หลิงฮันเริ่มเข้าใจอะไรบ้างอย่างขึ้นมาทันที
ภูเขาลูกนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อทดสอบจอมยุทธที่เข้ามาในที่นี้แต่มีเพื่อให้คนที่เข้ามาที่นี่เรียนรู้รูปแบบอาคมตั้งแต่ความซับซ้อนพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง
หลิงฮันยิ้ม ต่อให้เขาไม่พบศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายการเดินทางครั้งนี้ก็คุ้มค่าแล้ว
เขาเริ่มเข้าใจถึงหลักการบางอย่างของรูปแบบอาคมเซียน
“คุ้มค่าบิดาเจ้าสิ เจ้าต้องเอาศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายมาให้ข้าให้ได้!” หอคอยน้อยกล่าวอย่างไม่พอใจ
“รู้แล้วๆ ข้าจะพยายาม” หลิงฮันถอนหายใจ
ต่อให้จะมีความหวังเพียงริบหรี่เขาก็จะพยายามสุดความสามารถ เพราะอย่างไรหากหอคอยทมิฬซ่อมแซมตัวเองได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองด้วย
ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากยอดเขาราวๆพันฟุต จากประสบการณ์ที่ผ่านๆมาของหลิงฮันเขาน่าจะเหลือรูปแบบอาคมที่ต้องถอดอีกมากกว่าสิบรูปแบบ ยิ่งระดับของรูปแบบอาคมสูงขึ้นเวลาที่เขาต้องใช้ก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย
เมื่อเหลือรูปแบบอาคมที่ต้องถอดเพียงสามรูปแบบ ระยะเวลาสามปีก็เหลืออยู่เพียงสิบวันแล้ว
เวลาเท่านี่เห็นได้ชัดว่าไม่พอแน่ๆ ระยะเวลาที่เขาต้องใช้สำหรับถอดรูปแบบอาคมแต่ละรูปแบบนั้นมากกว่าเกินกว่าสิบวัน สิบวันที่เหลือนี้เพียงพอแค่ให้เขาถอดรูปแบบอาคมได้เพียงรูปแบบเดียว
หลิงฮันส่ายหัวอย่างไม่มีทางเลือก
“อย่ายอมแพ้!” หอคอยน้อยกล่าวราวกับว่าตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ “ข้าจะยอมเสียพลังเล็กน้อยเพื่อช่วยเหลือเจ้า!”
หลิงฮันถลึงตาทันที เจ้าหอคอยขี้เหนียวตนนี้เก็บซ่อนความลับเอาไว้ตลอด หากไม่ใช่เพราะเหตุการในครั้งนี้เกรงว่ามันคงไม่มีทางบอกให้เขารู้แน่
“ข้าจะเร่งการไหลของเวลาสำหรับต้นสังสารวัฏให้เร็วขึ้นสิบเท่า แต่นั่นจะทำให้ข้าหลับใหลไปสักพักและเจ้าจะไม่สามารถเข้าหอคอยทมิฬได้” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันตกตะลึง ดูเหมือนหอคอยน้อยจะไม่ได้อยากเก็บความลับเรื่องนี้ไว้แต่เพราะมูลค่าความเสียหายที่ต้องจ่ายมันสูงเกินไป
ที่พึ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเขาคือหอคอยทมิฬ เมื่อหอคอยทมิฬไม่สามารถใช้งานได้เขาจะทำอย่างไรหากบังเอิญเผชิญหน้ากับเซียนหรือจ้าวอสูร? อย่างมากเขาก็สามารถต้านทานการโจมตีของคนเหล่านั้นได้ไม่กี่กระบวนท่า
“อืม!” หลิงฮันพยักหน้า เขาสงสัยเป็นอย่างมากกว่าหุบเขามหาสมุทรมังกรแห่งนี้มีสิ่งใดซ่อนอยู่
หลังจากจดจำรูปแบบอาคมแล้วเขาก็เข้าสู่หอคอยทมิฬเพื่อทำความเข้าใจใต้ต้นสังสารวัฏ
ตอนนี้จักรพรรดินีกับสตรีนกอมตะได้สละตำแหน่งของต้นสังสารวัฏให้เขาเพื่อที่พลังทั้งหมดของต้นสังสารวัฏจะได้เข้าหาเขาคนเดียว
สองวันต่อมาหลิงฮันสามารถถอดรูปแบบอาคมได้หนึ่งอัน ผ่านไปอีกสองวันถอดได้สองอัน และผ่านไปอีกสามวัน รูปแบบอาคมอันที่สามหรือก็คือรูปแบบอาคมสุดท้ายถูกเขาถอดได้สำเร็จ
รวมแล้วเขาใช้เวลาไปเพียงเจ็ดวัน
‘ครืน!’
