อำนาจแห่งกฎเกณณ์ของม้วนคำสั่งเซียนถูกปลดปล่อยออกมาไม่หยุด พวกฮูช่านถูกกำราบไร้พลังที่จะตอบโต้อย่างสิ้นเชิง
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบไล่สังหารอย่างไร้ความปรานี
หากมุ่งเป้ามาที่เขาคนเดียวยังไม่เท่าไหร่ แค่บังอาจคิดจะทำร้ายจักรพรรดินีภรรยาของเขางั้นรึ? เขาไม่อาจยอมอยู่เฉยได้
เข่นฆ่า! สังหารให้หมด!
ดาบถูกสะบั้นออกไปพร้อมกับโลหิตที่สาดกระจายพุ่งสู่ท้องฟ้า หลังจากได้ดูดซับโลหิตอำนาจของดาบไม่ผุพังก็น่าสะพรึงยิ่งขึ้น ปราณอสูรสีดำถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวดาบและโอบล้อมร่างกายของหลิงฮันทำให้เขาดูราวกับว่าได้แปลงกายจากมนุษย์ไปเป็นสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ
ฉัวะ!
ฮูปิงมีพลังต่อสู้อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม ทันทีที่ดาบสะบั้นเข้าใส่กลุ่มของพวกเขา เขาเป็นคนแรกที่ตกตาย โลหิตสาดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับศีรษะค่อยๆร่วงจากบ่า ใบหน้าของเขายังคงแสดงออกถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ
เขาคืออัจฉริยะของดินแดนต้องห้ามอันยิ่งใหญ่ ในโลกนี้มีใครกล้าสังหารเขาจริงๆ?
“บังอาจ!” พวกฮูช่านอีกหกคนที่เหลือดวงตาแดงฉาน ก่อนหน้านี้ที่ภูเขาหลักแม้พวกเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่เนื่องจากศักดิ์ศรีของอัจฉริยะที่มาจากดินแดนต้องห้าม พวกเขาจึงเหยียดหยามจอมยุทธคนอื่นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างหลิงฮัน
แต่เมื่อฮูปิงตกตาย หัวใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวและไม่หลงศักดิ์ศรีที่ว่าอีกต่อไป
“พวกเราเป็นคนของดินแดนต้องห้ามแปดศิลา ผู้นำทั้งสามของพวกข้าเป็นราชาเซียนทั้งหมดและยังมีผู้อาวุโสระดับเซียนอยู่อีกนับร้อย หากเจ้าบังอาจลงมือกับพวกข้า เจ้าจะไม่มีทางหนีพ้นความตาย!” พวกฮูช่านเริ่มนำอำนาจของดินแดนต้องห้ามแปดศิลาออกมาข่มขู่ ตอนนี้พวกเขาหวังเพียงอยากเดียวคือขอให้รอดชีวิตกลับไปได้
หลิงฮันเมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยิน ในเมื่อเขาตัดสินใจจะลงมือสังหารทั้งเจ็ดคนแล้ว ต่อให้จะถูกข่มขู่เช่นไรเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ
ตาย! ตาย! ตาย!
ศีรษะของแต่ละคนค่อยๆถูกบะสั้นขาดจากบ่าทีละคน พริบตาเดียวผู้ที่ยังรอดชีวิตที่เหลือเพียงฮูช่านกับฮูซูอวี่สองคน
“เผ่นหนี!” ฮูช่านตะโกนบอกฮูซูอวี่
ฮูซูอวี่พยักหน้า ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาไม่รีบหลบหนีเป็นเพราะคนอื่นๆยังอยู่ที่นี่ จะให้นางหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวได้อย่างไร แต่ตอนนี้ในเมื่อคนอื่นตายไปหมดแล้ว จะรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีความหมาย
ทั้งสองคนพุ่งทะยานแยกกันหลบหนี ตราบใดที่ใครคนหนึ่งรอดและขึ้นยานเหาะดาราที่อยู่ด้านนอกได้ล่ะก็ ด้วยพลังป้องกันของตัวยานหลิงฮันย่อมไม่สามารถสังหารพวกเขาได้
หลิงฮันไล่ตาม ตอนนี้ทั้งสองคนบาดเจ็บสาหัสเป็นที่เรียบร้อยและไม่อยู่สภาพพร้อมรบ หากจะสังหารทั้งสองก็คงมีเพียงโอกาสนี้เท่านั้น แต่จะให้ใช้หยดโลหิตราชาเซียนก็ดูจะสิ้นเปลืองเกินไป
ศรฆ่ามังกรทะลวงดารา!
หลิงฮันโคจรและปลดปล่อยทักษะ ‘ครืนน’ ปราณก่อเกิดถูกควบแน่นเป็นลูกศรและพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงคราวกับคลื่นน้ำไล่ตามฮูซูอวี่
ลูกศรถูกผสานอำนาจกาลเวลาแปรผันพันปีและรูปแบบอาคมอีกาโลหิตเข้าไปด้วย ลูกศรที่กำลังพุ่งทะยานอยู่แปรเปลี่ยนกลายเป็นอีกาโลหิตสีแดงฉาน ทั้งอำนาจและความเร็วของมันถูกยกระดับขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
“อะไรกัน!” ฮูช่านเผยสีหน้าตกตะลึง เนื่องจากเขาไม่ใช่เป้าหมายของการโจมตีเขาจึงมีเวลาพอให้หันกลับไปมอง “ศรฆ่ามังกรทะลวงดารา!”
ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราคือหนึ่งในทักษะของผู้ติดตามทั้งสิบสอง ทักษะนี้ได้คร่าชีวิตของเซียนระดับสูงไปมากมาย ฮูช่านรู้จักทักษะนี้จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโส
ฮูช่านจดจำทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราได้ทันทีเพียงแค่ชำเลืองมอง แต่เหตุใดทักษะนี้ถึงมีรูปร่างเป็นอีกาโลหิตนั้นเขาไม่อาจอธิบายได้
‘ตูม’ ศรอีกาโลหิตพุ่งทะลุหัวใจฮูซูอวี่ โลหิตของเขาสาดกระจายและร่วงหล่นกระแทกใส่พื้นดิน
อันที่จริงจอมยุทธระดับพระเจ้านั้นต่อให้กายหยาบถูกทำลายแต่ตราบใดที่ดวงวิญญาณยังปกติดี พวกเขาก็ยังสามารถหาร่างใหม่เพื่อมีชีวิตต่อไปได้ แต่การโจมตีของหลิงฮันผสานเอาไว้แม้กระทั่งเพลิงเก้าสวรรค์ หากถูกทะลวงเข้าไปในร่างแล้วมีรึที่ศัตรูจะไม่ตกตาย?
ฮูช่านเหงื่อตกและรีบหันหลังเผ่นหนี ตอนนี้เขาจำเป็นต้องแข่งกับเวลา เขาต้องออกจากเขตแดนลี้ลับให้เร็วที่สุดและกลับไปยืมพลังของดินแดนต้องห้ามแปดศิลากลับมาแก้แค้นหลิงฮัน
“อย่าคิดว่าจะหนีรอด!” หลิงฮันยิงคันศรอีกครั้ง ครั้งนี้เขาใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มกำลัง ‘ครืนนน’ ลูกศรทะลวงผ่านร่างของฮูช่านร่วงลงพื้นอย่างรุนแรง
ร่างที่ไร้ชีวิตของฮูช่านมีโลหิตไหลท่วมออกมา ดวงตาของเขาเปิดกว้างด้วยความโกรธแค้นและไม่ยินยอมที่จะตาย
หลิงฮันส่ายหัว ฮูช่านนั้นไม่ได้แข็งแกร่งเทียบเท่าเริ่นเฟยอวิ๋นหรือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดคนอื่นๆ จากที่เขาเคยเห็นการต่อสู้ระหว่างศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสาม พวกเขาทรงพลังกว่าฮูช่านพอสมควร
เขาค้นอุปกรณ์มิติของทั้งเจ็ดคนและถ่ายเททุกอย่างภายในนั้นมายังหอคอยทมิฬ ภายในอุปกรณ์มิติของแต่ละคนเต็มไปด้วยแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์มากมาย
“ช่างคุ้มค่านัก หลังจากนี้ขอแค่ยกระดับดาบอสูรนิรันดร์ให้เป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ได้ ข้าก็มีแร่โลหะเพียงพอสำหรับเตรียมให้ดาบอสูรนิรันดร์กลายเป็นอุปกรณ์เซียนแล้ว!” หลิงฮันหัวเราะ
“จริงสิ ข้าจะลืมเป้าหมายหลักในการมาที่นี่ไม่ได้” หลิงฮันเริ่มคิดแผนการวางกับดับ เขาจะทำอย่างไรดีให้ดูเหมือนว่าเขตแดนลี้ลับของราชันวารีสวรรค์นี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลกู่ต้าวอี้ยอมไม่ติดกับแน่นอน
หลิงฮันตัดสินใจเดิมพัน กู่ต้าวอี้นั้นเพิ่งเกิดใหม่ความสุขุมอาจจะมีไม่เท่ากับอดีตกาล ยิ่งกว่าอีกฝ่ายก็ยังเร่งรีบที่จะกลับไปยังดินแดนแห่งเซียนเป็นอย่างมากอีกด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ลดตัวลงมาเข้าร่วมสำนักละอองดารา
“กลับไปด้านนอกกันเถอะ ไม่รูว่าภรรยาสตรีนกอมตะของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ทั้งสองคนออกจากกล่องและพบว่าซากศพของนกอมตะสวรรค์ทั้งสามไม่ปลดปล่อยเปลวอำนาจอันน่าเกรงขรามออกมาอีกต่อไป แต่ว่าพวกมันยังคงโอบล้อมสตรีนกอมตะเอาไว้แน่นหนาดังเดิม
“ดูจากสภาพแล้ววาสนาของนางคงจะไม่สิ้นสุดในเร็วๆนี้” หลิงฮันครุ่นคิด เมื่อตอนที่จักรพรรดิพิรุณได้รับมรดกสืบทอดของปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ อีกฝ่ายใช้เวลาถึงยี่สิบปีเป็นอย่างน้อยในการรับสืบทอด
เพียงแค่มรดกของระดับวารีนิรันดร์ยังใช้เวลาขนาดนั้น แต่คราวนี้เป็นถึงวาสนาของราชาเซียน!
“อืม มีนกอมตะสวรรค์ถึงสามตัวคอยคุ้มครองอยู่ ตราบใดที่ราชาเซียนไม่ปรากฏตัวคงไม่มีใครทำให้นางบาดเจ็บได้” หลังจากครุ่นคิดหลิงฮันก็ตัดสินใจผูกรถเกวียนเข้ากับอุปกรณ์บินแหวกเมฆาและลากนกอมตะทั้งสามกลับไปยังดาวมู่ถู
อุปกรณ์บินแหวกเมฆามุ่งหน้ากลับเส้นทางเก่า สิบวันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันนำรถเกวียนไปไว้ยังดวงดาวรกร้างที่ไม่มีใครอยู่พร้อมกับสร้างหลุมขนาดใหญ่ขึ้นบนดวงดาวให้ดูเหมือนกับว่ารถเกวียนพึ่งจะโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินของดาวดวงนี้
เขาแอบกลับไปยังสำนักละอองดาราอย่างเงียบๆและเริ่มต้มซุปด้วยสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