ในสำนักละอองดารา ที่พักของศิษย์นั้นถือว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจลุกล้ำ ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎจะต้องรับโทษรุนแรง บางทีอาจจะถึงขั้นถูกทำลายพลังบ่มเพาะหรืออาจะถูกสังหารก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เพราะงั้นแล้วศิษย์ทุกคนจึงอุ่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าสามารถบ่มเพาะพลังในที่พักของตนเองได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวล
ทว่าครั้งนี้กฎเหล็กที่ว่ากลับถูกทำลายเสียแล้ว
คนสามคนทำลายประตูลานที่พักของหลิงฮันอย่างองอาจ
หลิงฮันออกจากที่พักและพบกับสองบุรุษหนึ่งสตรี เขาจดจำสองจากในสามคนได้ บุรุษคนหนึ่งคือไช่เหมี่ยว ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักย่อยที่แปด สตรีอีกคนคือภรรยาเซียน จูซิ่วเอ๋อ!
บุรุษคนสุดท้ายในกลุ่มนั้นเยาว์วัยเป็นอย่างมาก อายุแท้จริงของเขาดูแล้วอาจจะเพียงราวๆยี่สิบปีเท่านั้น แต่พลังบ่มเพาะกลับบรรลุระดับภูผาวารีแล้ว
“หลิงฮัน!” จูซิ่วเอ๋อคำรามและชี้นิ้ว ใบหน้าของเขาประดับไว้ด้วยความเกลียดชัง
หลิงฮันยิ้มและกล่าวทักทาย “พบภรรยาเซียน”
ด้วยสถานะของอีกฝ่าย ต่อให้เป็นเขาก็ไม่สามารถเมินเฉยไม่กล่าวทักทาย
“อยู่ต่อหน้าภรรยาเซียนแล้ว เจ้ายังไม่คุกเข่าอีก?” ไช่เหมี่ยวกล่าว เขาไม่พอใจกับการปฏิวัติของหลิงฮันมาโดยตลอด
หลิงฮันส่ายหัว “มีกฎระเบียบของสำนักว่าเมื่อพบเจอภรรยาเซียนแล้วต้องคุกเข่า?”
“ไม่ใช่กฎระเบียบแต่เป็นการแสดงความเคารพขั้นพื้นฐาน หรือเจ้ากล้าไม่ไว้หน้าเซียน?” ไช่เหมี่ยวคำราม ในหมู่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสี่ของสำนักย่อยที่แปด เขาคือคนที่ยืนกรานต้องการให้หลิงฮันทำตามวัฒนธรรมคลานผ่านช่องลอดสุนัขมากที่สุด
เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว อวี๋ซู่ซู่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการศึกษารูปแบบอาคม จนแม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่โผล่หน้ามาให้ใครเห็น
เริ่นเฟยอวิ๋นเองก็อยู่ฝ่ายเดียวกับหลิงฮัน ส่วนฉีเทียนนั้นแม้จะต้องการให้หลิงฮันทำตามวัฒนธรรมเช่นกันแต่ก็เป็นพวกหัวรุนแรงน้อยกว่าไช่เหมี่ยว
จนถึงตอนนี้มีเพียงไช่เหมี่ยวเท่านั้นที่ไม่คิดจะรามือจากหลิงฮัน แต่ว่าในก่อนหน้านี้หลิงฮันเอาแต่เก็บตัวอยู่ในหอคอยทมิฬหรือไม่ก็อยู่ในลานที่พักทำให้เขาไม่มีโอกาสลงมือ
แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน เขามีภรรยาและบุตรของเซียนมาด้วยกัน ต่อให้ท้องฟ้าจะร่วงหล่นมีรึที่ภรรยาเซียนจะรับมือไม่ได้?
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ความเคารพที่มีต่อเซียนนั้นอยู่ภายในใจ ข้าไม่จำเป็นต้องแสดงออกมา”
“อย่าให้เบี่ยงประเด็น!” ไช่เหมี่ยวกล่าว “เจ้าจะคุกเข่าหรือไม่?”
หลิงฮันจ้องมองไปยังรุ่นเยาว์ซึ่งแน่นอนว่าคงเป็นบุตรเพียงคนเดียวของเซียนซิงฉา ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังเป็นเพียงเด็กน้อยที่อยากเล่นขี่ม้าอยู่เลย ผ่านไปเพียงสิบกว่าปีเด็กน้อยคนนั้นได้กลายเป็นรุ่นเยาว์ที่หล่อเหลาเสียแล้ว
เขายิ้มและกล่าว “หนุ่มน้อย เจ้าแซ่อะไร?”
รุ่นเยาว์ผู้นั้นยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “แซ่ของข้าคือมี่”
ที่แท้เซียนซิงชาก็แซ่มี่นี่เอง
หลิงฮันอดหัวเราะไม่ได้ ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มตรงหน้ายังดื้อรั้นใช้งานจอมยุทธระดับดาราเป็นม้าขี่อยู่เลย แต่เมื่อพบเห็นภรรยาสาวงามของเขาก็ยังคิดจะนำนางไปเป็นภรรยาอีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าพอโตแล้วอีกฝ่ายจะมีท่าทีสุขุมเช่นนี้
“หลิงฮัน!” จูซิ่วเอ๋อและไช่เหมี่ยวตะโกนพร้อมกัน ช่างยิ่งยโสยิ่งนัก บังอาจเมินเฉยพวกเขาทั้งสอง?
