ท่าทีของพวกฮูช่านกลับมาสงบนิ่งไม่หวั่นไหว
ภูเขาลูกนี้ไม่มีสายลมแรงกดดัน พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังต่อสู้ได้เต็มที่และกำราบหลิงฮันกับจักรพรรดินีได้อย่างง่ายดาย
“เทพธิดา ทำไมเจ้าถึงยอมติดตามขยะเช่นนั้น ทางที่ดีเจ้าควรเข้าร่วมดินแดนต้องห้ามแปดศิลาของพวกเราดีกว่า” ฮูช่านกล่าวกับจักรพรรดินี
จักรพรรดินีไม่แม้แต่ชำเลืองมองฮูช่าน นางคร้านที่จะจ้องมองเหล่าคนที่อัปลักษณ์
การกระทำเช่นนี้ของจักรพรรดินีทำให้ฮูช่านและบุรุษในกลุ่มอีกสี่คนไม่พอใจ
“ข้าจะสังหารหมอนั่น!” ฮูปิงก้าวออกมาคนแรก เขาปฏิเสธที่จะยอมรับว่าตัวเขาด้อยกว่าหลิงฮัน ที่พ่ายแพ้ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสายลมของภูเขาต่างหาก
ฮูช่านเอื้อมมือออกไปห้ามพร้อมกับส่ายหัว
…ฮูปิงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าหนูนี่ได้ นั่นเพราะก่อนหน้านี้แม้เขาจะใช้พลังต่อสู้ได้เพียงครึ่งเดียวก็ยังพ่ายแพ้หลิงฮัน แล้วฮูปิงมีพลังถึงครึ่งหนึ่งของเขารึ? น่าขัน แม้แต่หนึ่งในพันก็ยังไม่ถึง
พวกเขาพ่ายแพ้มาแล้วสามรอบติดต่อกัน ฮูปิงยังคิดจะทำให้กลุ่มของพวกเขาเสียหน้าเพิ่มอีกรึ?
“พี่ชายช่าน!” ฮูปิงไม่สบอารมณ์ เขาเป็นอัจฉริยะของดินแดนต้องห้าม ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้มีใครที่เขาจะเอาชนะไม่ได้?
ฮูช่านจ้องเขม็ง ฮูปิงที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่กล้าพูดโต้แย้ง
“เจ้ามีชื่อว่าอะไร?” ฮูช่านเอ่ยถาม
หลิงฮันยิ้ม “เจ้าคิดจะสู้กับข้าก็เข้ามาเลยไม่ต้องลีลา แถมสุดท้ายเจ้าก็จะกลายเป็นศพอยู่แล้ว รู้ชื่อข้าไปจะมีประโยชน์อะไร?”
“เจ้ามันบ้าจริงๆ!” ฮูช่านแสยะยิ้ม ด้วยจำนวนเจ็ดต่อสองพวกเขาย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันกับจักรพรรดินีก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น ความแตกต่างระหว่างทั้งสองกับพวกเขานั้นกว้างใหญ่ราวกับสวรรค์และปฐพี
“ข้าจะบ้ารึไม่นั้น เดี๋ยวเจ้าก็รู้!” หลิงฮันกวัดแกว่งหมัดทั้งสอง
“ตาย!” ฮูช่านลงมือ กายหยาบแปดศิลาถูกโคจรพร้อมกับกลายเป็นมนุษย์หินยักษ์ ด้วยร่างศิลานี้จะปราณดาบหรืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้ ในระดับวารีนิรันดร์นี้เขาสมควรเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานที่สุด
แต่สายลมก่อนหน้านี้เป็นพลังอำนาจของจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง กายหยาบแปดศิลาย่อมไม่อาจต้านทานได้
หลิงฮันนำดาบไม้ผุพังออกมา ในขณะที่ระดับของดาบอสูรนิรันดร์ยังไม่เพิ่มขึ้น ดาบไม้ผุพังจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
หากไม่ใช่ในดินแดนแห่งเซียน พลังอำนาจของดาบไม้ผุพังย่อมไม่ด้อยไปกว่าดาบอสูรนิรันดร์ รูปแบบอาคมอสูรที่ประทับเอาไว้ส่องประกาบพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารอันไร้ที่สิ้นสุด
“อุปกรณ์เซียน!” ฮูช่านจ้องมองก่อนจะส่ายหัว “อุปกรณ์อสูร!”
