หลิงฮันเร่งความเร็วขึ้น ผ่านไปครึ่งวันผลึกก่อเกิดทั้งหนึ่งแสนผลึกก็ถูกยัดเข้าไปอยู่ในท้องของซือกังหยาง ท้องของเขาในตอนนี้ใหญ่โตจนทำให้คนอ้วนดูผอมไปเลย
หลืงฮันปัดฝุ่นบนมือและจ้องมองผลงานชิ้นเอกด้วยความพึงพอใจ สภาพของซือกังหยางในตอนนี้ตลกอย่างแท้จริง แขนขาและหัวของเขาดูเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับท้องที่มีขนาดใหญ่โต
เขานำอุปกรณ์มิติของซือกังหยางออกมาตรวจสอบ ทันใดนั้นใบหน้าของหลิงฮันก็เปลี่ยนเป็นมืดมน ภายในอุปกรณ์มิติมีเพียงแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่สิบเจ็ดก้อนเท่านั้น ที่เหลือก็มีเพียงผลึกก่อเกิดจำนวนราวๆร้อยล้านก้อน เมื่อเทียบกับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เขาให้ไปจำนวนแค่นี้ถือว่าน้อยมาก
“เจ้าช่างรนหาที่ตายจริงๆ!” หลิงฮันกวัดแกว่งหมัดชกเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรง
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว หลิงฮันก็ปล่อยตัวซือกังหยางและกล่าว “ข้าให้เวลาเจ้าสามวัน เตรียมทุกสิ่งที่เป็นของข้าเอาไว้ให้พร้อม หากเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจอีกล่ะก็…” เขาครุ่นคิด “ข้าจะให้วัวกระทิงร้อยตัวพุ่งทะลวงประตูหลังของเจ้า!”
กล่าวจบเขาก็เดินจากไป
ซือกังหยางหวาดกลัว เขาอยากจะหลบหนีออกจากดาวมู่ถูที่อันตรายแห่งนี้ทันที แต่พลังบ่มเพาะของถูกผนึกอยู่เขาจะหลบหนีได้อย่างไร?
หลิงฮันเดินออกจากตำหนักเป่าหลิน เมื่อเขาก้าวเดินไปได้สองสามก้าวก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยเรียกเขา “โอ้ นั่นน้องชายหลิงไม่ใช่รึ?”
หลินอวีฉี!
หลิงฮันหันหน้าและจ้องมองด้วยแววตาเยือกเย็น “เจ้ายังกล้ามาพบข้า?”
“ทำต้องใช้ความกล้าด้วย? เจ้าไม่ใช่เสือผู้หญิงเสียหน่อย ข้าไม่เห็นต้องกลัวเลยว่าจะถูกเจ้ากิน” หลินอวีฉีเดินเข้ามาใกล้และโยนแหวนมิติให้หลิงฮัน
หลิงฮันรับแหวนและใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบ เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ภายในแหวนมีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมายตั้งแต่ระดับสิบเอ็ดไปจนถึงระดับสิบสาม แถมจำนวนของพวกมันก็ยังมีมากมายมหาศาลอีกด้วย
“พี่สาวทำงานหนักเพื่อเจ้าอยู่แท้ๆ แต่ผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งปีก็มีตัวบัดซบมาแย่งตำแหน่งของข้าไป แต่ข้าก็ยังสามารถรักษาสัญญาให้เจ้าได้เพราะข้าเก็บแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ส่วนใหญ่ไว้กับตัว” หลินอวีฉีกล่าว
หลิงฮันเก็บแหวนมิติและไม่รู้สึกโมโหอีกต่อไป “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ตัวบัดซบแซ่ซือหวังจะครอบครองพี่สาวคนนี้ เมื่อตอนที่หมอนั่นมาหาข้า เขาได้บังเอิญเห็นว่าพี่สาวจัดการประมูลแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ทุกๆสามวัน เขาจึงเกิดความความโลภและใช้อำนาจยึดตำแหน่งของพี่สาว” หลินอวีฉีอธิบาย “โชคดีที่พี่สาวทิ้งพนักงานที่เชื่อใจเอาไว้ เมื่อเจ้าปรากฏตัวที่นี่พนักงานคนนั้นจึงติดต่อหาพี่สาวทันที”
หลิงฮันเค้นเสียงก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปยังตำหนักเป่าหลิน
“เดี๋ยวก่อน นี่เจ้าจะทำอะไร?” หลินอวีฉีรีบห้าม พี่สาวมาหาเจ้าเพราะไม่ต้องการให้เจ้าตกหลุมพรางของตัวบัดซบแซ่ซือ”
เขาไม่รู้ว่าหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งมากพอที่จะกำราบซือกังหยางได้อย่างง่ายดาย นางกลัวว่าหลิงฮันจะอารมณ์จนตกไปสู่กับดักของซือกังหยาง
หลิงฮันไม่พูดอะไรและก้าวต่อไป
หลินอวีฉีตามหลิงฮันไปจนถึงสวนด้านหลัง สิ่งที่นางเห็นทำให้นางอ้าปากค้างด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
นั่นมันซือกังหยาง?
ใบหน้าก็ใช่อยู่ แต่เหตุใดเขาถึงได้อ้วนขึ้นขนาดนั้น?
