“บางทีอาจจะยังมีสมบัติอื่นหลงเหลืออยู่อีก” หลิงฮันมองไปยังส่วนลึกของห้องสมบัติ
จักรพรรดิเต็มไปด้วยความรู้สึกคาดหวัง ถึงแม้บรรพบุรุษของนางจะมาจากดินแดนแห่งเซียน แต่นางก็ไม่ได้รับสืบทอดสมบัติอะไรมาจากเลยจากสายเลือด ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าสมบัติของดินแดนแห่งเซียนจะเป็นเช่นไร
ทั้งสองเก็บเกี่ยวสมบัติทั่วห้องจนสุดท้ายทั้งห้องสมบัติได้เหลืออยู่เพียงกล่องหยกใบเดียว
คงไม่ใช้กล่องนำพาสู่เขตแดนลี้ลับอีกแล้วหรอกนะ?
หลิงฮันและจักรพรรดินีมองหน้ากัน จนถึงตอนนี้พวกเขาไม่พบสมบัติชิ้นใดที่มีระดับเกินว่าเซียนเลย
บางทีอาจจะเป็นกล่องหยกใบนี้ที่ซ่อนสมบัติอันล้ำค่าที่สุดเอาไว้
“ระวังด้วย!” จักรพรรดิกล่าวเตือน มือขวาของเขากำหินต้นกำเนิดสวรรค์เอาไว้แน่นเผื่อกรณีฉุกเฉิน
หลิงฮันพยักหน้าและค่อยๆเอื้อมมือไปเปิดกล่องหยกอย่างช้าๆ
กล่องหยกใบนี้ไม่ได้หนักเลยแม้แต่นิดเดียว ทันทีที่เปิดออกประกายแสงสีทองก็ส่องสว่างไปทั่วราวกับพระเจ้าแห่งยุคบรรพกาลกำลังจะตื่นจากการหลับไหล
ยิ่งกล่องถูกเปิดออกมากขึ้น ประกายแสงสีทองก็ส่องสว่างปกคลุมไปทั่วทั้งห้องสมบัติ ประกายแสงได้เล็ดลองออกไปยังพื้นตำหนักที่อยู่ด้านบนและทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้า
แต่แสงสว่างก็คงอยู่เพียงแค่ไม่นานก็จางหายไป และพบกับม้วนกระดาษสองแผ่นถูกวางเอาไว้ในกล่อง
นะ… นี่น่ะรึสมบัติ?
ต่อให้ม้วนกระดาษทั้งสองนี้เป็นม้วนคำสั่งของราชาเซียน จำนวนการใช้ก็ยังมีจำกัด มันไม่คุ้มค่าที่จะให้เหล่าราชาเซียนของดินแดนต้องห้ามออกไล่ล่าเลย
“หืม!” หลิงฮันตะลึง เขาพบโลหิตถูกประทับเอาไว้บนม้วนกระดาษ แม้จะเป็นเพียงหยดโลหิตเล็กๆแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ราวกับสวรรค์กำลังหล่นทับลงมา มันหนักหน่วงเกินจะพรรณนาได้ โลหิตนี้ย่อมต้องเป็นของปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งไม่ผิดแน่
โชคดีที่โลหิตนี้ไม่ได้แฝงจิตสังหารเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเพียงแค่โลหิตของเซียนเพียงหยดเดียวก็สามารถลบจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เช่นพวกเขาให้หายไปได้
หลิงฮันต้องการหยิบม้วนกระดาศขึ้นมาแต่ก็พบว่าไม่ว่าจะออกแรงเท่าไหร่ม้วนกระดาษก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
“คิดว่าข้าจะหยิบขึ้นมาไม่ได้รึ!” หลิงฮันเค้นเสียง ในเมื่อโลหิตที่ประทับเอาไว้ไม่มีจิตสังหาร เขาจึงสามารถใช้สัมผัสสวรรค์โอบล้อมกล่องเอาหยกเอาไว้ได้และนำมันเข้าไปในหอคอยทมิฬ
เหอๆ ในหอคอยทมิฬ ต่อให้เป็นราชาเซียนตัวเป็นๆเขาก็จัดการได้ไม่ยาก
ณ เวลานี้ไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุดของหลิงฮันย่อมเป็นหอคอยทมิฬ แม้กระทั่งคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ก็ยังเป็นทักษะของหอคอยทมิฬ
น่าเสียดายที่เขายังไม่สามารถใช้หอคอยทมิฬได้อย่างอิสระ ไม่เช่นนั้นในดินแดนแห่งเซียนเขาต้องไร้พ่ายอย่างไม่มีข้อสงสัย
“ภรรยาข้า เข้าไปในหอคอยทมิฬกันเถอะ”
“อืม”
พวกหลิงฮันเข้าไปตรวจสอบกล่องหยกต่อในหอคอยทมิฬ
ครั้งนี้หลิงฮันเปิดกล่องหยกโดยไม่มีความกังวลใดๆ
“โลหิตที่ประทับเอาไว้คือของราชาเซียน?” หลิงฮันแหงนหน้ามองและเอ่ยถาม แต่คู่สนทนาของเขาไม่ใช่จักรพรรดินี
หอคอยน้อยปรากฏตัวอย่างเงียบๆและสั่นไหวเล็กน้อย “ไม่ผิด”
“บางทีอาจจะเป็นโลหิตที่ราชันวารีสวรรค์ทิ้งเอาไว้” หลิงฮันคาดเดา
หลิงฮันคลี่ม้วนกระดาษอย่างช้าๆ
“นี่มันจดหมาย!” เนื้อหาภายในไม่ใช่ม้วนคำสั่งแต่เป็นจดหมายทิ้งท้ายก่อนตาย
