อันที่จริงเซียนซิงฉานั้นต้องการรับกู่ต้าวอี้เป็นศิษย์มานานแล้ว ในความคิดของเขา แก่นกำเนิดนิรันดร์คือความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกนี้ หากฝึกฝนให้ดี กู่ต้าวอี้จะสามารถเป็นผู้สืบทอดของเขาได้อย่างแน่นอนหรือบางทีอาจจะก้าวข้ามเขากลายเป็นราชาเซียนที่เขาได้แต่ใฝ่ฝัน
ราชาเซียนนั้นสำหรับตัวเขาคงเป็นไปไม่ได้ แต่หากเขาฝึกฝนกู่ต้าวอี้ให้กลายเป็นราชาเซียนสำเร็จ ต่อให้เขาสิ้นอายุขัยบุตรของเขาก็ยังมีผู้หนุนหลังที่พึ่งพาได้อยู่
แต่ที่เซียนซิงฉาไม่รู้คือก้าวต้าวอี้ไม่ต้องการคำชี้แนะจากเขาเลยแม้แต่น้อย อีกฝ่ายเคยเป็นถึงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน ที่กู่ต้าวอี้เข้าร่วมสำนักละอองดาราก็เป็นเพราะเขาต้องการเวลาและทรัพยากรบ่มเพาะ
ในสายตาของกู่ต้าวอี้ ทุกชีวิตบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นเพียงมดปลวก
ตามปกติแล้วเซียนซิงฉาจะยังไม่ได้รับศิษย์เร็วขนาดนี้ แต่เป็นเพราะกู่ต้าวอี้พ่ายแพ้ให้แก่หลิงฮัน เขากลัวว่าจิตใจของกู่ต้าวอี้จะสั่นคลอนจนส่งผลกระทบของวิถีวรยุทธ ด้วยเหตุนั้นแล้วเขาจึงประกาศรับกู่ต้าวอี้เป็นศิษย์ทันที
การรับศิษย์ของเซียนซิงฉาทำให้ศิษย์มากมายแตกตื่นและเริ่มคิดจะออกจากสำนัก
ที่พวกเขาเข้าร่วมสำนักละอองดาราไม่ใช่ว่าเพื่อแย่งชิงตำแหน่งศิษย์คนสุดท้ายของเซียนซิงฉาและกลายเป็นเซียนหรอกรึ? ตอนนี้เมื่อตำแหน่งนั้นถูกครอบครองไปแล้วพวกเขาจะยังอยู่ที่นี่ต่อไปอีกเพื่ออะไร?
จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้!
หลิงฮันอุทานในใจ เขากำลังคิดแผนจะวางกับดักสังหารกู่ต้าวอี้ แต่หากเมื่อกลับมาจากตามสำเขตแดนลี้ลับแล้วที่สำนักไม่มีศิษย์คนใดเหลืออยู่เลย เขาจะใช้วิธีการใดแพร่กระจายข่าวไปยังกู่ต้าวอี้?
ให้เขาไปเชิญชวนกุ่ต้าวอี้ตรงๆเลย?
จะบ้ารึเปล่า!
หลิงฮันครุ่นึคิดก่อนจะออกจากที่พักไปและตำโกนเสียงดังลั่น เขาเตือนไม่ให้จิตใจของทุกคนสั่นไหว ต่อให้เซียนเลือกศิษย์แล้วก็ตาม แต่ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ความพากเพียร!
ความพยายามอาจจะไม่นำพาสู่ความสำเร็จ แต่หากไม่พยายามเลยก็จะไม่มีวันสำเร็จ!
ทุกคนสามารถเข้าสำนักละอองดาราได้เป็นเพราะพรสวรรค์ของตนเองซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแต่มีความหวังจะกลายเป็นเซียน พวกเขาจะละทิ้งความเชื่อมั่นเพียงเพราะได้รับผลกระทบจากคนอื่นได้อย่างไร?
เป้าหมายมีให้ไล่ตามอยู่ตรงหน้าแล้ว… อยู่สำนักต่อและก้าวข้ามกู่ต้าวอี้!
