คราวนี้เซียนที่มุ่งหน้าไปตรวจสอบสถานการณ์คือเซียนเหรินเติง
เมื่อเขามาถึงก็พบกับเหล่าคนที่ถูกหลิงฮันโจมตีจนสลบและจดจำอะไรไม่ได้เลย
เรื่องนี้ทำให้เซียนซิงฉาเกี้ยวกราดเป็นอย่างยิ่ง ตัวการที่ทำให้คนเหล่านั้นหมดสติจะต้องเป็นคนเดียวกันกับที่ทำให้กู่ต้าวอี้หายตัวไปแน่นอน อีกฝ่ายนับว่ากล้าหาญนักที่อุกอาจสร้างปัญหาขึ้นในอาณาเขตของเขา
หลิงฮันกลับมายังสำนักละอองดาราและมุ่งหน้าไปยังตำหนักเป่าหลินเพื่อดูว่าหลินอวีฉีแลกเปลี่ยนแร่โลหะให้เขาได้มากเท่าไหร่แล้ว
เมื่อมาถึงประตูตำหนัก หลิงฮันก็อดตกตะลึงไม่ได้ที่จำนวนลูกค้าของร้านนั้นเยอะขึ้นมาก
ครั้งที่แล้วที่เขามาที่นี่ประตูยังไม่มีแม้แต่นกบินผ่านเลย
“พี่ชายเฉียน ท่านเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ข้าต้องการหลอมกระบี่ล้ำค่าสักเล่ม แต่เหตุใดท่านถึงพาข้ามีที่ร้านค้าเม็ดยา?”
“เหอๆ เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
ด้านหน้าหลิงฮันมีคนของคนกำลังเดินเข้าไปในร้านโดยหนึ่งในสองคนนั้นทำหน้าตามึนงง
ร้านค้าเม็ดยาที่มีอาวุธขายงั้นรึ? น่าแปลกนัก!
หลิงฮันเดิมตามทั้งสองคนเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วเขาก็พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเลือกซื้อเม็ดยาอยู่ โดยที่คนอีกส่วนหนึ่งกำลังยืนรออะไรบางอย่าง
สักพักต่อมา พนักงานสาวของร้านก็ปรากฏตัวโดยถือถาดที่คลุมผ้าเอาไว้มาด้วย ประกายแสงแวววาวของโลหะสาดส่องออกมาจากใต้ผ้าคลุม
“การประมูลแร่โลหะในวันนี้จะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!” พนักงานสาวเปิดผ้าคลุม
“เหลือเชื่อ นั่นมันแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ แร่โลหะอสุราลายทอง!”
“มันสามารถสร้างเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ที่มีพลังอำนาจเทียบเท่ากับระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง!”
“ข้าได้ยินมาสักพักแล้วว่าร้านค้าเม็ดยาแห่งนี้ทำการเปิดประมูลแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงทุกๆสามวัน ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่เชื่อจนมาเห็นด้วยตาตัวเอง”
“นั่นสิ ร้านค้าเม็ดยาที่มีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขาย… ฟังแล้วก็ไม่ค่อยมีเหตุผลยังไงไม่รู้”
ราคาของแร่โลหะถูกประมูลซ้ำไปซ้ำมาจนในที่สุดก็ได้ผู้ชนะ หลังจากจ่ายผลึกก่อเกิดเรียบร้อยแล้วเขาก็รีบซ่อนแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาและรีบกลับทันทีราวกับกลัวว่าจะถูกใครลอบปล้นชิงระหว่างทาง
แม้การประมูลจะจบลงแล้วทุกคนที่มาที่นี่ก็ยังแวะหาซื้ออะไรติดมือบ้างเล็กๆน้อยๆ
หลิงฮันพยักหน้าก่อนจะไปหาพนักงานคนหนึ่ง “เรียกผู้ดูแลสาขามาพบข้าที”
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดผู้ดูแลของข้าต้องยอมพบเจ้า?” ไม่คาดคิดว่าพนักงานผู้นี้จะหยิ่งยโสเช่นนี้ เทียบกับพนักงานที่เขาพบเจอครั้งก่อนแล้วทัศนคติช่างแตกต่างกันลิบลับ หากลองดูให้ดีแล้วพนักงานของร้านได้เปลี่ยนไปทั้งหมด ไม่เหลือใครที่เขาคุ้นหน้าอยู่เลย
แววตาของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกับปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ พนักงานตรงหน้าชะงักแน่นิ่งด้วยความหวาดกลัวทันที “อย่าให้ข้าต้องเอ่ยซ้ำสอง เรียกผู้ดูแลของเจ้ามาพบข้า”
“ขะ เข้าใจแล้ว!” พนักงานคนนั้นรีบพยักหน้าด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไปทั่วร่าง
หลิงฮันยืนรอสักพัก พนักงานคนเดิมก็เดินกลับมาและกล่าว “ทางเราต้องขอโทษด้วย ผู้ดูแลยุ่งมาก คงไม่มีเวลามาพบกับใคร”
หืม?
