จักรพรรดินีและไช่เหมี่ยวปะทะกันอย่างดุเดือดบนท้องฟ้า
ต่อให้ภายในสำนักจะมีรูปแบบอาคมคุ้มกันเซียน แต่ทั้งสองก็เป็นถึงปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ที่มีพลังต่อสู้ของระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด ทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้านล้วนถูกบดขยี้ไม่มีเหลือ
การต่อสู้ที่รุนแรงเช่นนี้ย่อมดึงดูดสายตาคนนับไม่ถ้วน ศิษย์จำนวนมากออกมาจากลานที่พักและแหงนมองดูท้องฟ้า
เพียงแค่จ้องมองไม่ว่าศิษย์คนใดก็ต้องเหงื่อตก
ทรงพลังยิ่งนัก! นางเป็นใครกันถึงได้แข็งแกร่งขนาดต่อสู้ทัดเทียมกับศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดได้?
อวี๋ซู่ซู่?
ไม่ใช่!
ใครบางคนจดจำจักรพรรดินีได้และพึมพำออกมาจนแพร่งพรายไปสู่หูทุกคน
นางเป็นศิษย์ใหม่!
เมื่อเหล่าศิษย์เก่ารับรู้เรื่องนี้พวกเขาทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ศิษย์ใหม่ปีนี่ทำไมถึงได้มีแต่พวกอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดกัน? ก่อนหน้านี้ก็มีกู่ต้าวอี้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่สุดแห่งทุกยุคสมัยและถูกเซียนซิงฉารับให้เป็นศิษย์ผู้สืบทอด หลังจากนั้นก็มีหลิงฮันที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นแกนนำกบฏต่อวัฒนธรรมของสำนักและกล้าต่อล้อต่อเถียงแม้กระทั่งกับภรรยาของเซียน
พลังต่อสู้ของหลิงฮันเองก็น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่ากู่ต้าวอี้ มีคำกล่าวว่าแม้แต่ระวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดก็อาจจะไม่สามารถกำราบเขาได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหล่าศิษย์เก่าก็ล้วนแต่มีความเชื่อมั่นว่า ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นไร้เทียมทาน
ไม่ว่าศิษย์ใหม่จะมีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดเช่นใด ต่อหน้าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสี่พวกเขาก็ทำได้เพียงยอมก้มหัว
แต่ว่าตอนนี้ความเชื่อมั่นของพวกเขาได้พังทลายเป็นที่เรียบร้อย
จักรพรรดินีกำลังปะทะกับศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดโดยที่นางเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เป็นไปได้อย่างไร!
“หินแผ่นนั่น!”
“ใช่แล้ว จากที่เห็นหินแผ่นนั้นมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งราวกับมันสามารถดูดซับการโจมตีเข้าไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วนางคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด”
“ถึงอย่างนั้นพลังต่อสู้ของนางก็ยังน่าทึ่งอยู่ดี นางด้อยกว่าเพียงแค่เล็กน้อย”
“แถมนางยังงดงามมากอีกด้วย”
“พระเจ้า ในโลกนี้มีสตรีที่งดงามขนาดนั้นอยู่ได้อย่างไร?”
ใบหน้าของจักรพรรดินีมีเพียงศิษย์ใหม่ที่เข้าร่วมการประลองศิษย์ใหม่เท่านั้นที่เคยเห็น เหล่าศิษย์เก่าไม่มีใครเคยเห็นหน้าของนางมากก่อน ตอนนี้ไม่ว่าจะศิษย์เก่าหรือศิษย์ใหม่ต่างก็หลงไหลในความงามของนาง ทุกคนส่งเสียงให้กำลังใจจักรพรรดินี
“ฮึ่ม!” จูซิ่วเอ๋อเกรี้ยวกราด นางเค้นเสียงพร้อมกับวางท่าอย่างองอาจ “เงียบซะ ใครกล้าส่งเสียงข้าจะถือว่าเป็นกบฏ!”
สถานะภรรยาของเซียนนั้นสูงส่ง พริบตาเดียวทุกคนก็ปิดปากเงียบและให้กำลังใจจักรพรรดินีในใจ
หลิงฮันกวักมือไปยังรุ่นเยาว์แซ่มี่ “น้องชายมี่ พวกเรามาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันหน่อยเป็นอย่างไร”
นี่มันดูถูกกันซึ่งๆหน้า!
จูซิ่วเอ๋อโมโหหงุดหงิด นี่เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลย! แต่การจะกำราบหลิงฮันนั้นนางมีทางเลือกไม่มากเพราะมีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่สามารถเอาชนะหลิงฮันได้
นี่นางจำเป็นต้องไปบอกให้เซียนหมิงซินลงมือจริงๆรึ?
แต่ถ้าอีกฝ่ายคิดจะช่วยเหลือนางจริงๆ มีรึมีเซียนอย่างเขาจะไม่รับรู้ว่านางอยู่ที่นี่แล้ว?
จูซิ่วเอ๋อรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ด้วยสถานะของนางเหตุใดแค่ศิษย์ใหม่แค่คนเดียวก็ยังจัดการไม่ได้?