เขาแสดงสีหน้าอิจฉา แม้แต่ตัวเขาก็ไม่มีอุปกรณ์เซียนหรืออุปกรณ์อสูรที่มีระดับเท่ากัน
จริงอยู่ที่ดินแดนต้องห้ามเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลัง แต่เพราะการเติบโตที่รวดเร็วเกินไปทำให้ทรัพยากรของตระกูลถูกแบ่งให้กับสมาชิกตระกูลจำนวนมาก
แต่อย่างฉือหวงที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของเซียนนั้น ทรัพยากรและสมบัติทุกอย่างล้วนแต่ตกเป็นของเขาทั้งหมด เพราะงั้นแล้วเขาถึงมีทั้งรถเกวียนระดับเซียนและชุดที่ทำความวัสดุเซียน
สำหรับดินแดนต้องห้ามที่สามารถฝึกฝนอัจฉริยะเจ็ดคนที่ทรงพลังไม่แพ้ฉือหวงได้อย่างง่ายดายนั้น พวกเขาจะมีอุปกรณ์เซียนเพียงพอให้ทุกคน? พวกเขาต้องมีอุปกรณ์เซียนอยู่ในครอบครองอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจำนวนอาจจะไม่มากพอที่จะแจกจ่ายให้แก่รุ่นเยาว์ทุกคน
เพราะงั้นแล้วเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา หลิงฮันนั้นมีพลังต่อสู้เทียบเท่าครึ่งหนึ่งของเขา พอมีอำนาจของอุปกรณ์เซียนมาเกื้อหนุนด้วยแล้วย่อมทรงพลังเหมือนเสือติดปีก
สีหน้าของฮูช่านเปลี่ยนเป็นจริงจังและเว้นระยะห่างจากหลิงฮัน
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบ พลังต่อสู้ของเขาด้อยกว่าฮูช่าน ต่อให้ใช้รูปแบบอาคมทั้งสิบก็ยังไม่อาจเทียบชั้น แต่โชคดีที่กาลเวลาแปรผันพันปีสามารถสลายพลังทำลายของการโจมตีได้ และด้วยกายหยาบไร้เทียมทานของเขา ฮูช่านจึงไม่อาจทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส
หรือต่อให้บาดเจ็บก็ตาม พลังฟื้นฟูของเขาก็สามารถรักษาบาดแผลได้ภายในพริบตา
ฮูช่านไม่กล้าประมาทอีกต่อไป เขากล่าว “จัดการเจ้าหนูนี่ด้วยกัน!” อีกฝ่ายล่วงรู้ถึงความลับสมบัติสืบทอดของราชันวารีสวรรค์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถูกสังหาร
ฮูปิงและคนอื่นๆพุ่งทะยานอย่างไม่ลังเลที่จะลงมือ มีเพียงเหล่าสตรีในกลุ่มเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งจ้องมองไปยังจักรพรรดินีอย่างระมัดระวัง
ในสายตาของฮูช่านและบุรุษคนอื่นๆ จักรพรรดินีอาจจะเป็นเพชรเม็ดงาม แต่ในสายตาของฮูซูอวี่และเหล่าสตรีในกลุ่ม จักรพรรดินีเป็นเสี้ยนหยามขวางสายตาที่จ้องกำจัด ไม่เช่นนั้นหากปล่อยไว้จะมีแต่ทำให้พวกนางรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า
จักรพรรดินีไม่หวั่นเกรงและนำหินต้นกำเนิดสวรรค์ออกมา
การต่อสู้ทั้งสองด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นหลิงฮันหรือจักรพรรดินีก็ล้วนแต่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ทั้งระดับพลังและจำนวนแตกต่างกันเกินไป ที่ทั้งสองสามารถต้านทานยื้อการต่อสู้เอาไว้ได้เป็นเพราะคนหนึ่งมีกายหยาบที่ไร้เทียมทานและอีกคนจะมีหินต้นกำเนิดสวรรค์
แต่สถานการณ์ย่อมไม่เป็นแบบนี้ไปตลอด หลิงฮันยังพอไหว แต่ในด้านของจักรพรรดินีที่พึงพาได้เพียงหินต้นกำเนิดสวรรค์นั้นหากปล่อยไว้ปราณก่อเกิดของนางคงแห้งเหือดไม่เหลือ
แววตาของหลิงฮันส่องประกายใจโหดเหี้ยม “แส่หาที่ตาย!”
