ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฮูเฟิงจะบ้าคลั่ง
เขายอมสูญเสียแม้กระหยดโลหิตราชาเซียน แต่กระนั้นไม่เพียงแค่เขาจะยังหาโอกาสสังหารหลิงฮันไม่ได้ แต่อีกฝ่ายยังมีท่าทีสงบนิ่งอีกด้วย!
เขาในตอนนี้มีพลังโจมตีที่ทรงพลังก็จริง แต่พลังป้องกันนั้นไม่ได้แข็งแกร่งตามไปด้วย
ความรวดเร็วและพลังทำลายของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ทำให้เขาไม่สามารถหลบหลีกหรือรับซึ่งๆหน้าได้ แต่ต้องโจมตีตอบโต้
ครึ่งวันต่อมา เมื่อรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เสร็จสิ้นหลิงฮันก็นำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาและเผ่นหนีจากไปโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ
ทางด้านของฮูเฟิงนั้นเขายังรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไม่เสร็จแถมอำนาจของหยดโลหิตราชาเซียนก็ถูกใช้ไปจนหมดสิ้นแล้ว ตอนนี้เขาทำได้เพียงพึ่งพาพลังของตนเอง
และเมื่อทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์สลายไป ฮูเฟิงรีบนั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูบาดแผลทันที หากปล่อยไม่นาน แม้บาดแผลเพียงเล็กน้อยก็อาจจะก่อให้เกิดเป็นบาดแผลที่สาหัสได้ในภายหลัง
ต้องสังหารหลิงฮันให้ได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตนี้เขาก็ไม่มีวันใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข
……
หลิงฮันชำเลืองมองด้านหลังก่อนจะหันหน้ากลับมาอย่างไม่แยแส
ราชันวารีสวรรค์กับดินแดนต้องห้ามแปดศิลามีความบาดหมางต่อกัน ต่อให้ราชันวารีสวรรค์ไม่ได้ขอให้เขาบดขยี้ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาก็ตาม แต่การที่ถูกฮูเฟิงไล่ล่าไม่หยุดทำให้หลิงฮันไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
ดินแดนต้องห้ามอื่นๆเอาไว้ว่ากันทีหลัง แต่ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาจะต้องถูกลบล้างให้หายไป
เขาขับเคลื่อนอุปกรณ์บินแหวกเมฆามุ่งหน้าไปยังดาวหยุนติ่ง
ทำไมต้องเป็นดาวหยุนติ่ง? ที่นั่นมีคนที่สามารถต่อกรกับเซียนได้?
แน่นอนว่าไม่
หลิงฮันตั้งใจจะไปสนามรบสองดินแดน
ใช่แล้ว เขาจำข้ามผ่านสนามรบสองดินแดนไปยังดินแดนใต้พิภพ
นี่คือข้อสรุปที่เขาได้พูดคุยกับเซียนซิงฉา หากเขายังอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลิงฮันก็ไม่มีทางหลบหนีการไล่ล่าของดินแดนต้องห้ามแปดศิลาพ้น
เพราะงั้นแล้วหลิงฮันจึงจำเป็นต้องไปดินแดนใต้พิภพ ในดินแดนใต้พิภพนั้นมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่แตกต่างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เซียนไปที่นั่น พลังต่อสู้ที่ใช้ได้ก็จะเหลือเพียงอำนาจของพลังบ่มเพาะระดับเซียน ไม่สามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ใดๆได้
หรือก็คือตราบใดที่ไปอยู่ในดินแดนใต้พิภพ ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาจะไม่สามารถรับรู้ตำแหน่งของเขา
นอกจากนั้นหลิงฮันก็มีแก่นพลังของจ้าวอสูรที่ทำให้เขาสามารถปรับตัวเข้ากับดินแดนใต้พิภพได้อย่างกลมกลืน เขาไม่ต้องกังวลว่าจะถูกจอมยุทธของดินแดนใต้พิภพไล่ล่ามองเป็นศัตรู แถมหากต้องการเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียนหลิงฮันก็จำเป็นต้องผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนให้เป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้ด้วย
เขาจึงตัดสินใจใช้โอกาสนี้เดินทางหาประสบการณ์ในดินแดนใต้พิภพเสียเลย
“เมื่อข้ากลับมา ข้าจะกวาดล้างพวกเจ้าให้สิ้นซาก!” หลิงฮันเค้นเสียง เมื่อกำหนดเส้นทางอุปกรณ์บินแหวกเมฆาเรียบร้อยแล้วเขาก็เข้าไปยังหอคอยทมิฬเพื่อไม่ให้ฮูเฟิงตรวจสอบตำแหน่งในปัจจุบันของเขาได้
เขาลงมือสลักรูปแบบอาคมใหม่ลงบนกระดูก
ก่อนที่เขาจะออกจากดาวมู่ถูเขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว แน่นอนว่าเขาได้เลือกรูปแบบอาคมระดับสิบหกติดตัวมาด้วย
รูปแบบอาคมเก้าผสานพินาศ
รูปแบบอาคมระดับสิบหกอันดับหนึ่ง!