‘ครืนน’ ออร่าของเซียนพัดผ่าน เซียนหมิงซินปรากฎตัวอย่างไม่คาดฝัน
จูซิ่วเอ๋อแสยะยิ้มทันที “หมิงซิน รู้ไหมว่าเจ้าให้ข้ารอนานแค่ไหน!”
เซียนหมิงซินไม่สนใจ เขาแหงนมองท้องฟ้าและขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลิงฮันประหลาดใจ เซียนหมิงซินกำลังมองอะไรอยู่? สิ่งใดกันที่ทำให้แม้แต่เซียนเช่นเขาก็ยังต้องขมวดคิ้ว?
‘ครืนน’ คลื่นแสงแห่งเต๋าลอยลงมาจากท้องฟ้า ออร่าของเซียนพัดผ่านไปทั่วอากาศ
มีเซียนอีกคนมาที่นี่!
พริบตาต่อมาทุกคนก็ได้เห็นร่างหนึ่งเดินอยู่ท่ามกลางคลื่นแสงแห่งเต๋า อีกฝ่ายเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า แต่เพียงการก้าวเท้าก้าวเดียวก็สามารถเคลื่อนที่ได้ไหลถึงพันล้านไมล์และมาปรากฏตัวที่สำนัก
ร่างที่ปรากฏตัวคือชายวัยกลางคนผิวขาวที่มีสัญลักษณ์ ‘ศิลา’ สลักไว้ระหว่างคิ้ว
“สหายมีชื่อว่าอะไร?” เซียนหมิงซินกล่าวด้วยน้ำเสียงระมัดระวังเป็นอย่างมาก ภายในดวงตะวันเซียนคือตัวตนที่ทรงพลังที่สุด ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเพียงเซียนระดับต้นก็สามารถสังหารทุกคนนอกจากเซียนทั้งสิบในสำนักได้ในพริบตา
ชายวันกลางคนจ้องมองเซียนหมิงซินและกล่าว “ข้าคือฮูอิงมู่”
“ที่แท้ก็สหายฮู!” เซียนหมิงซินกล่าว “ข้าขอล่วงเกินถามว่าสหายมาที่นี่มีเหตุผลอันใด?”
ฮูอิงมู่หรี่ตามองและกล่าว “รุ่นเยาว์ตระกูลฮูของข้าถูกสังหาร จากการตรวจสอบของข้า คนร้ายที่สังหารมีความเกี่ยวข้องกับที่นี่”
ฮูอิงมู่กวาดสายตามองศิษย์ทุกคน ภายใต้การตจ้องมองของเขาทุกคนรู้สึกราวกับร่างของตนเองเปลือยเปล่าและไม่อาจปกปิดความลับใดๆได้
“ข้าพบรถเกวียนโบราณอยู่บนดวงดาวที่ห่างออกไปไม่ไกล คาดว่าใครบางคนในหมู่พวกเจ้าคงบังเอิญไปพบเจอกับรุ่นเยาว์ของตระกูลข้าและสังหารพวกเขาเพื่อแย่งชิงสมบัติ”
เขาแน่นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “คำขอของข้านั้นง่ายดายมาก มอบสมบัติคืนมาพร้อมกับส่งตัวคนร้ายให้ให้ข้า!”
เซียนหมิงซินยิ้มเหยียดหยาม เจ้ามาทำตัวยิ่งยโสที่นี่ราวกับเป็นถิ่นของตนเองทั้งๆที่เจ้าเป็นเพียงเซียนระดับต้น? หารู้ไม่ว่าที่นี่มีเซียนอยู่ถึงสิบคนแถมยังมีเซียนระดับสูงด้วย
“คงตอบรับคำขอของเจ้าไม่ได้!” เซียนหมิงซินกล่าวปฏิเสธ
ฮูอิงมู่กำลังจะระเบิดความโกรธ แต่ทันใดนั้นเขาก็ชำเลืองมองไปยังจักรพรรดินีกับไช่เหมี่ยวที่กำลังลอยลงมาจากท้องฟ้า ที่จริงเหตุผลที่เขาเคลื่อนที่มายังบริเวณนี้ก็เป็นเพราะเขาเห็นการปะทะกันของจักรพรรดินีและไช่เหมี่ยว
ก่อนหน้านี้เขาไม่แยแสเท่าไหร่ แต่พอได้เห็นใบหน้าของจักรพรรดินีดวงตาของเขาก็แข็งค้างทันที
ความงามของจักรพรรดินีนั้นส่งผลกระทบแม้กระทั่งเซียน
ฮูอิงมู่ไม่ใช่ชายที่ลุ่มหลงในสตรีเท่าไหร่ แต่ความงามของจักรพรรดินีนั้นมากล้นเกินไปจนเขาไม่อาจควบคุมตัวเองได้
เซียนนั้นหากต้องการอะไรก็ต้องได้สมใจโดยที่ไม่จำเป็นที่ต้องใสใจศีลธรรมใดๆ
เขาคว้ามือไปยังจักรพรรดินีอย่างอุกอาจ