หลิงฮันผ่อนคลายลงมาบ้าง ตอนนี้เบื้องหน้าของเขาได้ปรากฏตำหนักที่ยิ่งใหญ่และมีความสูงถึงพันฟุต หลิงฮันดูตัวเล็กเป็นอย่างมากเมื่อมาอยู่ต่อหน้าตำหนักนี้
“เจ้าหนู อย่าลืม…ศิลากำเนิด…ความ…” หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงติดขัด แต่ยังไม่ทันทีเขาจะพูดจบเสียงหอคอยน้อยก็นิ่งเงียบไป
“หอคอยน้อย! หอคอยน้อย!” หลิงฮันตะโกนเรียกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีการตอบกลับ
เขาแม้กระทั่งสัมผัสไม่ได้ถึงการมีอยู่ของหอคอยทมิฬในร่างกาย
หลิงฮันสูดหายใจลึก ตั้งแต่มีชีวิตที่สองด้วยการมีอยู่ของหอคอยทมิฬทำให้เขาไม่หวั่นเกรงต่อภัยอันตรายใดๆ แต่ตอนนี้ไพ่ลับสำหรับช่วยชีวิตใบสำคัญของเขาไม่สามารถใช้ได้ชั่วคราวทำให้เขาต้องพึ่งพาเพียงแค่พลังของตัวเอง
โชคดีที่ภูเขามหาสมุทรมังกรแห่งนี้ดูไม่มีเหมือนสถานที่อันตรายเท่าไหร่ ในทางกลับกัน สถานที่แห่งนี้ช่วยให้เขาเข้าใจถึงหลักการพื้นฐานและความซับซ้อนของรูปแบบอาคม ซึ่งในอนาคตข้างหน้านี้ความเข้าใจของเขาจะบรรลุถึงรูปแบบอาคมเซียนได้อย่างแน่นอน
ตำหนักที่อยู่ตรงหน้าไม่มีประตูทางเข้า หลิงฮันสามารถเดินเข้าไปได้อย่างง่ายดาย สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือค้นหาศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายตามที่สัญญาไว้กับหอคอยน้อย
เขาเดินมองสำรวจรอบด้าน ตำหนักแห่งนี้กว้างใหญ่แค่กลับว่างเปล่า หลังจากเดินตามทางไปได้สักพักร่างของเขาก็ต้องหยุดชะงัก
ด้านหน้าปรากฏร่างของคนสิบคน
ร่างทั้งสิบมีแปดคนเป็นบุรุษสองเป็นสตรี พวกเขาทุกคนดูแก่ชราเป็นอย่างมาก ทั้งสิบคนตกตายไปแล้วเนื่องจากสามารถมองเห็นรอยฟันของดาบตามร่างกายได้อย่างชัดเจน
ดวงตาของหลิงฮันหรี่เล็กลงเล็กน้อย พลังที่สัมผัสได้จากทั้งสิบคนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าทุกคนที่เขาเคยพบเจอมา บางทีอาจจะมีเพียงคนเดียวที่สามารถทัดเทียมกับทั้งสิบคนนี้ได้
จักรพรรดิเพลิงอัสนี!
นกอมตะสวรรค์ทั้งสามเมื่อเทียบกับศพทั้งสิบนี้ไม่อาจนับเป็นอันใดได้เลย
พวกเขาเหล่านี้คือปรมาจารย์ของดินแดนแห่งเซียน!
ก่อนที่จะตายคนเหล่านี้ต้องเป็นตัวคนที่ทรงพลังมาก ทรงพลังจนถึงขนาดที่หลิงฮันไม่อาจจิตนาการได้ว่าอยู่ในระดับใด ไม่รู้ว่าระหว่างทั้งสิบคนหรือจักรพรรดิเพลิงอัสนีนั้นใครแข็งแกร่งกว่ากัน
ทั้งสิบคนนี้คือจอมยุทธที่ได้รับผลกระทบจากมหาโศกนาฏกรรม?
เกิดอะไรขึ้นกับดินแดนแห่งเซียนในอดีตกันแน่ถึงได้มีปรมาจารย์มากมายตกตายเช่นนี้?
การจะพบเห็นศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เนื่องจากเขตแดนลี้ลับแห่งนี้อาจจะบังเอิญหลุดลอยมาจากดินแดนแห่งเซียน
“ศพของนิรันดร์สมควรมีหยดโลหิตและแก่นพลังนิรันดร์จากไขกระดูกอยู่ภายในร่าง… แต่น่าเสียดายที่พวกเขาเหล่านี้เป็นมนุษย์และแข็งแกร่งเกินไป อย่าว่าแต่หอคอยทมิฬในตอนนี้ใช้งานไม่ได้เลย หากข้าใช้สัมผัสสวรรค์กับศพเหล่านี้คงไม่ต่างจากการรนหาความตาย”
“ช่างมันเถอะ ต้องตามหาศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายเป็นอย่างแรก”
หลิงฮันครุ่นคิดและตัดสินใจทำสัญญาที่ให้ไว้กับหอคอยน้อยให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
“หนุ่มน้อย!” เสียงอันชราดังก้องจากในตำหนัก
ขนทั่วร่างของหลิงฮันตั้งชูด้วยความหวาดกลัวตกใจ
“ท่านตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่กันแน่?” หลิงฮันเอ่ยถาม
เสียงชราดังขึ้นอีกครั้ง “ไม่ต้องกลัว ตัวข้าได้เสียชีวิตมานานมากแล้ว แต่ก่อนตายข้าได้ประทับดวงวิญญาณของข้าเอาไว้ในศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายเพื่อให้คงอยู่ตลอดกาล”
ศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวาย!