โก้วลี่เองก็กลายเป็นไร้คำพูด จะบอกกว่าการที่สามารถล่วงเกินดินแดนต้องห้ามทั้งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพนั้นถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่งเลยก็ได้
โอวหยางไท่ซานมีสีหน้าลังเลไม่มั่นใจ ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาคือหนึ่งในขุมอำนาจที่ทรงพลังที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะผู้นำของดินแดนต้องห้ามแปดศิลา พลังของอีกฝ่ายสามารถติดสิบอันดับแรกของจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน
ตัวตนที่ทรงพลังเช่นนั้นโอวหยางไท่ซานไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาละทิ้งความบาดหมาดกับหลิงฮันได้สำเร็จ
“เจ้าช่วยเล่าความบางหมางระหว่างพวกเขากับเจ้าให้ละเอียดหน่อย” โอวหยางไท่ซานกล่าว
หลิงฮันไม่ปิดบังและเล่าเรื่องทั้งหมดระหว่างเขากับดินแดนต้องห้ามแปดศิลาออกไป โอวหยางไท่ซานที่ฟังเรื่องราวแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ข้าจะไปคุยกับสหายเก่าจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้เอง เชื่อว่าเฒ่าฮูจะต้องเข้าใจและมองผลประโยชน์โดยรวม” โอวหยางไท่ซานกล่าว เขามั่นใจว่าผู้นำตระกูลฮูนั้นย่อมปรารถนาที่จะกลับสู่ดินแดนแห่งเซียนยิ่งว่าสิ่งอื่นใด
หากเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้ทุกคนก็จะมีโอกาสมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ หากสามารถมีชีวิตโดยไร้อายุขัยได้ความบาดหมางย่อมเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆ
“เจ้าหนุ่ม เอาไว้ข้าจะมาพบเจ้าอีกครั้งหลังจากกลับไปสะสางทุกอย่างแล้ว” โอวหยางไท่ซานปลดปล่อยคลื่นแสงแห่งเต๋าสีทองออกมาและจากไปพร้อมกับโก้วลี่
จะไปก็ไปเช่นนั้นเลย แล้วข้าล่ะ?
หลิงฮันกลายเป็นแน่นิ่ง ตอนนี้ทุกคนกลับไปกันหมดแล้วซึ่งเขาก็ยังใช้หอคอยทมิฬไม่ได้ด้วย หากนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาไม่ได้เขาจะไปไหนได้? เขาไม่ได้กังวลเรื่องความหิวกระหายแต่ความเร็วของเขานั้นในการเดินทางข้ามอวกาศนั้นเชื่องช้าเกินไป หากจะไปดาวดวงหนึ่งก็ไม่รู้จะต้องใช้เวลานานขนาดไหน
ช่างมันแล้วกัน รอให้คอยน้อยตื่นก่อนก็ได้…
หลิงฮันนั่งลงกลางอวกาศ ในสามปีที่ผ่านมานี้เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับรูปแบบอาคม ประสบการณ์ที่สั่งสมมามีประโยชน์อย่างมากสำหรับการฝึกฝนรูปแบบอาคมเซียนในอนาคตของเขา
ยิ่งระดับพลังสูงขึ้นก็ยิ่งสู้ข้ามระดับได้ยากลำบาก โดยเฉพาะระดับสร้างสรรพสิ่ง ความต่างชั้นของเซียนระดับสูงกับเซียนระดับกลาง หรือเซียนระดับกลางกับเซียนระดับต้นนั้นกว้างใหญ่จนไม่สามารถเทียบชั้น
เหตุผลหลักที่เป็นแบบนั้นคือจอมยุทธทุกคนที่จะบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งได้ล้วนแต่ต้องเป็นราชาในหมู่ราชา ดังนั้นต่อให้ราชาระดับหนึ่ง ราชาระดับสองหรือสามจะมีพลังต่อสู้ที่แตกต่างกัน แต่ในระดับสร้างสรรพสิ่งหากไม่ใช่เซียนระดับเดียวกันก็ยากที่ราชาระดับสูงกว่าจะได้เปรียบ
เพราะงั้นหากเขาอยากจะสู้ข้ามระดับได้ในระดับสร้างสรรค์พสิ่งนอกจากคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ที่ทำให้เขามีกายหยาบไร้เทียมทานแล้ว เขาก็ต้องมีรูปแบบอาคมสังหารที่ทรงพลังเพื่อใช้โยชน์ของกายหยาบให้ถึงขีดสุด
หลิงฮันนั่งนิ่งเป็นเวลาสิบวันสิบคืน ไม่ใช่ว่าเขาอยากลืมตาตื่นแต่หอคอยน้อยฟื้นกลับมาแล้ว
“เจ้าหนู ได้ศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายมารึเปล่า?” หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงราวกับยังไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี
“รับไป” หลิงฮันไม่หยอกล้อเหมือนปกติ ดูเหมือนว่าคราวนี้หอคอยน้อยจะสูญเสียพลังไปเยอะอย่างแท้จริง
“ดีมาก” หอคอยน้อยเก็บศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายไปโดยเมินเฉยหลิงฮัน
หลิงฮันเข้าคอหอยทมิฬไปพบจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะเพื่อแบ่งผลเก็บเกี่ยวจากหุบเขามหาสมุทรมังกรและเล่าเรื่องของพันธมิตรทลายสวรรค์ให้พวกนางฟัง
สตรีนกอมตะนั้นดูเหมือนไม่ว่านางจะใช้เวลาใต้ต้นสังสารวัฏนานขนาดไหน นางก็ไม่สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองให้เป็นหนึ่งได้
“คิดว่าพันธมิตรทลายสวรรค์ ไม่สิ… คิดว่าดินแดนต้องห้ามทั้งหมดสมควรรู้ว่าจะกลับสู่ดินแดนแห่งเซียนได้อย่างไรแต่ก็ไม่มีใครที่ทำสำเร็จมาก่อน” หลิงฮันกล่าว “ที่ข้ากับเจ้าสามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้เกรงว่าคงเป็นเพราะมีบางอย่างที่พิเศษ”
บางทีก่อนหน้านี้ที่กู่ต้าวอี้มั่นใจว่าตนเองจะสามารถกลับสู่ดินแดนแห่งเซียนได้ก็เป็นเพราะเขาสร้างแก่นกำเนิดนิรันดร์ขึ้นมาได้ในชีวิตที่สิบ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะรอคอยมานานตั้งเก้าชาติภพทำไม?