น่าเสียดายที่เขาไม่มีรูปแบบอาคมระดับเซียนอยู่ในมือ แต่ต่อให้มีเขาก็ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ แม้สลักรูปแบบอาคมสำเร็จก็ไม่มีทางกระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมได้เนื่องจากไม่มีความเข้าในใจอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเซียน
เพราะงั้นเรื่องนี้เอาไว้ทีหลัง
หลิงฮันใช้เวลาเกือบทีศึกษารูปแบบอาคมใต้ต้นสังสารวัฏและลงมือสลักรูปแบบอาคม
ผ่านไปอีกเพียงยี่สิบวันหลิงฮันก็สามารถสลักรูปแบบอาคมสิบเอ็ดรูปแบบเอาไว้ในร่างกายได้สำเร็จ
ไม่ใช่สิบ แต่เป็นสิบเอ็ด!
เพลิงเก้าสวรรค์ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆทำให้เขาสามารถสลักเส้นอักขระของรูปแบบอาคมได้ประณีตยิ่งขึ้น พื้นที่บนกระดูกของหลิงฮันจึงเหลือเพียงที่ให้สลักรูปแบบอาคมได้มากกว่าเดิม
หากตอนนี้เปลี่ยนเป็นสลักรูปแบบอาคมอีกาโลหิต เขาคงสามารถสลักได้เกินกว่ายี่สิบรูปแบบ
ด้วยเวลาที่ผ่านไปนานพอสมควร อุปกรณ์บินแหวกเมฆาจึงมาถึงดาวหยุนติ่งในที่สุด หลิงฮัน จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะออกมาจากหอคอยทมิฬ ทั้งสามมุ่งหน้าไปยังสนามรบสองดินแดน
สองปีที่ผ่านมานี้ภรรยาของเขาทั้งสองพัฒนาขึ้นมากนัก
ยิ่งจักรพรรดินีนั้นไม่ต้องกล่าวอะไรมาก แก่นกำเนิดนิรันดร์ของนางในตอนนี้ทรงพลังยิ่งกว่ากู่ต้าวอี้เสียอีก ในระยะเวลาสองปีมันช่วยให้พลังบ่มเพาะของนางบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางชั้นปลาย ซึ่งนำหน้าหลิงฮันไปมากแล้ว
สตรีนกอมตะก็ไม่น้อยหน้า แม้ความสำเร็จของนางจะไม่เทียบเท่าจักรพรรดินีที่มีแก่นกำเนิดนิรันดร์ แต่วาสนาที่ได้รับจากนกอมตะราชาเซียนทั้งสามได้ทำให้สายเลือดของนางยกระดับขึ้นหลายเท่าตัว ตอนนี้นางบรรลุระดับดาราขั้นกลางชั้นสูงสุดเป็นที่เรียบร้อย
“พวกเราต้องรีบกันหน่อย อีกไม่กี่วันเซียนบัดซบนั่นอาจจะตามตัวพวกเราพบ” หลิงฮันกล่าว
สตรีทั้งสองพยักหน้า
ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางอวกาศที่ห่างออกไป ฮูเฟิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ได้ลืมตาขึ้นและจ้องมองตามหาบ่วงอาฆาต หลังจากชำระล้างกายหยาบด้วยทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์แล้ว บ่วงอาฆาตที่ติดอยู่บนตัวหลิงฮันเบาบางลง เกรงกว่าหากหลิงฮันรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์อีกครั้ง บ่วงอาฆาตคงจะหายไปอย่างสมบูรณ์
คิดว่าจะหนีพ้นงั้นรึ!
ฮูเฟิงก้าวเท้า แสงแห่งเต๋าสีทองเคลื่อนที่พุ่งผ่านชั้นอวกาศอย่างรวดเร็ว
ราวสี่วันน่าจะไล่ตามทัน… ฮูเฟิงคาดการณ์
พวกหลิงฮันทั้งสามคนกำลังมุ่งหน้าไปสนามรบสองดินแดนอย่างไม่รีรอ หลังจากบรรลถระดับวารีนิรันดร์ความเร็วของพวกเขาย่อมว่องไวกว่าเดิม เพียงแค่หนึ่งวันพวกเขาก็มาถึงจุดหมาย
“เจ้าไปทักทายธิดาซื่อเยว่” หลิงฮันกล่าว อีกฝ่ายเป็นคนที่เคยดูแลสตรีนกอมตะสวรรค์
เพียงแต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ธิดาซื่อเยว่เข้ามาพัวพันด้วยหลิงฮันจึงไม่ได้ติดตามไปด้วยแต่ให้สตรีนกอมตะและจักรพรรดินีไปกันสองคน แน่นอนว่าเขาได้มอบเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบห้าที่อีกฝ่ายขอให้เขาหลอมให้ไปด้วยเช่นกัน
สตรีทั้งสองไม่กล้าชักช้าเสียเวลา พวกนางกลับมาโดยใช้เวลาสองชั่วโมงเท่านั้น
“ธิดาซื่อเยว่ฝากกล่าวขอบคุณเจ้า” สตรีนกอมตะกล่าวกับหลิงฮัน นางรู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมากที่หลิงฮันเอาใจใส่ไม่หลงลืมบุญคุณกับบุคคุลที่เกี่ยวข้องกับนาง