เขากับจักรพรรดิยืนอ่านจดหมายเคียงข้างกัน
หลังจากอ่านอยู่นานสองนาน ทั้งคู่ก็วางจดหมายทิ้งท้ายลง จดหมายฉบับนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของห้องสมบัติจริงๆ
เรื่องราวนั้นเริ่มขึ้นมาจากตอนแรก
ราชันวารีสวรรค์ไม่ใช่คนของดินแดนต้องห้ามแต่เป็นอัจฉริยะแห่งเผ่าสวรรค์บรรพกาล เมื่อสายเลือดของเขาตื่นขึ้น เส้นทางในศาสตร์วรยุทธของเขาก็ดำเนินไปอย่างราบลื่นและได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของดินแดนแห่งเซียนจากสายเลือดของบรรพบุรุษ
ในตอนแรกราชันวารีสวรรค์ไม่เชื่อแม้แต่น้อย แต่ยิ่งสายเลือดของเขาแข็งแกร่งขึ้นความรู้สึกที่มีต่อดินแดนแห่งเซียนก็ยิ่งหนักแน่นขึ้นจนสุดท้ายเขาได้ออกตามหาเส้นทางที่จะนำพาไปสู่ดินแดนแห่งเซียน ผลลัพธ์จากความพยายามของเขาไม่ได้ช่วยทำให้พบดินแดนแห่งเซียนแต่อย่างใด สิ่งที่เขาค้นพบคือถ้ำอันเป็นสถานที่ฝังศพของราชานิรันดร์
(*ราชานิรันดร์คือระดับพลังสูงสุดของดินแดนแห่งเซียน)
เขารู้เพียงว่าในดินแดงแห่งเซียนได้เกิดมหาโศกนาฏกรรมขึ้น ราชานิรันดร์ผู้นี้ถูกสังหารในดินแดนแห่งเซียนและร่วงหล่นมายังที่นี่ สมบัติติดตัวของราชานิรันดร์คนนั้นตกเป็นของราชันวารีสวรรค์ซึ่งสมบัติส่วนใหญ่ก็เป็นวัสดุเซียนที่หลิงฮันพบ
อย่างที่หอคอยน้อยเคยบอกเอาไว้ เหนือกว่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบคือแร่โลหะนิรันดร์ จากแร่โลหะระดับเซียนไปเป็นแร่โลหะนิรันดร์นั้น มีความห่างไกลกันราวกับการก้าวเดินขึ้นสวรรค์
แม้แต่ราชานิรันดร์ก็ยังไม่มีแร่โลหะนิรันดร์ นั่นหมายความว่าต่อให้เป็นที่ดินแดนแห่งเซียนแร่โลหะนิรันดร์ก็ยังล้ำค่าเกินกว่าจะจินตนาการ
หลิงฮันนึกถึงดาบอสูรนิรันดร์ทันที ก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งพอคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาให้ใครเห็นในดินแดนแห่งเซียน
ในดินแดนแห่งเซียนคงมีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งและสามารถมองเห็นหอคอยทมิฬได้ เพราะงั้นหอคอยทมิฬจึงอาจจะไม่ใช่ที่หลบภัยที่ปลอดที่สุดอีกต่อไป
กลับมาที่เนื้อหาในจดหมาย
ราชันวารีสวรรค์ได้รับสมบัติของราชานิรันดร์ ถึงแม้จำนวนจะน้อยนิดแต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มันเพียงพอแล้วที่จะทำให้ราชันวารีสวรรค์กลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุด แต่สิ่งที่ล้ำค่าจริงๆนั้นไม่ใช่สมบัติที่ว่า แต่เป็นตำแหน่งที่ซ่อนสมบัติสืบทอดของราชานิรันดร์ผู้นั้นที่ตั้งอยู่ในดินแดนแห่งเซียนซึ่งไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน
หรือต่อให้รู้ก็จำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษในการเปิดที่ซ่อนสมบัติอยู่ดีและวิธีการนั่นก็ได้ตกมาอยู่ในมือของราชันวารีสวรรค์
ราชันวารีสวรรค์มีเป้าหมายอยากจะเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียน ซึ่งในขณะเดียวกันเขาก็ได้รวบรวมพวกพ้องสิบสองคนที่มีอุดมคติร่วมกัน ทั้งสิบสองคนล้วนแต่เป็นเผ่าสวรรค์บรรพกาล ไม่เช่นนั้นแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสิบสองคนจะบรรลุกลายเป็นราชาเซียน
แต่ในขณะที่ราชันวารีสวรรค์กำลังอิ่มเอมใจอยู่นั้นเอง เขาก็ถูกบุกโจมตีโดยปรมาจารย์มากมายจากดินแดนต้องห้าม และคนที่นำพาหายนะมาสู่ตัวเขาก็คือหนึ่งในพรรคพวกที่เขาเชื่อใจที่สุด
ราชาไค่หยุน (ราชาเปิดเมฆา)
พี่น้องที่เชื่อใจของเขาส่งข่าวไปให้กับดินแดนต้องห้ามและให้คนเหล่านั้นแอบซุ่มโจมตีในเส้นทางของสามนกอมตะที่ทำหน้าที่ลากรถเกวียน