“ทุกคนอยู่ที่นี่อย่าเพิ่งไปไหน!” เซียนขวงยวี่กล่าว
เซียนขวงยวี่รีบใช้แสงแห่งเต๋ากลับไปยังดาวมู่ถู เพียงแต่ต่อให้เซียนจะสามารถเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างมิติได้ก็ใช่ว่าจะไปไหนมาไหนได้ในชั่วพริบตา
ผ่านไปเกือบๆครึ่งชั่วโมง ร่างของเซียนทั้งสิบได้ปรากฏตัวพร้อมกัน พวกเขาทุกคนเคลื่อนที่ด้วยแสงแห่งเต๋าสีทอง
เซียนคนอื่นๆตกตะลึงเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เห็น
เซียนซิงฉาเดินเข้าไปใกล้ศพของนกอมตะทั้งสาม หลิงฮันที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ภรรยานกอมตะของเขากำลังรับวาสนาและไม่อาจถูกใครรบกวน
เขาตัดสินใจในใจว่าหากเซียนซิงฉาลงมือทำอะไรบางอย่างกับนกอมตะทั้งสาม เขาย่อมไม่ลังเลที่จะใช้หยดโลหิตราชาเซียนหยุดอีกฝ่ายเอาไว้
โชคดีที่เซียนซิงฉาหยุดร่างอย่างรวดเร็วพร้อมกับเผยสีหน้าคิดไม่ตก
“อาจารย์!” เซียนทั้งเก้าขยับเข้ามาใกล้พร้อมกัน
เซียนซิงฉากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นี่คือร่างของราชาเซียน!”
“ฮึ่ม!” เซียนทั้งเก้าสูดหายใจลึก จากสายตาของพวกเขา ร่างของสัตว์อสูรนี้เป็นสัตว์อสูรที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองเห็นคือนกอมตะทั้งสามตนที่กำลังโอบตัวเข้าหากัน
“ถึงขนาดให้นกอมตะระดับราชาเซียนลากรถเกวียนให้ได้เช่นนี้ สมบัติในกล่องนั่นจะล้ำค่าขนาดไหนกัน”
เซียนทั้งสิบมองหน้ากัน หากพวกได้ครอบครองสมบัติของราชาเซียนล่ะก็ เซียนระดับต้นจะกลายเป็นเซียนระดับกลาง ส่วนเซียนระดับสูง… บางทีอาจจะมีความหวังที่จะสามารถทะลวงผ่านเป็นราชาเซียน!
“เข้าไปดูกัน”
กล่องยังคงเปิดอยู่เช่นเดิม พวกเขามองเห็นมิติผันผวนจากภายในกล่องทำให้รู้ว่าภายในนั้นต้องเป็นโลกจำลองอย่างเขตแดนลี้ลับแน่นอน
เหล่าเซียนกระโดดเข้าไปในกล่อง ส่วนคนอื่นๆนั้นแม้จะเคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่งพวกเขาก็ยังเข้าตามไปอีกครั้งด้วย
แม้แต่เซียนก็ยังหวั่นไหว สิ่งที่อยู่ภายในกล่องจะต้องล้ำค่าเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้!
พวกเขาอาจจะหาสมบัติไม่พบ แต่หากเป็นเซียนอาจจะหาพบก็เป็นได้
หลิงฮันเองก็ตามเข้ากล่องไปเช่นกัน แต่ทันทีที่เขาเข้ามาก็พบว่าเซียนทั้งสิบขึ้นไปถึงยอดเขาเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่าแรงกดดันจากกรงเล็บมหึมาไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อเซียนแม้แต่น้อย
เซียนซิงฉาลงมือเก็บรวบรวมเศษซากกรงเล็บมหึมาที่หลงเหลืออยู่
เมื่อไม่มีแรงกดดันจากกรงเล็บมหึมาสถานที่แห่งนี้ก็ไร้ภัยคุกคามใดๆ จอมยุทธทุกคนพุ่งทะยานสำรวจตามที่ตนเองต้องการได้อย่างอิสระ เซียนทั้งสิบมุ่งหน้าไปยังภูเขาลูกอื่นๆแต่ก็ไม่พบของล้ำค่าใดๆเลย แต่อันที่จริงจะบอกว่าไม่พบอะไรเลยก็ไม่ถูก เศษกรงเล็บมหึมาของราชาเซียนนั้นกล่าวได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าได้เช่นกัน หากดูดซับพลังอำนาจของราชาเซียนที่หลงเหลืออยู่แม้แต่เซียนระดับสูงก็ยังได้รับผลประโยชน์
“กู่ต้าวอี้?” จู่ๆเซียนซิงฉาก็หยุดชะงัก
ศิษย์คนสุดท้ายของเขาได้มาที่นี่นานแล้ว ตอนเขาคิดว่าอีกฝ่ายอยู่ในโลกภายในกล่องนี้ แต่ทว่าเขากลับไม่สามารถสัมผัสถึงออร่าของกู่ต้าวอี้ได้เลย
เจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกัน?
