“ช่างกล้า!” เซียนหมิงซินเกรี้ยวกราด ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือแย่งชิงศิษย์ต่อหน้าเขาเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเซียนเพียงคนเดียว?
เซียนหมิงซินปล่อยฝ่ามือที่เต็มไปด้วยอำนาจแห่งเซียน ความโกรธของเขาราวกับจะทำให้สวรรค์และปฐพีพังทลาย
ฮูอิงมู่เค้นเสียงดูถูก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องดึงมือกับเพื่อต่อต้านการโจมตีของเซียนหมิงซิน
ต่อให้เขาจะคิดว่าพลังของตนเองนั้นเหนือกว่าเซียนหมิงซิน แต่พวกเขาก็เป็นเซียนระดับเดียวกัน เขาจะประมาทยอมให้การโจมตีของอีกฝ่ายเข้าปะทะร่างตนเองโดยตรงได้อย่างไร?
ตูม!
การโจมตีของเซียนทั้งสองเข้าปะทะกันก่อให้เกิดเป็นคลื่นกระแทกที่พัดกระจายไปทั่วทิศทาง
‘ครืน ครืน ครืน’ ทั่วทั้งสำนักละอองดาราพังทลายด้วยคลื่นกระแทก ศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนถูกส่งลอยกระเด็นราวกับว่าวเชือกขาดและกระอักโลหิตออกมา บางคนบาดเจ็บยิ่งกว่านั้น แขนหรือขาของพวกเขาขาดหลุดกระเด็นออกจากร่าง
โชคดีที่ที่นี่ยังมีรูปแบบอาคมป้องกันเซียนอยู่ ทำให้ไม่มีเสียชีวิต
นี่คือการต่อสู้ของเซียน ต่อให้เป็นเพียงระลอกคลื่นกระแทกก็สามารถสังหารคนได้นับไม่ถ้วน การปะทะเมื่อครู่รูปแบบอาคมเซียนยังช่วยต้านทานความเสียหายไว้ได้บ้าง หากเป็นการปะทะครั้งต่อไปอาจจะมีการตกตายและบาดเกิดขึ้นจำนวนมาก
“ฮึ่ม!” เซียนหมิงซินเกรี้ยวกราดจนผมสยายชี้ขึ้นฟ้า
เซียนระดับต้นเช่นพวกเขานั้นมีหน้าที่ฝึกฝนบ่มเพาะเหล่าศิษย์ที่มีพรสวรรค์ ศิษย์ทุกคนเป็นเหมือนดั่งลูกหลานที่พวกเขาฝากความหวังเอาไว้
“เจ้ากล้าต่อต้านข้า?” ฮูอิงมู่แสยะยิ้ม เขานั้นมาจากดินแดนต้องห้าม คิดว่าพลังต่อสู้จะเท่ากับเซียนระดับต้นทั่วไป? เขาไม่สนใจว่าใครจะโดนลูกหลงและโจมตีออกไปเพื่อกำราบเซียนหมิงซิน
“เจ้ามันโอหังเกินไป!” เซียนหมิงซินคำราม ‘พรึบ’ กระดูกในร่างของเขาส่องประกายเนื่องจากรูปแบบอาคมถูกโคจรใช้งาน ทันทีที่เขายกมือขึ้นคลื่นดาบก็ปรากฏออกมานับไม่ถ้วนไปทั่วทั้งอากาศ
“หืม?” ฮูอิงมู่ชะงักเล็กน้อยและล่าถอยสองสามก้าว “ข้าประมาทเจ้าไปหน่อย ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะสลักรูปแบบอาคมไว้บนร่างกาย”
เซียนหมิงซินไม่ตอบและลงมือโจมตีฮูอิงมู่ คลื่นดาบทั้งหมดพุ่งทะยานอย่างเกรี้ยวกราด
“ต่อหน้าข้า พลังเท่านั้นยังไม่พอ!” ฮูอิงมู่กล่าวอย่างมั่นใจ “กายหยาบแปดศิลา!” ร่างของเขากลายเป็นมนุษย์หินขนาดใหญ่ กล้ามเนื้อแต่ละส่วนของเขาเป็นดั่งวัสดุเซียนอันไร้เทียมทาน
