หลิงฮันดวงตาเปิดกว้างทันที สิ่งที่เขาขาดแคลนอยู่ในตอนนี้คือสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ
โม่หลีคุมเรือเหาะมุ่งหน้าต่อไปโดยที่คนอื่นๆรีบฟื้นฟูปราณก่อเกิด ในอีกไม่กี่ชั่วโมงจะมีคลื่นยักษ์ถาโถมเข้ามาอีกระลอก หากถึงตอนนั้นยังไม่ฟื้นฟูปราณก่อเกิดให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมคงได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่
กลุ่มอื่นๆนอกจากพวกเขาก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างม่อหลี จูป้าหรือหยุนเหอ พวกเราต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว
เมื่อเวลาผ่านไปอีกไม่กี่ชั่วโมง คลื่นลูกที่สองก็ปรากฏขึ้นมาตามที่คาดไว้
ตูม!
แรงกระแทกที่รุนแรงของมันส่งผลให้จอมยุทธมากมายกระอักโลหิตและกระดูกในร่างแตกหัก ตัวเรือเหาะเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปอย่าว่าแต่ข้ามผ่านครึ่งทางของมหาสมุทรเลย แต่หนึ่งในสามก็ยังไม่รู้ว่าจะผ่านไปได้รึเปล่า
“เกรงว่าท้ายที่สุดเรือคงถูกทำลายแน่ๆ แต่ก่อนหน้านั้นพวกเราต้องไปให้ได้ไกลที่สุด” ม่อหลีกล่าว
หากให้เดินทางเพียงคนเดียวสำหรับตัวนางแล้วย่อมไม่จำเป็นต้องใช้เรือเหาะเพราะจอมยุทธระดับพวกนางสามารถเหาะเหินกลางอากาศได้ แต่นางมีหน้าที่ต้องดูแลศิษย์น้องเหล่านี้ทำให้เรือเหาะเป็นตัวเลือกที่จำเป็น นางต้องช่วยพาศิษย์น้องเหล่านี้ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพียงแต่ว่าแม้คลื่นยักษ์ในครั้งนี้จะรุนแรง แต่หลิงฮันเองก็ถือว่าเป็นปรมาจารย์ที่ทรงพลังคนหนึ่ง หากเขาปลดปล่อยพลังต่อสู้เต็มที่ย่อมไม่อ่อนแอไปกว่าม่อหลี ด้วยการที่กลุ่มของพวกเขามีปรมาจารย์ถึงสองคนคอยช่วยเหลือจึงสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่น
สามารถเห็นได้ว่ากลุ่มของพวกหลิงฮันนั้นได้ขึ้นนำกลุ่มอื่นหลายสิบกลุ่มมาแล้ว
“หืม ข้างหน้านั่นมัน!” หลิงฮันมองที่พื้นผิวมหาสมุทรและควบแน่นมือปราณก่อเกิดขนาดใหญ่คว้าออกไป
“อย่า!” ม่อหลีตะโกนกล่าวเตือน
แต่ก็สายไปแล้ว มือของหลิงฮันผ่านจมลงไปยังน้ำทะเล เมื่อเขาดึงมือกลับมาภายในมือได้มีอะไรบางอย่างสีเงินติดมาด้วย
“เกาลัดวารีประกายเงิน!” ม่อหลีจ้องมองก่อนจะเผยสีหน้าตะลึง “มือของเจ้าไม่บาดเจ็บ!”
เกาลัดวารีประกายเงินเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหกที่สามารถใช้หลอมเป็นเม็ดยาระดับสูงได้หลากหลายประเภท มันคือหนึ่งในสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าที่สุดรองจากสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ
หลิงฮันเผยสีหน้าพึงพอใจ เขาเก็บเกาลัดวารีประกายเงินเข้าไปในหอคอยทมิฬและกล่าว “ทำไมมือของข้าต้องบาดเจ็บ?”
ศิษย์คนหนึ่งกล่าว “พี่ชายหลิง ท่านอย่าลืมว่ามหาสทุรแห่งนี้มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของตัวตนทรงอำนาจผสมผสานอยู่ หากสัมผัสโดนน้ำทะเลร่างกายจะถูกอำนาจแห่งกฎเกณฑ์กัดกร่อน แม้แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างง่ายดาย หากไม่เช่นนั้นพวกเราคงเดินทางผ่านใต้มหาสมุทรไปแล้ว”
หากดำลงไปใต้มหาสมุทรได้ แม้จะเดินทางได้ช้าหน่อยก็แต่ไม่จำเป็นต้องปะทะกับคลื่นยักษ์
หลิงฮันพยักหน้า ดูเหมือนว่ากายหยาบของเขาจะทรงพลังจนถึงระดับที่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ในที่นี้ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้
เรือเหาะเคลื่อนที่ต่อไปไม่หยุด สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มากมายถูกพบเจอตลอดทางซึ่งส่วนใหญ่ก็ถูกเก็บเข้ากระเป๋าหลิงฮัน มีบางชิ้นที่ไม่สามารถเก็บได้เพราะอยู่ห่างเกินไป
ระหว่างทางนี้พวกเขาไม่พบเห็นถังโม่ นั่นหมายถึงกลุ่มของทั้งห้าคนยังอยู่ด้านหน้าพวกเขา หากพวกเขาล่าช้าแม้แต่นิดเดียวต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์อาจจะตกไปอยู่ในมือทั้งห้า
สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำนั้นแม้แต่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดนับหมื่นก็ไม่อาจนำไปเทียบค่าได้
อันที่จริงหลิงฮันไม่ขาดแคลนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงแม้แต่น้อยเนื่องจากเขาเก็บเกี่ยวพวกมันได้จำนวนมากจากถ้ำจ้าวสมุนไพร ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่สามารถหลอมเม็ดยาในระดับวารีนิรันดร์ให้แก่ตนเอง
ครึ่งวันผ่านไป พวกเขาผ่านคลื่นยักษ์ไปแล้วกว่ายี่สิบเจ็ดครั้งจนในที่สุดกำพบเห็นกลุ่มของถังโม่อยู่เบื้องหน้า
ทั้งห้าคนนั่งอยู่บนม้วนคัมภีร์ขนาดใหญ่ที่ถูกคลี่ออก ตัวคัมภีร์นั้นส่องประกายแสงสีทองและปรากฏอักขระของรูปแบบอาคมอสูรมากมาย
เมื่อพวกหลิงฮันเห็นทั้งห้าคน ทั้งห้าคนก็ย่อมเห็นพวกหลิงฮันเช่นกัน ในกลุ่มห้าคนมีบางคนแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมาทันทีที่เห็นพวกเขา
“ม่อหลี รีบไล่ตามพวกนั้นแล้วสังหารทิ้งให้หมดเลย!” อูเจวี๋ยเกรี้ยวกราด
ม่อหลีมีสีหน้าเคร่งเครียดและกล่าวอย่างเย็นชา “หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว!”