เมื่อหลิงฮันกล่าวคำพูดเหล่านี้ออกไป ทั่วทั้งสำนักย่อยที่แปดก็ร้อนระอุทันใด
ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่ากู่ต้าวอี้จะเป็นเซียนได้เสมอไป ยังเร็วไปที่จะยอมแพ้ ยิ่งกว่านั้นต่อให้ออกจากสำนักไปบ่มเพาะพลังเองก็ไม่มีประโยชน์เสียหน่อย ในทางกลับการ หากอยู่ที่นี่ซึ่งมีสุดยอดอัจฉริยะเยอะดั่งเมฆบนท้องฟ้าล่ะก็ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีคู่แข่งให้ค่อยประมือแต่ยังทำให้มีจิตใจที่ไม่ยากยอมแพ้อีกด้วย
หากเปลี่ยนคนที่กล่าวเป็นคนอื่น คำพูดคงไม่มีน้ำหนักขนาดนี้ หลิงฮันนั้นต่างออกไป ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักตั้งแต่ตอนที่ฝ่าฝืนวัฒนธรรมของสำนัก แถมไม่นานมานี้เขายังเอาชนะกู่ต้าวอี้เป็นอันดับหนึ่งของการประลองศิษย์ใหม่ได้อีกด้วย ในสำนักละอองดารา หลิงฮันอาจจะยังไม่แข็งแกร่งเท่ากับศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่หากเป็นชื่อเสียงล่ะก็เขาโด่งดังยิ่งกว่าเหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเสียอีก
คำพูดถูกส่งผ่านจากสำนักย่อยที่แปดไปยังสำนักย่อยอื่นๆซึ่งสามารถโน้มน้าวทุกคนได้เป็นอย่างดี แม้มีศิษย์บางส่วนที่เลือกออกจากสำนัก แต่ศิษย์ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะอยู่ต่อ
หลิงฮันถอนหายใจโล่งอก หลังจากนี้เขาต้องทำปรุงแต่งให้เหมือนมีสมบัติของราชาเซียนเกิดขึ้นเพื่อสร้างความโกลาหลขึ้นที่สำนักจนทุกคนต้องพูดกันปากต่อปาก และเขาจะทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้โดยที่มีเพียงกู่ต้าวอี้ที่มาจากดินแดนแห่งเซียนเท่านั้นที่จะรับรู้ได้ อะไรบางอย่างที่อาจจะเป็นสมบัติจากดินแดนแห่งเซียน กู่ต้าวอี้ต้องรู้สึกสนใจมากเป็นแน่
หลิงฮัน จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะเตรียมพร้อมออกเดินทาง หลังจากออกจากอาณาเขตของสำนักละอองดาราแล้วพวกเขาจะใช้อุปกรณ์บินแหวกเมฆาเหาะเหินสู่อวกาศ แต่เพียงแค่พวกก้าวเดินออกมา กลุ่มของศิษย์เก่าจำนวนมากก็ปรากฏหัวห้อมล้อมพวกเขา
“หลิงฮัน!” ศิษย์เก่าผู้หนึ่งคำราม เขามีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด จากประสบการณ์ครั้งที่ผ่านมา แม้แต่ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางก็ไม่สามารถหยุดยั้งหลิงฮันได้ เพราะงั้นตอนนี้จึงถึงเวลาที่ศิษย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงจะลงมือ แถมยิ่งเป็นขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดด้วยแล้ว พลังต่อสู้ของเขาย่อมทัดเทียมได้กับระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด
ขนาดนี้แล้วก็ยังกำราบหลิงฮันได้? พวกเขาไม่เชื่อเด็ดขาด!
