินจิตใจของข้าและไม่หลงเหลือความหวังในการเป็นเซียนในอนาคต”
ทุกคนเอ่ยกล่าว
พวกเขาเข้าร่วมสำนักละอองดาราเพื่ออะไร?
ไม่ใช่ว่าเพื่อเป็นเซียนหรอกรึ?
ไม่งั้นแล้วเหล่าศิษย์มากมายที่มีเซียนเป็นผู้หนุนหลังอยู่แล้วจะเสียเวลามาที่นี่ทำไม?
หากมีมารอยู่ในจิตใจความหวังที่จะได้เป็นเซียนก็คงไม่หลงเหลือ เมื่อหนึ่งปีก่อนพวกเขาก็ถูกบังคับให้คลานลอดผ่านช่องวสุนัขครั้งหนึ่งแล้ว ใครบ้างที่ภายในจิตใจจะไม่คับแค้นไปด้วยความขมขื่น พอมาเจอเหตุการณ์ในวันนี้ความรู้สึกที่ว่าก็ได้ปะทุออกมา
ราชาเช่นพวกเขา… ไม่อาจยออมรับความอัปยศได้!
สองร้อยคน สามร้อยคน สี่ร้อยคน ห้าร้อยคน… ศิษย์แทบจะทุกคนก้าวขึ้นมาบนลานประลอง
ใบหน้าของจูซิ่วเอ๋อเปลี่ยนเป็นเย็นชา ในเมื่อคนเหล่านี้ไม่คิดจะเชื่อฟังแต่โดยดีนางก็ไม่คิดจะปล่อยเอาไว้ พวกเจ้าคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่มาจากไหน? นางแสยะยิ้มและกำลังจะเอ่ยกล่าว แต่ทันใดนั้นเองแรงกดดันก็ได้ถาโถมเข้ามาจนนางอ้าปากไม่ได้
“ผู้ชนะการประลองครั้งนี้คือหลิงฮัน!” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างทรงพลังราวกับเป็นเจตจำนงแห่งสวรรค์และปฐพี
เซียนซิงฉา!
จูซิ่วเอ๋อมีสีหน้ามืดมน นางไม่คาดคิดว่าสามีของนางจะหักหน้านางเช่นนี้ แต่ถึงนางจะไม่พอใจแค่ไหนนางก็ไม่กล้าคัดค้าน
ทั้งสถานะและอำนาจของนางมาจากเซียนซิงฉา เพียงแค่คำพูดของเซียนซิงฉาประโยคเดียวย่อมสามารถทำให้สถานะของนางสลายหายไปได้
ในเมื่อเซียนซิงฉาเป็นคนกล่าวเองย่อมไม่มีใครมีข้อกังขา หลิงฮันคือผู้ชนะ
ศิษย์ทุกคนโห่ร้องด้วยความยินดี การที่เซียนซิงฉาออกหน้าสนับสนุนพวกเขาเช่นนี้ทำให้พวกเขาปราบปลื้มเป็นอย่างมาก
ใบหน้าของกู่ต้าวอี้และเหล่าผู้อาวุโสกลายเป็นบูดบึ้ง
“หลิงฮัน! หลิงฮัน! หลิงฮัน!” ทุกคนจตะโกนชื่อของหลิงฮันออกมาพร้อมกัน
หลิงฮันยิ้มและรู้สึกขอบคุณทุกคน
เขาไม่รู้ว่าหากไม่มีการสนับสนุนจากศิษย์คนอื่นๆเซียนซิงฉาจะยอมยืนมือเข้ามาแทรกแซงรึไม่ แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ทำให้เขาโหยหาพลังมากยิ่งขึ้น
หลิงฮันมองไปยังจูซิ่วเอ๋อด้วยความเกรี้ยวกราดก่อนจะกวาดสายตามองกู่ต้าวอี้และผู้อาวุโสคนอื่น ถึงแม้ชัยชนะจะกลับคืนมาเป็นของเขาแต่ปัญหาที่จูซิ่วเอ๋อก่อขึ้นก็ทำให้เขาต้องล่วงเกินผู้อาวุโสทุกคน
แต่ต่อให้ล่วงเกินไปแล้วก็ช่าง จะอย่างไรเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับผู้อาวุโสเหล่านี้อยู่แล้ว
หลิงฮันไม่รีรอและกลับสำนักย่อยที่แปดกับจักรพรรดินี เหล่าผู้อาวุโสไม่ได้ยินดีกับชัยชนะของเขาอยู่แล้ว ทำไมจะต้องมัวรอเสียเวลากลับพร้อมกับพวกเขา?
พวกเขากลับมาสำนักย่อยที่แปดอย่างเงียบๆ หลิงฮันมุ่งหน้าไปยังห้องตำราเพื่อเลือกรูปแบบอาคมใหม่ หากเขาพบเจอกู่ต้าวอี้อีกครั้ง เขาจะไม่เปิดๆโอกาสให้อีกฝ่ายตอบโต้และลงมือสังหารทันที
สตรีนกอมตะก็ตามเขามาที่สำนักย่อยที่แปดด้วย เพราะอย่างไรจอมยุทธก็ต้องปลีกตัวพบเพาะพลังอยู่แล้ว การจะไม่อยู่สำนักย่อยของตนเองเป็นเวลาร้อยกว่าปีย่อมไม่มีปัญหาอะไร
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่นานจนในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกรูปแบบอาคมอีกาโลหิต
ในหมู่รูปแบบอาคมระดับสิบห้ามันคือรูปแบบอาคมชั้นที่ทรงพลังอันดับต้นๆ พลังทำลายของมันสามารถเทียบได้กับระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงชั้นสูงสุด หากกระตุ้นใช้งานพร้อมกันสิบอันแม้จะไม่ทรงพลังถึงระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด แต่ก็คงมีพลังทำลายขั้นสูงสุดชั้นกลางหรือชั้นสูงเป็นอย่างน้อย
เขากลับมายังที่พักแล้วเข้าไปในหอคอยทมิฬพร้อมกับศึกษารูบแบบอาคมใต้ต้นสังสารวัฏ
เจ็ดวันต่อมา เหวยเชินได้นำกลุ่มศิษย์ใหม่กลับมายังสำนักย่อยที่แปด
เหล่าศิษย์เก่ารอคอยมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พอพวกเขามุ่งหน้าไปยังกลุ่มศิษย์ใหม่กลับไม่พบร่างของหลิงฮัน
ที่แท้หลิงฮันก็แอบกลับมาก่อน
เมื่อผลการต่อสู้รอบสุดท้ายของหลิงฮันกับกู่ต้าวอี้และเรื่องที่จูซิ่วเอ๋อเข้ามาแทรกแทรกผลการประลองถูกแพร่กระจายออกไป เหล่าศิษย์เก่าต่างรู้สึกจิตวิญญาณเดือดพล่าน
ถึงแม้พวกเขาจะไม่สามารถล้มเลิกวัฒนธรรมของสำนักให้กับหลิงฮันได้แต่พวกเขาก็ต้องยกนิ้วโป้งชมเชย
หากหลิงฮันเป็นคนยอมใครง่ายๆ ในวันแรกที่เข้าร่วมสำนักเขาจะคัดขืนไม่ยอมคลานลอดผ่านช่องสุนัขรึไง?