“เจ้าตกลงว่าจะเข้าร่วมกับพวกเขา?” จักรพรรดินีถาม
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ข้าไม่คิดมากอยู่แล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับโอกาสในการไต่เต้าสู่จุดสูงสุดของวรยุทธ ข้าไม่คิดจะกีดกันพวกเขา”
จักรพรรดินียิ้มหวาน นางไม่สนใจว่าคนในโลกนี้จะเป็นอย่างไร แต่เมื่อหลิงฮันตอบตกลงนางก็จะช่วยเหลือสุดความสามารถ
สตรีนกอมตะหดหู่เป็นอย่างมาก แม้นางจะได้รับสืบทอดวาสนามาจากนกอมตะสวรรค์ทั้งสสามแต่ความแตกต่างระหว่างนางกับหลิงฮันก็ยังกว้างใหญ่อยู่ดี
“ภรยยาข้า มาให้ข้าจูบนี่มา” หลิงฮันว่าสภาพโศกเศร้าของนางจึงกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้ม
“จะไปไหนก็ไป!” สตรีนกอมตะถลึงตามอง
จักรพรรดินีที่จ้องมองดูใช้นิ้วจิ้มไปยังลืมฝีปากของเขาเบาๆราวกับพยายามปลอบใจเขา
สตรีนกอมตะที่เห็นแบบนั้นก็ครุ่นคิดก่อนจะขยับตัวเขาไปจูบ เสน่ห์ของจักรพรรดินีนั้นมีมากเกินไป หากนางยังดื้อรั้นไร้เหตุผลก็อาจจะถูกหลิงฮันเมินเฉยเข้าสักวัน
หลิงฮันหัวเราะ เขาโอบจักรพรรดินีกับสตรีนกอมตะคนละฝั่งก่อนจะจูบพวกนางทั้งสองและนำผลสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำออกมาทำซุป
ด้วยประสิทธิภาพความเข้มข้นรุนแรงของสมุนไพร หากไม่ทำเป็นซุปเสียก่อนแล้วกินเข้าไปโดยตรงคงร่างระเบิดตาย แต่ในหอคอยทมิฬนี้หลิงฮันสามารถใช้อำนาจของหอคอยทมิฬควบคุมไม่ให้สมุนไพรสูญเสียประสิทธิภาพได้
ทั้งสองแบ่งซุปไปกินตามความเหมาะสม สตรีนกอมตะไม่สามารถกินได้เยอะ นางซดน้ำซุปเพียงไม่กี่หยดก็ต้องรีบไปยังต้นสังสารวัฏโดยหลิงฮันกับจักรพรรดินีเป็นคนจัดการกินซุปที่เหลือ ร่างของทั้งสามคนปกคลุมไปด้วยแสงสว่างแห่งเต๋า
ต้องรีบดูดซับโดยไว้
สามวันต่อมา พลังบ่มเพาะของหลิงฮันกับจักรพรรดินียกระดับขึ้นหลายส่วน แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขายังมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับวารีนิรันดร์ หากเป็นระดับสร้างสรรพสิ่งการจะยกระดับพลังเพียงเสี้ยวเดียวก็อาจต้องดูดซับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำถึงสิบต้น
“หน้าที่หลักของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำไม่ใช่เพื่อเพิ่มพลังบ่มเพาะแต่เพื่อให้จอมยุทธรู้แจ้งถึงอำนาจแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่หรือใช้รักษาบาดแผลแห่งเต๋า” จักรพรรดินียิ้ม “ในระดับสร้างสรรพสิ่งหากต้องการยกระดับพลังคงต้องพุ่งความมุมานะของตนเองเป็นส่วนใหญ่ หากจะยกระดับพลังด้วยสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำก็ดูจะสิ้นเปลืองเกินไป”
“ต่อให้สิ้นเปลืองก็ต้องยอม ข้าอยากเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนให้เร็วที่สุด” หลิงฮันกล่าว ทั้งครอบครอบ ภรรยาและบุตรของเขาล้วนแต่อยู่ในดินแดนแห่งเซียน หลังจากที่ไม่ได้พบหน้าพวกเขาเป็นเวลาร้อยปีทำให้เขารู้สึกคิดถึงทุกคนอย่างมาก
“อืม ไว้หลังจากนี้พวกเราค่อยหาพวกมัน” จักรพรรดินีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายไม่คัดค้าน