บริเวณแห่งนี้คือห้วงอวกาศที่สันโดษและว่างเปล่า ดวงดาวดวงที่อยู่ใกล้ที่สุดคือดวงดาวที่อยู่ห่างออกไปอย่างน้อยพันล้านไมล์
หลิงฮันยืนอยู่กลางอวกาศที่ว่างเปล่า… สมบัติอยู่ที่ไหน?
“เจ้าจำผิดรึเปล่า?” จักรพรรดินีเอ่ยถาม
หลิงฮันส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้!”
ด้วยความจำของเขา ไม่มีทางเลยที่จะจดจำพิกัดผิดพลาด
“เดี๋ยวก่อน” จู่ๆเขาก็ชะงัก “มีบทพูดอยู่อีกอย่างหนึ่ง แต่ในตอนนั้นข้าไม่อาจทำความเข้าใจได้เลยคิดว่าเป็นเพียงคำพูดที่ไม่มีความหมาย”
ก็เหมือนกับการที่ตัวตนระดับเซียนเอ่ยคำพูดพยายามชี้แนะเกี่ยวกับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของระดับสร้างสรรพสิ่ง เป็นไปได้อย่างไรที่จอมยุทธระดับทลายมิติจะสามารถเข้าใจได้?
เปรียบแล้วก็คือการสีซอให้ควายฟัง
หลิงฮันในตอนนั้นได้ยินประโยคคำพูดของตัวตนที่คาดว่าอาจจะเป็นราชาเซียน ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะไม่เข้าใจและคิดว่าเป็นเพียงคำพูดไร้สาระ
เขาพยายามนึกและเอ่ยคำแปลกๆออกมาทีละพยางค์ “อ้า… อัน.. ผัวะ… หลัว.. ซือ…”
“หืม!” จักรพรรดินีชะงัก “ร่างกายของข้ามีปฏิกิริยากับคำเหล่านั้น!”
หลิงฮันหยุดกล่าว “ปฏิกิริยาแบบใด?”
“ข้าก็ไม่รู้ ข้าแต่รู้สึกได้เท่านั้น บางทีข้าอาจจะรู้จักคำเหล่านั้น” จักรพรรดินีจ้องมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าจริงจัง
“ภาษานิรันดร์!” ทั้งสองกล่าวพร้อมกัน
ไม่ผิดแน่ จักรพรรดินีเป็นเผ่าสวรรค์บรรพกาล บรรพบุรุษของนางถูกขับไล่ออกมาจากดินแดนแห่งเซียน สายเลือดของนางถูกสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เพราะงั้นเมื่อได้ยินภาษานิรันดร์สายเลือดของนางจึงมีการตอบสนอง
“กล่าวต่อเลย” จักรพรรดินีเอ่ย
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าวต่อ ซึ่งในขณะนั้นได้มีพลังงานบางอย่างค่อยๆไหลผ่านเข้ามาโดยต่อให้จะตัวตนระดับเซียนก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ว่านี้ได้
และเนื่องจากต่อให้เป็นเซียนก็ไม่สามารถสัมผัสถึงพลังงานได้ เมื่อหลิงฮันกล่าวจบเขาจึงไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆแม้แต่น้อย
“ข้านึกว่าพอกล่าวจบจะมีประตูหรือทางเข้าอะไรโผล่มาเสียอีก” หลิงฮันเกาหัวด้วยความผิดหวัง
“หรือไม่เช่นนั้นก็สมควรเกิดช่องว่างมิติที่จะนำพาไปสู่เขตแดนลี้ลับ” สตรีนกอมตะกล่าวเสริม
จักรพรรดินีกล่าว “เป็นไปได้รึไม่ว่าเจ้าจะกล่าวประโยคส่วนใดผิด?”
“ไม่น่าเป็นเช่นนั้น” หลิงฮันส่ายหัว เขามั่นใจว่าตนเองไม่มีทางจำผิด
จักรพรรดินีเองก็ไม่ตั้งคำถามกับหลิงฮัน นางครุ่นคิดก่อนจะกล่าวต่อ “สำรวจบริเวณนี้กันก่อนดีกว่า ส่วนเจ้าก็ลองกล่าวคำพูดเหล่านั้นซ้ำไปมาดู”
“อืม” หลิงฮันพยักหน้าและกล่าวคำพูดเดิมๆหลายหลัง ด้วยการสนับสนุนของปราณก่อเกิด เสียงของเขาได้ดังสั่นสะเทือนไปทั่วห้วงอวกาศรอบๆ
แต่ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“ลองรอสักสามวัน”
“ตกลง”
พวกเขารอคอยเป็นเวลาสามวันแต่ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
หลิงฮัน “…”
“รออีกสามวันแล้วกัน” เขาครุ่นคิดและกล่าวอีกครั้ง
“อืม!” จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะย่อมไม่คัดค้าน
แต่สามวันถัดมาก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“…ขออีกสามวันสุดท้าย” หลิงฮันกัดฟัน
พวกเขารอคอยจนผ่านไปหนึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว พวกหลิงฮันตั้งจะใจรอแค่สามวันก็จริงแต่ใจหนึ่งก็หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
“ครั้งนี้ล่ะสามวันสุดท้ายจริงๆ” หลิงฮันตบหน้าอกรับปาก
“อืม” จักรพรรดินียิ้มและไม่คัดค้านความเอาแต่ใจของหลิงฮัน
“หรือว่าสมบัติจะถูกนำไปแล้ว?” สตรีนกอมตะแสดงความสงสัย
“ไม่น่าเป็นเช่นนั้น” หลิงฮันกล่าวอย่างลังเล จิตวิญญาณในเขตแดนลี้ลับสิบสองสวรรค์เคยกล่าวไว้ชัดเจนว่าต่อให้จะมีคนค้นพบพิกัดดวงดาวด้วยความบังเอิญก็ไม่สามารถแย่งชิงสมบัติไปได้
แถมขุมอำนาจที่ปกครองทวีปฮงเทียนในช่วงเวลานั้นก็คือนิกายโบราณทั้งห้า ต่อให้พวกเขาได้พิกัดดวงดาวไปหลิงฮันก็ไม่เชื่อว่าห้านิกายโบราณจะมีความสามารถพอที่จะนำสมบัติไปครอบครอง
“หืม!” หลิงฮันและจักรพรรดินีอุทานพร้อมกัน สัมผัสอันแหลมคมของระดับวารีนิรันดร์ของทั้งสองคนพบเจอกับความผิดปกติบางอย่าง
“เกิดอะไรขึ้น?” สตรีนกอมจะถาม
หลิงฮันและจักรพรรดินีจ้องมองไปยังมุมหนึ่งของอวกาศและชี้นิ้ว “ตรงนั้น!”
