ท่าทีของโก้วลี่ในตอนนี้ราวกับว่าลืมเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไปแล้วโดยที่ไม่เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย
หลิงฮันนำไก่ย่างที่ยังกินไม่หมดออกมาและกินต่อ เมื่อเห็นเช่นนั้นโก้วลี่ก็น้ำลายสอทันที
ไก่ย่างสองตัวที่เขามีได้กินหมดไปแล้ว ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงมองดูหลิงฮันกินอย่างเอร็ดอร่อย กลิ่นอันหอมหวนที่ลอยเตะจมูกทำให้เขาระงับตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ “น้องชาย แย่งขาไก่ให้ขาบ้าง”
หลิงฮันหัวเราะและส่ายหัว “ถ้าอยากกินทำไมเจ้าไม่ขโมยเอาล่ะ”
“ล้อเล่นรึเปล่า พี่ชายเป็นคนแบบนั้นที่ไหนกัน?” โก้วลี่แสดงสีหน้ามีคุณธรรม ทั้งสองหยอกล้อกันพร้อมกับหัวเราะลั่น
“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ” จู่ๆโก้วลี่ก็เอ่ยขึ้นมา
“ไปที่ไหน?” หลิงฮันถาม
“อะไรกัน เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมแลกเปลี่ยนสมบัติหรอกรึ?” โก้วลี่ประหลาดใจ
“โอ้ แลกเปลี่ยนสมบัติ?” หลิงฮันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เพื่อที่จะยกระดับดาบอสูรนิรันดร็เป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ เขายังขาดแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามอยู่พอสมควร
“ไปสิ แต่ว่าต้องไปที่ไหน?”
โก้วลี่เกาหัว “ข้านึกว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อสิ่งนี้เสียอีก แต่เจ้ากลับไม่รู้แม้แต่สถานการณ์แลกเปลี่ยนสมบัติ? บางทีเจ้าอาจไม่รู้ว่าครั้งนี้จะมีสองตัวตนที่ทรงพลังมาปะทะกัน?”
“ข้าไม่รู้ สองตัวตนที่ทรงพลังที่ว่าคือใคร?” หลิงฮันถามกลับ
“ข้าหมดคำพูดกับเจ้าแล้วจริงๆ” โก้วลี่ส่ายหัวไปมา “เอาไว้พูดคุยกันระหว่างทางแล้วกัน”
ทั้งสองคนออกเดินทางโดยมีโก้วลี่เป็นคนนำ ทั้งสองเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์ ความเร็วในการการเดินทางถึงว่องไวอย่างน่าตกตะลึง
ดาวดวงนี้มีชื่อเรียกว่าดาวหานอวิ๋น ซึ่งเป็นดวงดาวในเขตดวงอรุณสาดส่อง เขตดวงอรุณสาดส่องเป็นเขตดวงดาวขนาดมหึมาที่มีจ้าวอสูรอยู่ถึงสองคน เปรียบแล้วจ้าวอสูรก็คือเซียนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
อย่างคำกล่าวว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ําเดียวกันไม่ได้ จ้าวอสูรทั้งสองนั้นแม้จะไม่ได้สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายแต่พวกเขาก็ต้องการอยู่เหนือซึ่งกันและกัน เพราะงั้นพวกเขาจึงทำการปะทะกันทุกๆแสนปี
การปะทะระดับจ้าวอสูรเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป?
ด้วยเหตุนั้นแล้วการปะทะกันของสองจ้าวอสูรจึงกลายเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของเขตดวงอรุณสาดส่อง ทุกๆครั้งที่พวกเขาปะทะกันจะดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้มาดู
และเพราะมีคนจำนวนมากมารวมตัวกันจึงมีการแลกเปลี่ยนสมบัติที่ตนเองไม่ต้องการเกิดขึ้น
กลุ่มของราชารุ่นเยาว์ได้จัดงานแลกเปลี่ยนสมบัติกันที่ภูเขาหยกทมิฬ
หลิงฮันพยักหน้าในใจ ในเมื่อเป็นจอมยุทธระดับราชาหากเขานำแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามออกมาแลกเปลี่ยนก็คงไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากเดินทางไปได้สักครู่พวกเขาก็มาถึงตีนเขาแห่งหนึ่ง หุบเขาแห่งนี้มีถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์และต้นไม้ที่มีใบสีดำสนิท และด้วยเถาวัลย์กับต้นไม้จำนวนมากทำให้ภูเขาแห่งนี้ดูเหมือนหยกสีดำ
“เจ้าเดินตามพี่ชายผู้นี้เอาไว้ ภูเขาแห่งนี้หากพลังไม่แข็งแกร่งพอก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้” โก้วลี่กล่าว
หลิงฮันยิ้มและไม่คัดค้าน
เนื่องจากความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขาในตอนนี้ยังอยู่เพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น แม้พลังบ่มเพาะของเขาจะเป็นระดับวารีนิรันดร์ชั้นกลางก็ยังไม่มีเพียงที่จะเผชิญหน้ากับราชา
ที่ใต้ตีนเขามีผู้ติดตามของเราชารวมตัวกันอยู่มากมา พวกเขาส่วนใหญ่กำลังนั่งอยู่บนแผ่นหินในขณะที่มีบางส่วนกำลังปะทะแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด
เมื่อเห็นพวกหลิงฮันสองคนกำลังจะขึ้นไปบนเขา หนึ่งในเหล่าผู้ติดตามก็รีบหยุดพวกเขาทันที “คิดจะผ่านไปจากตรงนี้ เจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอรึเปล่า?”
