หลังจากการปะทะครั้งนั้น ผู้ติดตามทั้งสิบเอ็ดคนถูกสังหารเหลือเพียงคนสุดท้ายที่รอดพ้นด้วยความช่วยเหลือของราชันวารีสวรรค์ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่รอดมาได้ก็มีเพียงดวงวิญญาณเท่านั้น
โชคดีที่คนคนนั้นหลุดมายังโลกใบเล็กถึงได้หนีจากการตามหาของดินแดนต้องห้ามได้สำเร็จและสร้างเขตแดนลี้ลับสิบสองสวรรค์ขึ้นมาเพื่อส่งมอบมรดกสืบทอดของราชันวารีสวรรค์
ในขณะเดียวกัน ราชันวารีสวรรค์นั้นแม้จะถูกห้อมล้อมโดยราชาเซียนมากมายจากดินแดนต้องห้ามแต่เขาก็ยังตอบโต้ได้สมน้ำสมเนื้อ ในสถานเช่นนั้นเขาสามารถสร้างบาดแผลสาหัสให้แก่ราชาไค่หยุนและทิ้งจดหมายทิ้งท้ายเอาไว้
แน่นอนว่าสุดท้ายเขาก็ตกตาย ถูกรุมโจมตีโดยราชาเซียนมากมายเช่นนั้นหากรอดชีวิตก็คงจะไร้เหตุผลเกินไปหน่อย
ราชาเซียนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นถ้าให้เปรียบแล้วก็เหมือนจอมยุทธระดับทลายมิติในโลกใบเล็ก พวกเขาคือตัวคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด
“ราชันวารีสวรรค์กล่าวว่าหากได้รับสมบัติสืบทอดของเขาก็ต้องสังหารราชาไค่หยุนเป็นการแก้แค้นให้แก่เขา ไม่เช่นนั้นโลหิตที่เขาหลงเหลือเอาไว้จะกลายเป็นคำสาปติดพันพวกเราเอาไว้ตลอดกาล” สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากอ่านจดหมายทิ้งท้ายจบ โลหิตที่ประทับเอาไว้บนจดหมายกลับกลายเป็นเหมือนมีชีวิตและผสานรวมเข้ามาในร่างกายของหลิงฮันกับจักรพรรดินี
ราชาเซียนนั้นต่อให้ตายไปแล้วกี่ร้อยล้านปี คำสาปของพวกเขาก็ยังคงไม่เสื่อมสลาย ต่อให้เป็นเซียนระดับต้น กลาง หรือแม้แต่เซียนระดับสูงที่อ่อนแอก็อาจถูกสังหาร
แต่ช่างเสียดายนัก ที่นี่คือหอคอยทมิฬ!
หลิงฮันย่อมไม่มีทางปล่อยให้โลหิตคำสาปของคนอื่นผสานรวมอยู่กับร่างกายของตนเองและภรรยาแน่นอน เขากำราบโลหิตแปลกปลอมและกล่าว “ผู้อาวุโสโปรดวางใจ เมื่อข้าบรรลุเซียนระดับสูงหรือราชาเซียน ข้าจะตามหาราชาไค่หยุนเพื่อแก้แค้นให้ท่านแน่นอน”
จุดประสงค์ที่ราชาไค่หยุนทำการทรยศ แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาต้องการสมบัติสืบทอดของราชานิรันดร์ เขารู้ตำแหน่งที่ซ่อนสมบัตินั่นแล้วก็จริงแต่วิธีการเปิดที่ซ่อนสมบัตินั้นมีเพียงราชันวารีสวรรค์ที่รู้ ซึ่งวิธีการที่ว่าตอนนี้ได้ส่งต่อมายังหลิงฮันกับจักรพรรดินีแล้ว
เพียงแต่ราชาไค่หยุนก็ได้รับทักษะบางส่วนของราชานิรันดร์ไปบ้าง การที่อีกฝ่ายจะเปิดผนึกเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนย่อมไม่ใช่เรื่องยากลำบาก แต่ราชันวารีสวรรค์ได้ตอบโต้จนราชาไค่หยุนบาดเจ็บสาหัสและแก่นพลังได้รับความเสียหาย อีกฝ่ายคงไม่หลงเหลือความหวังที่จะบรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน
ด้วยเหตุผลนี้หลิงฮันจึงมั่นใจว่าจะสังหารราชาไค่หยุนได้อย่างแน่นอนเมื่อตนเองบรรลุเป็นเซียนระดับสูงหรือราชาเซียน
“ข้าเกลียดคนประเภทนี้ที่สุด ต่อให้ไม่มีคำสั่งเสียของราชันวารีสวรรค์ข้าก็จะสังหารราชาไค่หยุนที่ว่านั่น!” หลิงฮันกล่าว
จักรพรรดินีเอ่ยแทรก “บางทีราชาไค่หยุนอาจจะไม่ได้มีความรู้สึกอยากเป็นมิตรกับราชันวารีสวรรค์ตั้งแต่แรกแล้ว เป้าหมายของเขาคือผลประโยชน์จากราชันวารีสวรรค์”
หลิงฮันพยักหน้า กรงเล็บมหึมาที่จู่โจมมายังห้องสมบัตินั้นเป็นมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นการโจมตีของราชาไค่หยุนเนื่องจากเขาต้องรู้ตำแหน่งของห้องสมบัติอยู้แล้ว