ซือกังหยางกำลังพยายามคายผลึกก่อเกิดออกมา เนื่องจากพลังบ่มเพาะถูกผนึกเอาไว้ทำให้การเอาผลึกก่อเกิดออกจากภายในร่างกายนั้นเป็นเรื่องยากลำบากมาก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะคายผลึกก่อเกิดได้ถึงสิบก้อนหลิงฮันก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง เขาหวาดกลัวจนแข้งขาสั่น นี่เจ้ากลับมาทำไม?
สามวันผ่านไปไวขนาดนั้นเชียว?
หลิงฮันปล่อยหมัด ‘ตูม’ ซือกังหยางถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเนื้อ ผลึกก่อเกิดจำนวนมากไหลลอยกระจายไปทั่ว
ในเมื่อเขาได้สิ่งที่ควรเป็นของเขากลับคืนมาแล้ว ซือกังหยางก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป อีกฝ่ายกล้ามากที่คิดลักขโมยของของเขา หากไม่สังหารความแค้นใจในก็ไม่มีทางหายไป
หลินอวีฉีนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “เจ้าสังหารซือกังหยาง!”
“ถูกแล้ว” หลิงฮันพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
หลินอวีฉีดึงแขนเสื้อของเขา “หมอนั่นคือปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ เขาเป็นหนึ่งในตัวตนสำคัญของตำหนักเป่าหลิน ทางตำหนักคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ไม่ต้องคิดมา เจ้าไปส่งข้อมูกลับไปว่าหมอนั่นพบเจอซากโบราณสถานที่ซ่อนสมบัติและตกตายระหว่างการเดินทาง”
“เจ้าต้องการให้พี่สาวโกหกให้เจ้า?” หลินอวีฉีมองบน
“หรือเจ้าจะบอกว่าไม่อยากให้หมอนั่นตาย”
“พี่สาวไม่โกหกว่าข้าเองก็เกลียดหมอนั่นมานานแล้ว แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันด์นั้นสำคัญกับตำหนักเป่าหลินเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะซือกังหยางที่มีอายุไม่กี่ร้อยล้านปี เขามีโอกาสทะลวงผ่านสู่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด ไม่เพียงทางตระกูลซือจะให้ความสำคัญกับเขาแต่ตำหนักเป่าหลิงเองก็เช่นกัน” หลินอวีฉีกล่าว
หลิงฮันไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องกังวล ต่อให้เจ้าต้องส่งข่าวกลับไปก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่สิบถึงห้าสิบปีกว่าข่าวจะถึงตำหนักเป่าหลินสาขาหลัก”
สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้ถึงเวลา ในอีกสี่สิบถึงห้าสิบปีข้างหน้ามีรึที่เขาจะไม่แข็งแกร่งขึ้น?
หลิงฮันขอตัวกลับโดยทิ้งให้หลินอวีฉีจัดการปัยหาที่เหลือ ต่อให้ซือกังหยางตายนางก็ไม่สามารถยึดอำนาจของตำหนักเป่าหลินสาขานี้คืนได้เนื่องจากตำแหน่งของนางไม่สูงมากพอ
หลังจากกลับสำนักละอองดารา หลิงฮันก็ส่งแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาดาบอสูรนิรันดร์ดูดกลืน
ระดับของดาบอสูรนิรันดร์เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสอง… ระดับสิบสาม…
หลังจากยกระดับไปสองขั้น ระดับดาบอสูรนิรันดร์ก็หยุดอยู่ที่ระดับสิบสามไม่อาจเพิ่มเป็นระดับสิบสี่เนื่องจากแร่โลหะไม่เพียงพอ
หลิงฮันให้ติงผิงเป็นคนไปแจ้งกับหลินอวีฉีว่าให้จัดหาแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามเพิ่ม จำนวนนั้นไม่จำเป็นต้องมาก แค่ราวๆยี่สิบก้อนก็พอ
หลิงฮันสงบสติอารมณ์และตั้งมั่นทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง ในด้านของจักรพรรดินีนั้นนางบรรลุขั้นกลางเรียบแล้วร้อย แถมแก่นกำเนิดนิรันดร์ของนางก็ยังทรงพลังเหนือกู่ต้าวอี้ไปแล้ว
สตรีนกอมตะเองก็หลังจากที่รับวาสนาจากนกอมตะสวรรค์ทั้งสาม พลังบ่มเพาะของนางก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ความเร็วในการบ่มเพาะของนางเร็วขึ้นนับหมื่นเท่า
เพียงไม่กี่เดือนนางก็บรรลุระดับดาราขั้นกลาง คงอีกไม่นานที่นางจะรับทัณสายฟ้าสวรรค์และทะลวงสู่ขั้นสูง
ในด้านของคนอื่นๆ จักรพรรดิพิรุณและเซียนหวู่เซียงทะลวงผ่านเป็นระดับดาราขั้นสมบูรณ์ได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากซุปสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ ส่วนสวีเหลินนั้นเขายังไม่สามารถบรรลุขั้นสมบูรณ์ได้ พรสวรรค์นั้นหากขาดไปแม้เพียงหนึ่งในร้อยก็ต้องประสบกับคอขวดที่ยากลำบาก
ปัง!
แต่ในวันนี้เอง คืนวันที่แสนสงบก็พังทลาย ประตูลานที่พักของหลิงฮันถูกทำลายพร้อมกับมีร่างของคนสามคนเดินเข้ามา