“พวกปลาซิวปลาสร้อย!” เขาตอบโต้เซียนหมิงซินด้วยท่าทางเหยียดหยาม
ในสายตาของดินแดนต้องห้าม จอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเปรียบเสมือนมดปลวก ต่อให้เป็นตัวตนระดับเซียนก็ไม่มีข้อยกเว้น อย่างมากก็เป็นได้แค่มดปลวกที่ทรงพลังเท่านั้น
เมื่อเซียนสองคนเข้าปะทะกัน คนอื่นๆรอบข้างก็รีบหลบหนีอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะหวาดกลัวว่าจะโดนลูกหลง
‘พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ’ คลื่นแสงแห่งเต๋าปรากฏขึ้นหลายคลื่น เซียนเฮยเหอ เซียนอวิ๋นเซี่ยและเซียนคนอื่นๆรวมทั้งหมดแปดคนปรากฏตัวออกมาและช่วยกันสลายคลื่นพลังที่เกิดจากการต่อสู้อันรุนแรง ไม่เช่นนั้นหากปล่อยไว้เหล่าศิษย์คงตกตายกันอย่างหกถึงเจ็ดส่วน
พวกเขาไม่ได้มาเพียงคนเดียวแต่ยังพาศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของแต่ละสำนักย่อยมาด้วย
เมื่อคลื่นปะทะสลายหายไป พวกเขาก็พบเห็นเซียนหมิงซินกำลังกระหน่ำจู่โจมด้วยพลังทั้งหมด
ทว่าฮูอิงมู่ยังคงยืนต้านทานโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ในด้านของพลังต่อสู้แล้วเขาเป็นฝ่ายเหนือกว่ามาก!
หากจะพูดให้ถูกเป็นกายหยาบแปดศิลาต่างหากที่แข็งแกร่ง ในระดับเดียวกันคงมีคนไม่กี่หยิบมือที่สามารถสร้างบาดแผลให้เขาได้ เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่เห็นเซียนในระเดียวกันอยู่ในสายตา
“อะไรกัน เซียนหมิงซินเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!”
“ถึงแม้เซียนหมิงซินจะแข็งแกร่งเป็นอันดับแปดในเก้าเซียน แต่หากใช้อำนาจของรูปแบบอาคมแล้วความแข็งแกร่งของเขาย่อมอยู่ในสามอันดับแรกแน่นอน”
“ไม่ต้องไปกลัว! พวกเรามีเซียนอยู่ถึงเก้าคน!”
ทุกคนตกตะตึง ในความคิดของพวกเขาเซียนคือตัวตนที่ไร้เทียมทานที่สุด เซียนนั้นมีทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่งก็จริง แต่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นฮูอิงมู่ที่แข็งแกร่งกว่า
“ฮึ่ม!” เซียนเหรินเติงและเซียนขู่ฉาเข้าร่วมการต่อสู้ หากปล่อยไว้เซียนหมิงซินคงพ่ายแพ้แน่
“แค่พวกเจ้าสามคนงั้นรึ ต่อให้พวกเจ้าบุกเข้ามาพร้อมกันเก้าคนข้าก็ยังกำราบพวกเจ้าได้!” ฮูอิงมู่แสยะยิ้ม คนเหล่านี้จะเข้าใจหลักวิถีของเซียนเทียบกับดินแดนต้องห้ามได้?
เขาคำรามและปล่อยหมัดอย่างโหดเหี้ยมด้วยพลังต่อสู้มหาศาล
เซียนทั้งสามที่ร่วมมือกันไม่กล้าผลีผลามและทำได้เพียงล่าถอยขยับออกมา
เซียนเซียนขวงยวี่และเซียนเถียเตาเมื่อเห็นเช่นนั้นก็มองหน้ากันและเข้าร่วมการต่อสู้ทันที
แต่ถึงอย่างนั้น… ก็ยังเอาชนะไม่ได้!
