ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมหลิงฮันถึงสามารถขัดขืนไม่ทำตามวัฒนธรรมของสำนักย่อยที่แปดได้ ที่แท้เขาก็มีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้
ในตอนแรกทุกคนต่างติดกันไปว่าหลิงฮันหลบเลี่ยงการคลานผ่านช่องลอดสุนัขมาได้เป็นเพราะความช่วยเหลือของเริ่นเฟยอวิ๋น แต่แท้จริงแล้วเป็นตัวเขาเป็นที่แข็งแกร่ง
“ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดอัจฉริยะเช่นนี้ถึงไม่ได้รับเลือกให้เป็นศิษย์ของเซียนซิงฉา”
“หรือหมายความว่ากู่ต้าวอี้แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีก?”
ถึงแม้ผู้ชนะในการประลองศิษย์ครั้งนี้จะเป็นหลิงฮัน แต่เนื่องจากเซียนซิงฉาเลือกรับกู่ต้าวอี้เป็นศิษย์ย่อมหมายความว่าหลิงฮันนั้นไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่ากู่ต้าวอี้
และทันใดนั้นเอง เรือเหาะดาราลำหนึ่งก็ได้ร่อนลงมาจากท้องฟ้า ยังไม่ทันที่เรือเหาะจะหยุดจอดชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาจากเรือ ร่างของชายคนนั้นมีแสงสว่างส่องประกายเจิดจ้าราวกับเป็นตัวแทนแห่งสวรรค์และปฐพี
ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น กู่ต้าวอี้ อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งทุกยุคสมัย!
“กู่ต้าวอี้!”
“ฮึ่ม การประลองระหว่างเขากับหลิงฮันเพิ่งผ่านไปไม่ได้ แต่ทำไมเขาถึงดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมขนาดนั้น”
“เขาเป็นถึงอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อได้รับการชี้แนะโดยตรงจากเซียนซิงฉา พัฒนาการของเขาย่อมรวดเร็วเกินกว่าที่พวกเราจะจินตนาการ”
“พวกเราเริ่มทุกทิ้งห่างไปเรื่อยๆแล้ว”
เหล่าศิษย์ใหม่ส่ายหัวพวกเขามั่นใจว่าหากเป็นการต่อสู้ในระดับเดียวกันพวกเขาย่อมไม่แพ้ใคร เพราะอย่างไรพวกเขาทุกคนก็เป็นราชากันทั้งนั้น แต่ตอนนี้เมื่อเห็นกู่ต้าวอี้ ความมั่นใจของพวกเขาเริ่มหดหายไปบางส่วนแล้ว
มีศิษย์ใหม่บางคนที่ยังคงมั่นใจในพลังของตัวเอง พวกเขาคือราชาในหมู่ราชาอย่างเทียนเซี่ยตี้เอ้อ หลงเซียงเยว่ หงหม่าและคนอื่นๆอีกบางส่วน พวกเขาจ้องมองไปยังกู่ต้าวอี้ด้วยแววตาสู้รบ
หลิงฮันพยายามทำตัวไม่โดดเด่น เขาต้องการให้กู่ต้าวอี้สังเกตเห็นความอัศจรรย์ของรถเกวียน
ถึงแม้กู่ต้าวอี้จะยังเป็นเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น แต่แก่นกำเนิดนิรันดร์ของเขาได้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์จนแม้แต่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่กล้าดูถูก ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังเป็นศิษย์คนที่สิบของเซียนซิงฉาอีกด้วย ใครจะกล้าไม่ไว้หน้าเขา?
“ศิษย์น้องกู่!” ศิษย์เก่าหลายคนกล่าวทักทาย
กู่ต้าวอี้จ้องมองไปยังหลิงฮันชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองที่รถเกวียน ศพของนกอมตะสวรรค์ทั้งสามทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นตกตะลึง
เขาคือใคร? นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานของดินจากดินแดนแห่งเซียน สายตาของเขาย่อมเฉียบแหลมและกว้างไกล
นกอมตะ! ตัวตนระดับราชาเซียน!
ก่อนหน้านี้เขาไม่เชื่อว่าสมบัติใดๆของราชานิรันดร์จะปรากฏขึ้นที่นี่ แต่เพียงทันทีที่เห็นนกอมตะกำลังลากรถเกวียนอยู่ก็ทำให้ความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
บางที… บางทีอาจจะเป็นความจริง!
