เจ้ากรรมนายเวรไล่ตามมาแล้ว!
หลิงฮันกับโก้วลี่หันมองหน้ากันโดยไม่รู้ตัว พวกเขาต้องรีบเผ่นหนีให้เร็ว
“แม่นางจู ทั้งสองคนนี้ล่วงเกินท่านงั้นรึ?” สุดยอดราชาคนหนึ่งเอ่ยถาม แม้เขาจะมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงชั้นสูงสุดแต่ด้วยพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งทำให้เขาถูกจัดให้เป็นสุดยอดราชา
ชื่อของเขาคือเป่ยไค เขาไม่ใช่จอมยุทธของเขตดวงดาวแห่งนี้
“แม่นางจู ข้าจะแก้แค้นให้ท่านเอง!”
“ให้ข้าเอง”
จอมยุทธจากทั่วทิศทางเอ่ยกล่าวเสนอตัวราวกับอยากจะตีสนิทเป็นสหายกับสตรีผู้นี้
ปากของหลิงฮันกระตุกเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “พี่ชาย ที่เจ้าไปขโมยไก่ของใครมากันแน่ จากที่ดูแม่นางคนนั้นไม่น่าใช่ธรรมดาเลย!”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้าแค่เห็นไก่หยกเดินเผ่นผ่านอยู่ก็เลยจับมาย่างกินเท่านั้นเอง” โก้วลี่ทำสีหน้าว่าตัวเขานั้นไม่รู้จริงๆ
“พะ พวกเจ้าสองคนขโมยไก่หยกของแม่นางจู?” ใครบางคนได้ยินคำพูดของทั้งสองคนและรีบถอยหลังเว้นระยะห่างอย่างรวดเร็วราวกับไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับพวกหลิงฮัน
หลิงฮันมึนงงและเอ่ยถาม “เรื่องขโมยไหมค่อยว่ากัน ว่าแต่สตรีผู้นั้นเป็นใคร?”
“นั่นสิ นางคือใครกัน?” โก้วลี่เองก็เอ่ยถาม
ใครคนหนึ่งส่ายหัวและกล่าว “พวกเจ้าไม่รู้จักแม่นางจูเซวียน?“
“นางมีชื่อเสียงงั้นรึ?” โก้วลี่พึมพำก่อนจะดวงตาเบิกกว้าง “เดี๋ยวก่อน ข้าจำได้ว่าจ้าวอสูรมีแซ่ว่าจู อย่าบอกนะว่า…”
“ถูกต้อง แม่นางจูคือธิดาคนเดียวของจ้าวอสูร” ใครคนนั้นพยักหน้า
โก้วลี่ดวงตาเปิดกว้าง นี่เขาขโมยไก่ของลูกสาวจ้าวอสูรจริงๆ? นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาล่วงเกินจ้าวอสูรไปแล้วหรอกรึ?
หลิงฮันยิ้มและตบบ่าโก้วลี่ “ยินดีด้วย ทีนี้เจ้าได้ถูกจ้าวอสูรตามล่าแน่”
“ฮึ่ม เจ้าก็ด้วยเหมือนกัน อย่าลืมว่าเจ้าก็ขอแบ่งไก่ไปกินด้วย!”
เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง ทุกคนที่อยู่โดยรอบก็เข้าใจเรื่องราวกับทันที ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมแม่นางจูเซวียนถึงเกรี้ยวกราดขนานั้น ที่แท้ทั้งสองคนก็กล้าถึงขนาดไปขโมยไก่ที่นางเลี้ยงไว้นั่นเอง
ทุกคนส่ายหัว แต่ไม่ว่าอย่างไรกับแค่เรื่องขโมยไก่ไม่กี่ตัวก็ไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่นัก แม่นางจูเองก็ไม่ได้เป็นคนใจแคบอะไรอยู่แล้ว
“ฮึ่ม พวกเจ้ายังไม่ก้มหัวขอโทษแม่นางจูอีกรึ!” รุ่นเยาว์คนหนึ่งก้าวออกมา
ตามปกติแล้ว จูเซวียนนั้นเป็นตัวตนสูงส่งที่พวกเขาไม่อาจเอื้อมถึง แต่ครั้งนี้เรียกได้ว่าพระเจ้าได้ประทานมอบโอกาสทองมาให้ หากพวกเขาแสดงความโดดเด่นออกมา บางทีนางอาจจะถูกชะตากับพวกเขาบ้างก็เป็นไป
ไม่แน่บางทีพวกเขาอาจจะได้กลายเป็นถึงลูกเขยของจ้าวอสูร?
โอกาสดีมาถึงแล้ว!