เขาตะเกียกตะกายออกจากวงล้อมศัตรูและพุ่งไปยังจักรพรรดินีพร้อมกับนำนางเข้าไปในหอคอยทมิฬและนำม้วนคำสั่งเซียนออกมา ม้วนคำสั่งค่อยๆถูกคลี่ออกพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวและแสงสว่างสีทองอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
“นั่นมันม้วนคำสั่งเซียน!” ฮูช่านใบหน้าเปลี่ยนสีทันใด
“หืม ดูเหมือนอำนาจของมันจะอ่อนแอกว่าปกติ!” ฮูซูอวี่พบว่ามีบางสิ่งไม่ปกติ
“ม้วนคำสั่งนั่นผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน พลังอำนาจของมันจึงไม่สมบูรณ์”
“จะต้องเป็นม้วนคำสั่งที่ได้จากตำหนักภูเขาหลักแน่!”
“ร่วมมือกันต้านเอาไว้ ม้วนคำสั่งเซียนนั่นสูญเสียพลังไปแทบจะหมดแล้ว”
“อืม!”
ทั้งเจ็ดคนรวมพลังกัน ทันใดนั้นเอง ม้วนคำสั่งได้ปลดปล่อยคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวเข้าใส่พวกเขา
หลิงฮันไม่จำเป็นต้องควบคุม ม้วนคำสั่งจะโจมตีทุกสิ่งนอกเหนือจากผู้ที่ถือมันเนื่องจากมันเป็นเพียงม้วนคำสั่งใช้ครั้งเดียว หากเป็นม้วนคำสั่งที่ควบคุมได้ ผู้สร้างจำเป็นต้องใช้ความพยายามและเวลาในสร้างอย่างมหาศาล ซึ่งราชันวารีสวรรค์ในสภาพใกล้ตายไม่มีทางสร้างม้วนคำสั่งเช่นนั้นได้แน่นอน
“ไม่จริง อำนาจของม้วนคำสั่งไม่ได้ทรงพลังอะไรมาก แต่เหตุใดอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของมันถึงได้น่าสะพรึงกลัวขนาดนั้น?” ฮูจิ้งอุทานด้วยความวิตก นางรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงชีวิต
“นี่พวกจะจบสิ้นอยู่ที่นี่งั้นรึ?”
“ข้ายังไม่อยากตาย!”
ทั้งเจ็ดคนอุทานและรู้สึกเสียใจ ถ้ารู้ว่าจะต้องมาพบกับอันตรายเช่นนี้พวกเขาคงขอม้วนคำสั่งจากภูอาวุโสในตระกูลมาด้วยแล้ว ต่อให้ไม่ใช่ม้วนคำสั่งของราชาเซียน แต่ขอแค่เป็นม้วนคำสั่งที่มีอำนาจอยู่ในระดับเซียนก็คงเพียงพอให้พวกเขาเอาตัวรอดได้
แต่หากทั้งเจ็ดคนมีม้วนคำสั่งของเซียนจริง หลิงฮันก็แค่นำหยดโลหิตของราชันวารีสวรรค์ออกมาใช้ แล้วมาดูกันว่าใครจะหวาดกลัวใคร!