ทุกคนตกตะลง เป็นเซียนระดับเดียวกันแท้ๆเหตุใดพลังถึงได้ต่างกันขนาดนั้น? เซียนห้าคนร่วมมือกันยังไม่อาจเอาชนะฮูอิงมู่ได้แถมยังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกด้วย
สุดท้ายเซียนทั้งเก้าก็ต้องร่วมมือกัน ถ้าขนาดนี้แล้วยังพ่ายแพ้ให้กับฮูอิงมู่อีก็คงจะดูย่ำแย่เกินไป
“พอแค่นั้น!” เสียงคำรามดังก้องราวกับคำสั่งจากสวรรค์ที่ทุกคนไม่อาจต้านทาน
“อาจารย์!” เซียนทั้งเก้าหยุดมือทันที
ใบหน้าของฮูอิงมู่เผยหนึ่งความรู้สึกไม่ยินยอมแต่สุดท้ายก็หยุดมือและกล่าว “ยังมีเซียนอยู่อีกคน! ใช่แล้ว เพราะพลังบ่มเพาะของเจ้าสูงกว่าข้า ข้าจึงตรวจไม่พบตัวตนของเจ้า”
เขากล่าวโดยที่ความหยิ่งยโสไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ตัวเขามาจากดินแดนต้องห้ามแปดศิลา ขอแค่หนึ่งในผู้นำของพวกเขาลงมือย่อมสามารถกวาดล้างได้ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“ข้าขอให้เจ้ากลับไป” เซียนซิงฉากล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ
“เฮอะ ส่งมอบตัวคนร้ายและสมบัติมาก่อน… แล้วก็สตรีผู้นั้นด้วย” ฮูอิงมู่ชี้นิ้วไปยังจักรพรรดินี ก่อนหน้านี้เขาสนใจจักรพรรดินีเพียงเพราะความงดงาม แต่ตอนนี้เขาได้สัมผัสเห็นถึงศักยะภาพไร้เทียนทานของแก่นกำเนิดนิรันดร์จากนาง!
หากเขามีครองคู่กับสตรีผู้นี้ พรสวรรค์ของบุตรที่เกิดมาจะต้องไร้เทียมทานที่สุดในทุกยุคสมัย
“อย่าได้ล้ำเส้น!” เซียนซิงฉากล่าวอย่างเย็นชา สำหรับเขาลูกศิษย์ทุกคนไม่ได้เป็นแค่ศิษย์ธรรมดา ทุกคนเปรียบเสมือนเกียรติยศของเขา หากแม้แต่ศิษย์ยังปกป้องไม่ได้เขายังเหลือศักดิ์ศรีของเซียนระดับสูงอยู่อีกงั้นรึ?
ฮูอิงมู่ไม่แยแส “ตระกูลของข้านั้นเป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งเกินกว่าเจ้าจะจินตนาการ หากเจ้าต่อต้านข้า… พวกเจ้าทุกคนก็มีโชคชะตาเดียวคือความตาย!”
“ฮึ่ม!” เซียนซิงฉาไม่ทนอีกต่อไป มือขนาดมหึมาร่วงหล่นจากท้องฟ้าเข้าใส่ฮูอิงมู่ ความต่างระหว่างเซียนระดับสูงกับเซียนระดับต้นนั้นเปรียบได้กับมนุษย์ทั่วไปกับจอมยุทธระดับภูผาวารี
‘ครืนนน’ ฝ่ามือตกกระทบอย่ารุนแรง อย่าว่าแต่ฮูอิงมู่จะต้านทานเลย แม้แต่ที่จะให้หลบหนีก็ยังไม่มี ร่างของเขาถูกฝ่ามือกระแทกเข้าใส่อย่างจัง
แต่ทันใดนั้นแสงสลัวที่เทาก็ส่องประกายออกมาจากร่างของเขา ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ตกกระทบพังทลายสลายไปในพริบตาโดยที่ร่างของฮูอิงมู่ไม่บาดเจ็บใดๆ
อะไรกัน แม้แต่เซียนระดับสูงก็ยังจัดการเขาไม่ได้?