“ใครไม่เกี่ยวก็ไสหัวไป!” โก้วลี่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“โอ้ ที่แท้ก็อวดดีเช่นนี้เองถึงได้กล้าขนาดไปขโมยไก่ของแม่นางจู!” ชายคนนั้นเป็นฝ่ายลงมือโจมตีอย่างไม่รีรอ
เขากล้าเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีแน่นอนย่อมต้องมั่นใจว่าพลังของตนเองไม่ได้ด้อยไปกว่าโก้วลี่
ทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างสูสีจนไม่อาจตัดสินกันได้ว่าใครเป็นฝ่ายเหนือกว่าและเลือกที่จะล่าถอยกันทั้งสองฝ่าย
เป่ยไคที่เห็นสีหน้าไม่อบอารมณ์ของจูเซวียนก็รีบเอ่ยกล่าว “แม่นางจู ให้ข้าลงมือมอบบทเรียนแก่ทั้งสองคนนั้นเอง”
จูเซวียนพยักหน้าอย่างไม่แยแสต่อท่าทีประจบประแจงของเป่ยไค ตัวนางที่เป็นลูกสาวของจ้าวอสูรนั้นย่อมคุ้นชินและเติบโตมากับคำพูดประจบสอพลอนับไม่ถ้วน
เป่ยไคลงมือ ฝ่ามือขนาดใหญ่ประทับลงมาจากท้องฟ้า เขาเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงชั้นสูงสุดที่ถูกยกให้เป็นสุดยอดราชา พลังต่อสู้ของเขาย่อมทรงพลังไร้เทียมทาน
ที่เขาเลือกลงมือกับโก้วลี่ก่อนเป็นเพราะพลังของโก้วลี่นั้นเหนือกว่าหลิงฮัน ตราบใดที่โก้วลี่ถูกกำราบหลิงฮันก็เปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือ
โก้วลี่คำรามอย่างเกรี้ยวกราด เขาที่เป็นราชาไม่มีทางยอมนิ่งเฉยยอมรับความอัปยศโดยไม่ตอบโต้แน่นอน โก้วลี่ปลดปล่อยพลังต่อสู้ทั้งหมดออกมาและทะยานขึ้นไปปะทะกับเป่ยไคบนท้องฟ้า เพียงแต่ด้วยระดับพลังที่ต่ำกว่าถึงหนึ่งขั้นย่อยเต็มเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเป่ยไค
ผ่านไปไม่กี่กระบวนท่าร่างของโก้วลี่ก็ถูกฝ่ามือกระแทกใส่จนร่วงลงมาสู่ลานบนยอดเขา
หลิงฮันก้าวเดินเข้าไปหาและยิ้ม “สภาพของเจ้าตอนนี้ดูไม่ได้เลยนะ”
“เจ้าไม่ต้องหัวเราะข้าหรอก เดี๋ยวเจ้าก็มีสภาพเป็นเหมือนกับพี่ชายคนนี้เช่นกัน” โก้วลี่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยังเหลือแรงมาพูดต่อล้อต่อเถียงทั้งๆที่พลังปราณแห้งเหือดไปแล้ว
“ถึงคราวของเจ้าแล้ว!” เป่ยไคยืนอยู่กลางอากาศอย่างองอาจและประทับฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮัน
‘ตูม’ หลังจากคลื่นปะทะที่รุนแรง ร่างของหลิงฮันยังคงยืนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นสุดยอดราชาระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงชั้นสูงสุดก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างบาดเสียหายให้กับกายหยาบของเขา
เป่ยไคชะงักตกตะลึง แม้เขาจะไม่ได้โจมตีด้วยพลังทั้งหมดแต่เป็นไปได้อย่างไรที่หลิงฮันจะรับการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาบขนาดนั้น
คนอื่นๆเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กันที่เป่ยไคไม่สามารถกำราบหลิงฮันได้ในหนึ่งกระบวนท่า อย่างที่รู้กันว่าเป่ยไคนั้นเป็นถึงสุดยอดราชา
หลิงฮันส่ายหัวในใจ พลังของเป่ยไคนั้นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเทียบไม่ได้กับสุดยอดราชาของสำนักละอองดารา อย่างมากเป่ยไคก็เป็นเพียงราชาระดับหนึ่งเท่านั้น ดูเหมือนว่าในต่างสถานที่ คำเรียกว่า‘สุดยอดราชา’จะแตกต่างกันออกไป
หลิงฮันคำรามและเป็นฝ่ายโจมตีเป่ยไคก่อน ทั้งสองเข้าปะทะพัวพันกันอย่างดุเดือด
อีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีและแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ หากสู้ด้วยจะทำให้เขาเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพยิ่งขึ้น
ในการปะทะช่วงแรกหลิงฮันทำได้เพียงป้องกันอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น มีบ้างบางครั้งที่ไม่อาจป้องกันได้ทันและรับการโจมตีเข้าไปตรงๆ เพียงแต่ด้วยกายหยาบที่ไร้ทานทานของเขาการโจมตีของอีกฝ่ายย่อมไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ
เมื่อเวลาค่อยๆป่านไปหลิงฮันก็กลับมาเป็นฝ่ายตอบโต้ได้ในที่สุด
เริ่มจากที่เขาสามารถตอบโต้ได้หนึ่งครั้งจากทุกๆหนึ่งร้อยกระบวนท่าก็ลดลงมาเป็นเก้าสิบ แปดสิบ… การพัฒนาของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์
สัตว์ประหลาด!
เหล่าสุดยอดราชาทุกต่างหวั่นไหว พรสวรรค์เช่นนี้ถือว่าท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง
เป่ยไคตกตะลึงและอับอาย เขาไม่คิดมาก่อนว่าหลิงฮันจะมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แต่สุดท้ายราชาเช่นเขาหากไม่สามารถเอาชนะจอมยุทธที่มีระดับพลังบ่มเพาะต่ำกว่าได้ ในอนาคตเขาจะมองหน้าใครติด?
เขาเค้นเสียงเย็นชาและเตรียมปลดปล่อยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด มือทั้งสองของเขาประกบเข้าหากันและขยับเป็น*ท่าทางเป่าผิง* เข้าใส่หลิงฮัน
“พิพากษาความเป็นและความตาย ตราประทับเป่าผิง!” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ร่างของเขาโอบล้อมไปด้วยแสงเจิดจรัส
*ท่าทางเป่าผิงคือการเคลื่อนไหวของมือในรูปแบบหนึ่งซึ่งผมไม่รู้จะแปลเป็นไทยยังไงดี*