“เจ้าเฒ่าบัดซบนั่นบังอาจทำลายวัสดุเซียนจำนวนมากของข้า ข้าจะต้องทุบตีมันให้ตาย!” หลิงฮันกัดฟันแค้น กรงเล็บมหึมานั้นไม่รู้ว่าสร้างความเสียหายต่อวัสดุเซียนที่อยู่ที่นี่ไปมากมายเท่าใดซึ่งมันทำให้หลิงฮันรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
จักรพรรดินีสายหัวและหัวเราะ นางไม่คิดว่าหลิงฮันจะมีนิสัยด้านที่เหมือนเด็กเช่นนี้ด้วย
ในกล่องยังมีม้วนกระดาษอยู่อีกแผ่น มันคือม้วนคำสั่งเซียนที่ผนึกการโจมตีที่แข็งแกร่งของราชันวารีสวรรค์เอาไว้ เพียงแต่ในตอนที่ราชันวารีสวรรค์ทิ้งจดหมายทิ้งท้ายเอาๆพลังชีวิตของเขาก็แทบไม่เหลือแล้ว เพราะงั้นม้วนคำสั่งนี้จึงไม่ได้ทรงพลังที่สุด
และยิ่งกาลเวลาผ่านไป พลังอำนาจที่อยู่ในม้วนคำสั่งก็ย่อมต้องเสื่อมสลายลงไป ยิ่งกว่านั้นมันก็ยังใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว
“ตราประทับหยดโลหิตนี้มีประโยชน์ไม่น้อย” หลิงฮันครุ่นคิด หยดโลหิตที่เหลือไว้ไม่ใช่โลหิตของราชาเซียนธรรมดาแต่เป็นหยดโลหิตที่แฝงเอาไว้ด้วยพลังชีวิตของราชาเซียน ซึ่งในร่างของราชันวารีสวรรค์ก็คงมีไม่มาก
“สิ่งนี้ถือว่าเป็นไพ่ลับที่ทรงพลังได้อีกหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่มันสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเหมือนกับม้วนคำสั่ง” แม้จะบ่นไปแบบนั้นใบหน้าของหลิงฮันก็ยังประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม ด้วยหยดโลหิตนี้ต่อให้ศัตรูเป็นเซียนระดับสูงก็ต้องหวั่นเกรง
หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “แค่โลหิตของราชาเซียนเจ้าก็มีท่าทางดีใจขนาดนั้นแล้วรึ ชาสงทำให้ข้าขายหน้าจริงๆ!”
หลิงฮันกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าจะดีใจกับอะไร เจ้าเกี่ยวอะไรด้วย?”
“เหอะ เจ้าเป็นผู้ครอบครองหอคอยทมิฬที่เป็นสมบัติอันทรงพลังที่สุดในโลก แต่ถึงอย่างนั้นเจ้ากลับพึงพอใจเพียงเพราะหยดโลหิตของราชาเซียน ในฐานะจิตวิญญาณของหอคอยทมิฬจะไม่ให้ข้าอับอายในตัวเจ้าได้อย่างไร” หอคอยน้อยกล่าวอย่างไม่แยแส
“ข้าไม่เคยเห็นจิตวิญญาณสมบัติที่ปากร้ายแบบเจ้ามาก่อน!” หลิงฮันชี้นิ้วและดีดเข้าใส่หอคอยน้อย แต่เนื่องจากหอคอยน้อยไม่มีกายหยาบนิ้วของเขาก็ทะลุผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แต่ตอนนี้เจ้าก็เห็นแล้วไง” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงและสงบสติได้อย่างรวดเร็ว “ที่ข้ารู้คือเหนือว่าเซียนคือระดับโลกียนิพพาน แล้วเหนือกว่าระดับโลกียนิพพานล่ะ?”
เขาอยากรู้เป็นอย่างมากว่าปรมาจารย์ในดินแดนแห่งเซียนแบ่งแยกระดับพลังบ่มเพาะอย่างไร และราชานิรันดร์ยืนอยู่บนจุดที่สูงแค่ไหน
“ข้าก็ไม่รู้” หอคอยน้อยกล่าว “ความทรงจำของข้ายังไม่ฟื้นคืนกลับมา”
“เหอะ แล้วมาบอกว่าตนเองเป็นสมบัติที่ทรงพลังที่สุดในโลก เรื่องค่านี้เจ้ายังไม่รู้เลย” หลิงฮันฉวยโอกาสตอกกลับ
หอคอยน้อยกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “หากเจ้าถามว่าราชานิรันดร์แข็งแกร่งขนาดไหนนั้น ข้าสามารถบอกได้ว่าพลังของข้าในตอนนี้ไม่สามารถเอาชนะตัวตนเช่นนั้นได้”
หลิงฮันตกตะลึง หอคอยน้อยไม่เคยกล่าวว่าตนเองเอาชนะใครไม่ได้มาก่อน
ถ้าเช่นนั้นแล้วในดินแดนแห่งเซียน… ราชานิรันดร์เป็นระดับพลังที่สูงขนาดไหนกันแน่?
“อืม… เอาไว้สตรีเฒ่าผู้นั้นปรากฏตัวอีกครั้งค่อยถามนางแล้วกัน”