เซียนทั้งเจ้ารีบใช้สัมผัสสวรรค์ช่วยตามหา ศิษย์น้องของพวกเขาคนนี้เป็นความหวังสุดท้ายที่จะเป็นผู้สืบทอดของอาจารย์พวกเขา
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะหายังไงพวกเขาก็ไม่พบร่องรอยของกู่ต้าวอี้เลย
ใบหน้าของเซียนซิงฉามืดมน เขารีบสั่งให้เหล่าศิษย์ที่เข้ามาก่อนกลับมารวมกันและเล่าเหตุการณ์ที่ตนเองพบเจอ
“อืม…” เมื่อเทียนเซี่ยตี้เอ้อเล่าประสบการณ์ที่ตนเองพบเจอ เซียนซิงฉาก็ระเบิดอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมาเล็กน้อย แรงกดดันที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าสายลมที่พัดพาอำนาจของกรงเล็บมหึมาเลย
เซียนซิงฉาสรุปได้ว่าคนลึกลับที่ทำให้เทียนเซี่ยตี้เอ้อต้องเกี่ยวข้องกับที่ศิษย์ของเขาหายตัวไปแน่นอน
เขาไม่สงสัยว่าเทียนเซี่ยตี้เอ้อจะเป็นคนทำ ต่อให้เทียนเซี่ยตี้เอ้อจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแอบลอบจัดการกู่ต้าวอี้ได้อย่างง่ายดายโดยที่คนอื่นไม่สังเกตเห็น
หากกู่ต้าวอี้อ่อนแอถึงขนาดนั้น เขาจะรับเป็นศิษย์ได้อย่างไร?
ถ้างั้นแล้ว… ใครเป็นคนทำกันแน่?
เหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดมีพลังแข็งแกร่งพอที่จะแอบจัดการกู่ต้าวอี้ได้ก็จริง แต่ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้ที่ขึ้นเขาไปเป็นคนที่สองคือกู่ต้าวอี้ หากจะมีใครขึ้นยอดเขาได้เร็วกว่านั้นก็ต้องเป็นคนที่มีกายหยาบไร้เทียมทาน
ในหมู่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดไม่มีใครเลยที่ตรงเงื่อนไข
เดี๋ยวก่อน?
เซียนซิงฉาจ้องมองไปยังหลิงฮัน ในการประลองศิษย์ใหม่หลิงฮันสามารถเอาชนะกู่ต้าวอี้ได้แถมยังมีกายหยาบที่ทรงพลัง ในสถานที่แห่งนี้เขาย่อมได้เปรียบกว่าผู้ใด
“หลิงฮัน!” เซียนซิงฉากล่าวด้วย้ำเสียงที่ดังลั่นราวกับฟ้าผ่า “เจ้าไม่ได้ทำอะไรกับกู่ต้าวอี้ใช่รึไม่?”
หลิงฮันแสร้งทำเป็นชะงักด้วยใบหน้าตกใจและมึนงง
‘ไม่ใช่เขารึ?’
เซียนซิงฉาคิดในใจ แต่นอกจากหลิงฮันแล้วใครจะมีกายหยาบทรงพลังถึงขนาดที่สามารถเดินนำเทียนเซี่ยตี้เอ้อและกู่ต้าวอี้ได้?
“ไม่มีทางเป็นหลิงฮัน!” เทียนเซี่ยตี้เอ้อด้วยความมั่นใจและอธิบายว่าหลิงฮันนั้นมาถึงยอดเขาหลังคนอื่น
เซียนซิงฉาที่ได้ยินก็เกิดความรู้สึกสงสัยทันที
ด้วยกายหยาบของหลิงฮัน นอกจากจะไม่ได้มาถึงยอดเขาเป็นคนแรกแล้วยังเดินช้ากว่าคนอื่นอีก? ช่างไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง!
หลิงฮันและสบถในใจ… เทียนเซี่ยตี้เอ้อ ถ้าเจ้าไม่พูดก็ไม่มีใครกล่าวหาว่าเจ้าพูดไม่ได้หรอกนะ รู้งี้เขาน่าจะขังอีกฝ่ายเอาไว้ในหอคอยทมิฬสักสิบยี่สิบปีเลยก็ดี
เซียนซิงฉามองไปยังหลิงฮันและกล่าว “กายหยาบของเจ้าไร้เทียมทานที่สุด เหตุใดถึงมาช้านัก?”
หลิงฮันไม่มีท่าทีร้อนรนและกล่าว “ตอบคำถามเซียน ตอนนั้นข้าไปสำรวจภูเขาลูกอื่นก่อนข้าถึงได้มาช้า”
แม้จะฟังดูมีเหตุผล แต่เซียนซิงฉาจะเชื่อคำพูดนั่นง่ายๆ? เขาใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบร่างกายหลิงฮันก่อนจะกล่าว “นำอุปกรณ์มิติของเจ้าออกมา”
“ขอรับ!” หลิงฮันถอดแหวนและส่งมอบให้แก่อีกฝ่ายอย่างสุภาพ
เขาเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว อุปกรณ์แหวนมิตินี้มีเอาไว้เพื่อปกปิดการมีอยู่ของหอคอยทมิฬ
เซียนซิงฉารับแหวนมาและใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบ ภายในแหวนมีเม็ดผลึกก่อเกิด เม็ดยาและสมุนไพรเก็บเอาไว้ แต่ไม่มีซากศพใส่เอาไว้เลย
ไม่ใช่หลิงฮันจริงๆ?