โก้วลี่ยกหมัดขึ้น “จะทดสอบดูก็ได้”
“ไม่ขัดข้อง!” ผู้ติดตามคนนั้นพุ่งเข้ามาพร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่
ปัง!
โก้วลี่ปล่อยหมัดส่งร่างของผู้ติดตามลอยกระเด็นไปพร้อมกับกระบี่ในมือ
หลังจากหมัดนี้ผู้คนรอบข้างก็กลายเป็นสงบเสงี่ยมทันที
“ไปกันเถอะ” โก้วลี่ไม่สนใจผู้ติดตามเหล่านี้
หลิงฮันเองก็เช่นกัน หากเขาไม่ถูกจำกัดพลังต่อสู้เอาไว้ล่ะก็ จอมยุทธที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ก็มีเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์เท่านั้น
ทั้งสองเดินเคียงคู่กันขึ้นไปตามเส้นทาง หลังจากเดินไปได้ไม่นานพวกเขาก็พบใครบางคนนั่งอยู่บนโขดหินขนาดใหญ่ มือขวาของเขาถือดาบที่ยังอยู่ในฝักเอาไว้ด้วยสีหน้าเย็นชา
หลิงฮันสัมผัสได้ชัดเขนว่าพลังของจอมยุทธผู้นี้แข็งแกร่งกว่าเหล่าคนที่อยู่บริเวณตีนเขา
น่าสนใจ คนเหล่านี้แบ่งแยกตำแหน่งด้วยพลังตามระยะทางของภูเขา?
จอมยุทธผู้นั้นไม่พูดพล่ามและลงมือโจมตีทันที
ต้องยอมรับว่าจอมยุทธคนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก คมดาบของเขาทรงพลังจนฟาดฟันท้องฟ้าให้แยกออกจากกัน เพียงแต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ฝ่ายแพ้ให้กับโก้วลี่อย่างรวดเร็ว
รู้พอเข้าใจขึ้นมาบ้างว่านี้คงเป็นเรื่องปกติของดินแดนใต้พิภพ มีเพียงจอมยุทธที่ทรงพลังในระดับแนวหน้าเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนสมบัติได้ ส่วนผู้ที่ไร้คุณสมบัติก็จะต้องรอคอยท้าประลองกับผู้ที่มาใหม่
เพราะงั้นถึงไม่มีใครเหาะเหินขึ้นไปยังยอดเขาโดยตรง
ในดินแดนใต้พิภพก็มีกฎที่ทุกคนรู้กันเป็นอย่างดี
ทุกๆสิบก้าวหรือราวๆนั้นจะมีจอมยุทธหนึ่งคนรอคอยอยู่ พลังของพวกเขาแต่ละคนค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นโก้วลี่ก็จัดการพวกเขาได้ภายในสิบกระบวนท่าทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าโก้วลี่แข็งแกร่งขนาดไหน
หลิงฮันหัวเราะ “ทำไม เจ้ากลัวว่าข้ารู้ความแข็งแกร่งของเจ้า?”
โก้วลี่จ้องมองมาที่หลิงฮันครู่หนึ่งและกล่าว “ข้าไม่รู้เหตุผลหรอกนะ แต่สัญชาตญาณของข้าบอกว่าเจ้าไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่เห็น”
หลิงฮันกล่าว “อันที่จริง ข้าเคยสังหารเซียนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาก่อน”
พรวด!
โก้วลี่ระเบิดเสียงหัวเราะ เขาตบไหล่หลิงฮันพร้อมกับเอามือกุมท้องพยายามกลั้นขำ “เจ้าช่างเป็นคนตลกจริงๆ!”
“ข้าสังหารไปแล้วจริงๆ” น้ำเสียงของหลิงฮันหนักแน่น
“อืม!” โก้วลี่พยักหน้าด้วยใบหน้าที่ยังหัวเราะอยู่ ดูเหมือนเขาจะคิดว่าหลิงฮันกำลังพูดล้อเล่น
หลิงฮันถอนหายใจ เขาพูดความจริงแท้ๆแต่กลับไม่เชื่อกันเลย
ทั้งสองก้าวเดินอย่างไม่หยุดพัก โก้วลี่นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาโค่นล้มจอมยุทธทุกคนระหว่างทางได้อย่างไม่ยากเย็นจนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงยอดเขา บนยอดเขามีลานขนาดใหญ่ตั้งอยู่โดยมีเก้าอี้หินสิบตัวตั้งอยู่กลางลาน แต่คนที่กำลังนั่งอยู่กลับมีเพียงเก้าคนโดยมีผู้คนอีกมากมายยืนอยู่รอบข้าง
ดูเหมือนว่าเหล่าจอมยุทธที่อยู่ที่นี่จะเป็นผู้มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนสมบัติ แต่สุดยอดราชานั้นมีเพียงแค่เก้าคนเท่านั้น
“ลุยเลยพี่ชายลี่!” จู่ๆหลิงฮันก็ตะโกนขึ้นเสียง “จัดการคนเหล่านั้นให้หมด ถึงเวลาแสดงความแข็งแกร่งให้พวกเขาตกตะลึงแล้ว!”
ใบหน้าของโก้วลี่เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที
เจ้าจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้!