สตรีนกอมตะเพ่งสายตามองไปยังบริเวณนั้นแต่ก็ไม่พบเห็นอะไร ทว่านางรู้ว่าหลิงฮันกับจักรพรรดินีไม่มีทางหลอกนางแน่นอน หลังจากเพ่งมองอยู่ชั่วครู่ ที่บริเวณนั้นก็มีจุดแสงส่องประกายจะยิบและค่อยพุ่งเข้ามาหาพวกนางอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันและจักรพรรดินีสูดหายใจลึก นี่พวกเขากำลังเห็นอะไรกัน?
ท่ามกลางอวกาศอันมืดมิด นกอมตะสามตัวกำลังกระพือปีกโบนบินอยู่ แต่ละคนตัวมีขนาดมหึมาราวกับขุนเขา ปีกทั้งสองข้างของพวกเขาแผ่กว้างขวางออกไปหลายพันไมล์
แม้พวกมันจะยังบินมาไม่ถึงพวกเขาแต่ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่รุนแรงเกินจะพรรณนา
นกอมตะ ตัวตนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับมังกรแท้ หนึ่งในสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุด
พวกหลิงฮันทั้งสามคนตกตะลึง หากจะบอกว่าในอวกาศอันกว้างใหญ่นี้ พวกเขาดันบังเอิญพบเจอนกอมตะถึงสามตัวนั้น ความเป็นไปได้แทบจะเท่ากับศูนย์! ความบังเอิญเช่นนั้นไม่มีทางเกิดขึ้น
บทพูดที่กล่าวออกไป!
แทนจะเปิดทางเข้าสู่ขุมสมบัติกลับเป็นการเรียกเชิญนกอมตะสามตัวแทน! ยิ่งกว่านั้นนกอมตะทั้งสามเองก็ไม่อยู่ว่าแต่เดิมอยู่ห่างจากที่นี่มากขนาดไหน พวกเขาถึงต้องใช้เวลาตั้งสามสิบวันกว่าจะมาถึง
ตัวตนระดับเซียนสามารถเคลื่อนที่ข้ามเขตดวงดาวได้ในระยะเวลาเพียงชั่วครู่ ความเร็วเช่นนั้นเหนือกว่าอุปกรณ์บินแหวกเมฆาไม่รู้ที่เท่าตัว การที่พวกมันต้องใช้เวลาโบยบินถึงสามสิบวันนั้นพวกมันต้องอยู่ห่างออกไปไกลเพียงใด?
พรึบ!
สตรีนกอมตะสยายปีกออกจากแผ่นหลัง แต่เมื่อเทียบกับนกอมตะทั้งสามแล้ว ขนาดปีกของนางไม่อาจนำไปเทียบกันได้เลย
และถึงแม้หลิงฮันจะไม่เคยพบเจอเซียนซิงฉามาก่อน แต่เขาสามารถคาดเดาได้อย่างไม่ยากเย็นเลยว่า แม้แต่เซียนระดับสูงอย่างเซียนซิงฉาก็ไม่สามารถเทียบกับนกอมตะทั้งสามแม้แต่นิดเดียว
ราชาเซียน… ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กล่าวได้ว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุด!
แม้แต่หลิงฮันก็ยังหวาดหวั่น เขาเอื้อมมือออกไปจับข้อมือของจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะเอาไว้เพื่อที่จะหลบหนีเข้าไปในหอคอยทมิฬได้ตลอดเวลา
ราชาเซียนเคลื่อนที่ได้เร็วมาก เพียงแค่นกอมตะทั้งสามกระพือปีกชั้นมิติก็เกิดการฉีกขาด พริบตาเดียวพวกมันได้มาปรากฏอยู่ด้านหน้าพวกเขา
พวกหลิงทั้งสามคนตกตะลึงอ้าปากค้างพร้อมกัน สิ่งที่พวกเขาเห็นตอนนี้น่าตกตะลึงยิ่งกว่าตอนเห็นนกอมตะทั้งสามเสียอีก