“จัดการเขาซะ!” จูซิ่วเอ๋อทนไมไหวอีกต่อไป จนถึงตอนนี้หลิงฮันก็ยังไม่เห็นนางอยู่ในสายตา สำหรับนางแล้วสิ่งที่ต้องการก็แค่ภาพลักษณ์เท่านั้น แค่ก้มหัวให้นางมันยากเย็นขนาดนั้นเลยรึไง?
ไช่เหมี่ยวแสยะยิ้ม เขามีภรรยาเซียนคอยช่วยเหลืออยู่ คราวนี้ใครจะกล้าหยุดยั้งเขา?
เริ่นเฟยอวิ๋นย่อมไม่กล้าแน่นอน แม้แต่เซียนหมิงซินก็ต้องยอมหลับตาทำเป็นไม่เห็นเพราะต้องไว้หน้าภรรยาของอาจารย์
‘ตุบ’ จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะปรากฏตัวออกมาพร้อมกันและยืนอยู่เคียงข้างหลิงฮัน
จักรพรรดินีจ้องมองจูซิ่วเอ๋ออย่างเหยียดหยาม จะเป็นภรรยาของเซียนหรืออะไรก็ช่าง หากกล้าหยาบคายกับสามีของนางก็เปรียบเสมือนกับดูถูกนาง จักรพรรดิในตอนนี้เกรี้ยวกราดจนสายลมกรรโชกและหมู่เมฆเปลี่ยนสี
ฮึ่ม!
จูซิ่วเอ๋อดวงตาเปิดกว้างและหายใจติดขัด ในโลกนี้มีสตรีที่งดงามขนาดนี้อยู่ได้อย่างไร?
ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ รูปร่างของเสน่ห์ อีกฝ่ายงดงามจนหาที่ติไม่ได้
“ช่างกล้านัก!” จักรพรรดินีเหินร่างขึ้นสูงและชี้นิ้วไปยังพวกจูซิ่วเอ๋อทั้งสามคน “บังอาญล่วงเกินสามีของข้า พวกเจ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตแล้ว?”
เมื่อถูกต่อว่าด้วยคำพูดหยาบคาย จูซิ่วเอ๋อก็ดึงสติกลับมาได้และเกรี้ยวกราดทันที สตรีน่ารังเกียจผู้นี้กล้าตำหนินางงั้นรึ?
นางเหินร่างขึ้นสูงเช่นกันและก้มมองจักพรรดินี “พบเจอภรรยาเซียนอย่างข้าแล้วเจ้ายังไม่คุกเข่าอีก!”
หลิงฮันยิ้ม เขาขยับไปโอบกอดจักรพรรดินีและกล่าว “ไม่ต้องไปใช้อารมณ์กับคนแบบนั้น นางไม่คู่ควรแม้ให้เจ้าแยแส”
“อืม!” จักรพรรดินียิ้มอย่างอ่อนโยน
ฮึ่ม!
ดวงตาของไช่เหมี่ยวเปลี่ยนเป็นแดงฉาน ต่อให้เขาที่เป็นอัจฉริยะและฝักไฝ่เพียงแต่ศาสตร์วรยุทธเมื่อเห็นจักพรรดินีก็ยังต้องจิตใจสั่นสะท้านจนห้ามตัวเองไม่ไหว ทว่าสตรีที่งดงามราวกับเทพธิดาเช่นนั้นกลับซบโอบอยู่ภายใต้อ้อมแขนของหลิงฮัน เขาที่เห็นแบบนั้นจึงรู้สึกราวกับมีกระบี่เสียบแทงเข้ามากลางหัวใจ!
“ฮึ่ม นอกจากจะไม่ทำตามวัฒนธรรมของสำนักแล้วยังโต้เถียงกับภรรยาเซียนอีก จงก้มหัวคุกเข่ายอมรับความผิดซะ!” ในที่สุดเขาก็ลงมือจู่โจมเข้าใส่หลิงฮัน
“ช่างกล้า!” จักรพรรดินีถลึงตา ร่างของนางกระโดดพุ่งเข้าปะทะกับไช่เหมี่ยว
‘ครืนน’ ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมา มันคือแรงกดดันอันเป็นเอกลักษณ์ของแก่นกำเนิดนิรันดร์ ผลกระทบของมันคล้ายคลึงกับอำนาจสวรรค์ของหลิงฮันที่ทำให้ศัตรูใช้พลังต่อสู้ได้ไม่เต็มที่
ต่อให้เป็นจักรพรรดินีก็ไม่กล้าประมาทศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด
ไช่เหมี่ยวไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจักรพรรดินีแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนทิศการโจมตีไปยังจักรพรรดินี หากต้องการครอบครองสตรีที่ยิ่งทะนงเช่นนางล่ะก็ อันดับแรกคือต้องทำลายความมั่นใจของนางทิ้งเสียก่อน
จะทำลายอย่างไรงั้นรึ? แน่นอนว่าต้องใช้กำลังเพียงอย่างเดียว
จักรพรรดินียิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกับนำหินต้นกำเนิดสวรรค์ออกมา