“ว่าอย่างไร?” หลิงฮันกวาดสายตามอง เขาพบว่าสีหน้าของศิษย์เก่าเหล่านี้ค่อนข้างแปลกประหลาด โดยที่ไม่ได้มีสีหน้าเกรี้ยวกราดเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา หากเป็นก่อนหน้านี้พวกเขาคงจะคำรามอย่างโหดเหี้ยมและลงมือกับเขาแล้ว
“พวกเราได้ยินคำกล่าวของเจ้าแล้ว พวกเราขอนับถือในตัวเจ้า” ศิษย์เก่ากล่าว “พวกเราจะยกเว้นเจ้าเป็นกรณีพิเศษ เจ้าไม่จำเป็นต้องคลานลอดผ่านช่องสุนัขก็ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จำเป็นต้องกล่าวคำขอโทษศิษย์เก่าต่อหน้าทุกคนและจะถือว่าเจ้ากลายเป็นศิษย์ของสำนักย่อยที่แปดอย่างแท้จริง”
สิ่งต่างๆที่หลิงฮันทำนั้นน่ายกย่องเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะที่เขากล้าต่อต้านจูซิ่วเอ๋อที่เป็นภรรยาของเซียนซิงฉานั้น แม้แต่เหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือเซียนทั้งเก้าก็ต้องยกนิ้วมือให้
เพราะงั้นแล้วเหล่าศิษย์เก่าจึงตกลงกันว่าจะไม่บังคับให้หลิงฮันคลานลอดผ่านช่องสุนัขอีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันก็ต้องยอมไว้หน้าพวกเขาบ้าง
พวกเขาคิดว่าหลิงฮันจะต้องยอมรับข้อเสนอนี้แน่ เพราะอย่างไรพลังบ่มเพาะของหลิงฮันก็ยังต่ำเกินไป อย่างน้อยเขาก็ต้องใช้เวลาราวๆหนึ่งล้านปีในการบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงหรือสูงสุด
พวกเขาไม่เชื่อว่าหลิงฮันจะเก็บตัวบ่มเพาะพลังอยู่แต่ในที่พักเป็นเวลาหนึ่งล้านปีได้!
หลิงฮันไม่คิดแม้แต่น้อย เขาส่ายหัวและกล่าว “ข้าไม่ขอโทษใครทั้งนั้น!” ช่างน่าขัน เขาไปทำผิดอะไรด้วยรึไง? แน่นอนว่าไม่!
ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมเขาต้องก้มหัวขอโทษในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำด้วย?
ต่อให้เป็นเซียนซิงฉาก็ไม่อาจบังคับให้เขาก้มหัวได้ แล้วพวกเจ้าล่ะเป็นใคร?
มีเห็นท่าทีหนักแน่นของหลิงฮัน เหล่าศิษย์เก่าก็มีใบหน้าอัปลักษณ์ทันที พวกเขายอมขนาดนี้แล้วหลิงฮันยังดื้อรั้นอยู่อีก? แค่ให้เจ้าขอโทษอย่างจริงใจต่อหน้าทุกคนมันเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับเจ้าขนาดนั้นเชียว?
เหล่าศิษย์เก่าต้องมาเป็นฝ่ายร้องขอให้เจ้าขอโทษ เจ้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายรู้สึกเป็นเกียรติ!
ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมรับข้อเสนอนี้กัน?
ศิษย์เก่าที่เป็นแกนนำใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นมืดมนและกล่าว “ศิษย์น้องหลิง หากพูดดีๆแล้วเจ้าไม่ฟังข้าก็คงมีแต่ต้องใช้กำลัง!”
เขาลงมือจู่โจม ฝ่ามือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าและกดทับลงมาใส่หลิงฮัน ภายในฝ่ามือปรากฏดวงดาวนับหมื่นอยู่ภายใน เพียงแค่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากฝ่ามือก็เพียงพอที่จะทำให้จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นทั่วไปขาอ่อน
หลิงฮันปล่อยหมัด รูปแบบอาคมอีกาโลหิตถูกกระตุ้นใช้งาน ปีกคู่หนึ่งปรากฏออกมาแสละสยายออกปลดปล่อยขนที่แหลมคมราวกับใบดาบนับไม่ถ้วน เมื่อผสานกับอำนาจแห่งกาลเวลาของทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีด้วยแล้ว ท้องฟ้าสีครามเบื้องบนแทบจะถูกฉีกขาด