หลิงฮันจ้องมองด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ เขาพยายามระงับความโกรธเอาไว้ “เจ้าไปบอกอีกครั้งว่าหลิงฮันต้องการพบ”
พนักงานคนนั้นลังเล เขาได้รับคำสั่งมาว่าให้เมินเฉยและไล่ลูกค้าที่ขอพบกลับไป แต่ปัญหาก็คือเขาไม่กล้าขัดขืนหลิงฮัน
สุดท้ายเขาก็ต้องจำใจยอมเดินไปหาผู้ดูแลอีกครั้ง
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง พนักงานก็กลับมาและกล่าว “ขอเชิญนายน้อยหลิง ผู้ดูแลอยู่ทางนี้”
เขาเดินนำทางหลิงฮันไปยังสวนหลังร้าน
ที่สวนด้านหลังมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาไม่ใช่หลินอวีฉีแต่เป็นชายวัยกลางคนที่ปลดปล่อยออร่าอันทรงพลังออกมา
ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง
แล้วหลินอวีฉีล่ะ?
หลิงฮันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลจึงกล่าว “หลินอวีฉีอยู่ไหน?”
ชายวัยกลางคนสะบัดมือไปยังพนักงานเป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายออกไปก่อนจะเอ่ยกล่าว “ข้าคือซือกังหยาง ผู้ดูแลคนใหม่ของที่นี่”
“แค่กๆ!” ซือกังหยางกระแอมเสียงดัง “หลินอวีฉีถูกส่งตัวกลับไปยังตระกูลหลักแล้ว เจ้าจะทำการค้าใดๆกับนางเอาไว้นั้นข้าไม่รับรู้ด้วย แค่คำพูดปากเปล่าของเจ้าไม่อาจทำให้ข้าเชื่อได้”
โอ้ คิดจะปัดความรับผิดชอบง่ายๆเช่นนี้?
หลิงฮันเค้นเสียงและกล่าว “เจ้าต้องการบาดหมางกับข้า?”
ใบหน้าของซือกังหยางเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “หนุ่มน้อย การที่เจ้าสามารถเข้าร่วมสำนักละอองดาราได้หมายถึงเจ้ามีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธที่โดดเด่น แต่พรสวรรค์ก็อยู่ในส่วนของพรสวรรค์ ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะกล้าถึงขนาดพูดอะไรพล่อยๆที่ตำหนักเป่าหลินของข้า!”
เขารู้ว่าหลิงฮันเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่หวาดกลัว ตำหนักเป่าหลินนั้นเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลัง จำนวนของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์นั้นมีมากจนนำมาต่อแถวเรียงรายกันได้เลย
นอกจากนั้นเขาก็มีพลังบ่มเพาะถึงระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางในขณะที่หลิงฮันเป็นเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น ขั้นกลางเช่นนั้นจะไม่สามารถกำราบขั้นต้นอย่างหลิงฮันได้รึ? ช่างน่าขัน!
หลิงฮันขยำนิ้ว “ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทาง หนึ่งคือให้หลินอวีฉีมาคุยกับข้า สองคือข้าจะทุบตีเจ้าแล้วค่อยมาคุยกันทีหลัง”
“ฮ่าๆๆ!” ซือกังหยางหัวเราะ “เจ้าบ้าไปแล้วรึหนุ่มน้อย!”
เขารู้จักหลิงฮันเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้หลิงฮันได้เข้าร่วมการทดสอบของตระกูลหลินโดยเป็นตัวแทนของหลินอวีฉี อีกสามตระกูลหลักของตำหนักเป่าหลินก็ได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับหลิงฮันเช่นกัน แต่ในตอนนั้นมีรึที่เขาจะเก็บเรื่องของจอมยุทธระดับดารามาใส่ใจ?
เพราะงั้นเมื่อเขาได้ยินว่าหลิงฮันบรรลุระดับวารีนิรันดร์แล้วนั้นเขาจึงตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่จำนวนมหาศาลที่กองอยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขาเกิดความโลภเช่นกัน
“พูดตรงๆเลยแล้วใคร เจ้าจะบอกว่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเป็นของเจ้า? แค่คำพูดปากเปล่าใครจะเชื่อกัน? แต่เห็นแก่เจ้าข้าจะยอมแบ่งส่วนต่างให้เล็กๆน้อยแล้วกัน” ซือกังหยางโยนแหวนมิติออกไปด้านหน้าด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
นอกจาเซียนแล้วตำหนักเป่าหลินไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใคร!
หลิงฮันจะกลายเป็นเซียนได้ในอนาคต?
ไม่มีทางเด็ดขาด เซียนซิงฉาไม่ได้รับหลิงฮันเป็นศิษย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเซียนซิงฉานั้นมองเห็นว่าหลิงฮันไม่มีศักยะภาพพอที่จะบรรลุเป็นเซียน
ระดับวารีนิรันดร์เช่นเจ้าแค่คนเดียว คิดจะต่อต้านจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จำนวนมากของตำหนักเป่าหลิน?
แหวนมิติกลิ้งวนอยู่บนพื้นสองสามรอบก่อนจะหยุดแน่นิ่งอยู่กับพื้น
“หนึ่งแสนผลึกก่อเกิด เยอะใช่มั้ยล่ะ!” เขากล่าวพร้อมกับแสยะยิ้ม “รีบๆเก็บแล้วก็ไสหัวไปซะ ไม่เช่นนั้นผลึกก่อเกิดแม้แต่ก้อนเดียวเจ้าก็จะไม่ได้!”