เขาก้าวไปยังมุมของกล่องและเอื้อมมือออกไปเพื่อเปิด
ศิษย์เก่าหลายคนไม่สบอารมณ์ พวกข้าทักทายเจ้าแต่เจ้ากลับเมินเฉยพวกข้า… เจ้าจะยิ่งยโสเกินไปแล้ว! เจ้าไม่รู้รึไงว่าตัวเองเป็นเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นยังไม่ใช่เซียน
กู่ต้าวอี้ไม่สนใจ เขาไม่แยแสแม้กระทั่งเซียนด้วยซ้ำ ในสายตาของเขาจอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ต่างอะไรกับมดปลวก
เขาจับฝากล่องด้วยสองมือและออกแรง ‘ครืน’ ฝากล่องค่อยๆถูกเปิดออกและส่องแสงสว่างสีทองออกมา
“เปิดแล้ว! มีความหวังที่จะเปิดสำเร็จ!”
“นั่นหมายความว่ากายหยาบของกู่ต้าวอี้นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าระดับพลังไปหลายขุม!”
เมื่อเห็นฉากตรงหน้าทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น แม้แต่เหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังพยักหน้ายอมรับ พวกเขาพยายามแล้วแต่ก็เปิดไม่สำเร็จเพราะกายหยาบไม่แข็งแกร่งพอ
น่าทึ่งนัก สมกับเป็นจอมยุทธที่เซียนซิงฉารับเป็นศิษย์
‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ กล่องค่อยๆถูกเปิดออกอย่างช้าๆ หน้าผากของปรากฏเส้นเลือดปูดบวดและใบหน้าซีดเผือด ต่อให้แก่นกำเนิดนิรันดร์จะทำให้กายหยาบของเขาแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้พลังของเขายังขาดไปเล็กน้อย แขนของเขาเริ่มสั่นราวกับกำลังจะรับน้ำหนักไม่ไหว
“รีบช่วยกัน!” เหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดพุ่งเข้าไปช่วยยกฝากล่อง
ก่อนหน้านี้กล่องถูกปิดเอาไว้ทำให้นิ้วของพวกเขาไม่อาจแบกรับน้ำหนักได้ไหว แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ฝากล่องถูกเปิดออกมาบางส่วนแล้ว พวกเขาสามารถใช้ฝามือแทรกเข้าไปเพื่อออกแรงยก เมื่อเทียบกับตอนฝายังปิดอยู่ความยากลำบากนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ด้วยการร่วมมือกันของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ในที่สุดกล่องก็ค่อยๆถูกเปิดออกอย่างช้าๆ
“เปิดแล้ว! มันเปิดแล้วจริงๆ!”
“ไม่รู้ว่าภายในนั้นจะมีสมบัติอะไรอยู่บ้าง”
“ต้องเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากไม่ผิดแน่ อย่างที่เห็นว่าแม้แต่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถเปิดด้วยตัวเองได้”
“ใช่แล้ว!”
ทุกคนเตรียมพร้อมเข้าปะทะกัน ก่อนหน้านี้แม้จะช่วยกันเปิดกล่องก็จริง แต่เมื่อสมบัติปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาก็ไม่มีอะไรให้คุยกันแล้ว
เหล่าคนที่มีพลังบ่มเพาะต่ำเตรียมหยิบสมบัติออกมาใช้งาน การแย่งชิงวาสนานั้นไม่ใช่การประลองซึ่งๆหน้าที่ยุติธรรม พวกเขาสามารถนำสมบัติอย่างอุปกรณ์เซียนออกมาใช้ได้อย่างอิสระ
‘ครืน’ กล่องถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์ แสงสว่างสีทองสาดส่องสูงขึ้นไปถึงชั้นฟ้า
‘พรึบ’ ทุกคนพุ่งเข้าหากล่องและปะทะกัน หากช้าสมบัติจะถูกแย่งชิงไปก่อน
“เจ้าหนูปล่อยข้า นายท่านหมาจะไปแสดงให้โลกเห็นถึงความแข็งแกร่ง!” สุนัขตัวดำอย่างจะตามไปสร้างความปั่วป่วน แต่หลิงฮันได้คว้าจับหางมันเอาไว้
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ไม่ต้องไป เจ้าจะเสียเวลาเปล่าๆ”
สุนัขตัวดำชะงักก่อนจะเปิดตากว้าง “เจ้าหนู ทั้งหมดนี้เจ้าเป็นคนทำ? ข้าว่าแล้ว คนแบบเจ้ามีรึที่จะนั่งดูคนอื่นแย่งชิงสมบัติไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลย!”
“ทำไม ข้าอาจจะแค่อยากนั่งพักผ่อนเฉยๆไม่ได้รึ?” หลิงฮันยิ้ม
“ความโลภของเจ้านั้นฝังลึกไปถึงกระดูก ต่อให้นายท่านหมาอยู่ห่างกันเจ้าหมื่นไมล์ข้าก็ยังได้กลิ่นความโลภของเจ้า!” สุยัขตัวดำกล่าวพร้อมกับชี้อุ้งเท้าใส่หลิงฮัน