ถังโม่ผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป นางถึงขนาดสงสัยว่าพลังของจอมยุทธที่เพิ่งทะลวงผ่านเป็นจ้าวอสูรก็ยังอ่อนด้อยกว่าพลังของอีกฝ่าย
อูเจวี๋ยบ่นพึมพำด้วยท่าทางบูดบึ้ง
ถังโม่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดชำเลืองมองกลับมาก่อนจะเผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะรู้สึกตกตะลึงที่พวกหลิงฮันสามารถไล่ตามพวกเขาทัน
ต้องรู้ก่อนว่าม้วนคำภีร์ที่พวกเขานั่งอยู่นั้นเป็นคัมภีร์ของจ้าวอสูรสวรรค์ มันถูกสร้างด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนใต้พิภพ แต่ถึงจะมีคัมภีร์นี้พวกเขาก็ยังฝ่าฟันคลื่นยักษ์มาได้อย่างยากลำบากเนื่องจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของคลื่นยักษ์นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่คัมภีร์ของจ้าวอสูรสวรรค์จะสลายได้อย่างสมบูรณ์
แต่ถึงอย่างนั้นคัมภีร์ของจ้าวอสูรสวรรค์ก็สมควรทำให้พวกเขาขึ้นนำใครอื่นไปไกล เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะถูกไล่ตามทัน?
ถังโม่ยิ้มเย็นชาและจ้องมองด้วยแววตาโหดเหี้ยม
นั่นคือการขู่เตือนอย่างเห็นได้ชัดว่าอย่าได้ไล่ตามเข้ามาใกล้กว่านี้
ม่อหลีและคนอื่นๆที่เห็นการขู่เตือนต่างรู้สึกเกรี้ยวกราด
นี่คือเขตแดนลี้ลับที่อยู่ใต้การปกครองของจ้าวอสูรทั้งสิบเจ็ดของพวกเขาแท้ๆ เจ้าเป็นเพียงคนนอกแต่กลับทำท่าทางอวดดี!
ถังโม่หันหน้ากลับและมองไปด้านหน้า
เขาไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร ในสายตาของเขาคนเหล่านี้ก็เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น หากพวกเขารับไม่ได้และยังกล้าเข้ามาใกล้อีกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะสังหารให้สิ้น
“ช่างอวดดี!”ฉื้อหวงจี่่และคนอื่นๆสบถ
หลิงฮันไม่กล่าวอะไร ตอนนี้เขากับพวกถังโม่ยังไม่มีความขัดแย้งกัน แต่เมื่อใดที่พบต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อนแล้วเกิดการต่อสู้แย่งชิงล่ะก็เขาก็ไม่มีทางยอมนิ่งเฉย
ดาบอสูรนิรันดร์พร้อมจะลงมือทุกเมื่อ
ครืนนน!
ทันใดนั้นเอง คลื่นยักษ์ระลอกที่ยี่สิบเจ็ดก็ถาโถมเข้ามาจากระยะไกล
ม้วนคัมภีร์ที่ทั้งห้าคนนั่งอยู่ส่องประกายแสงสีทองออกมาและเปิดช่องว่างระหว่างคลื่นยักษ์เพื่อให้ตนเองลอดผ่านไปได้ แต่คลื่นยักษ์ก็ใช่ว่าจะนิ่งเฉย มันปลดปล่อยอำนาจบางอย่างออกมาตอบโต้แสงสีทองของม้วนคัมภีร์
เมื่อถูกคลื่นยักษ์กระทบใส่ ใบหน้าของทั้งห้าคนก็กลายเป็นซีดเผือด แม้แต่ความเร็วของม้วนคำภีร์ก็ถูกทำให้ลดช้าลง
หลังจากนั้น กลุ่มของพวกหลิงฮันที่ตามมาก็รับแรงปะทะจากคลื่นยักษ์ต่อเช่นกัน
ตูมม!