หลิงฮันมองไปยังทั้งห้าคนและยิ้ม “ไม่ผิด ข้าคือหลิงฮัน พวกเจ้ามีธุระอะไรกับข้า?”
“เหอๆ ไม่มีอะไรมาก พวกข้าแค่อยากเห็นจอมยุทธที่มีพลังเพียงระดับวารีนิรันดร์แต่กลับจะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสก็เท่านั้น!” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม
เขาสวมเกราะที่ทำจากเกล็ดหนามสีดำทมิฬอันน่าเกรงขาม
อีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ไม่ผิดแน่ แต่ออร่าที่สัมผัสได้จากตัวเขานั้นทรงพลังกว่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดเสียอีก เกรงว่าเพียงแค่การโจมตีเดียวของเขาก็สามารถกำราบจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดทั่วไปได้อย่างราบคาบ
พลังของเขาสูงกว่าพวกม่อหลี จูป้าและหยุนเหอหลายเท่า หากเทียบแล้วคืออยู่ในระดับเดียวกันกับถังโม่
หรือก็คือระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ จำนวนของดวงดาวได้ถูกขัดเกลาเกินกว่าสองล้านดวง
หลิงฮันพยักหน้าในใจ สมกับเป็นอัจฉริยะของดินแดนต้องห้าม เป็นอย่างที่โอวหยางไท่ซานกล่าวก่อนหน้านี้ ม่อหลีไม่มีคุณสมบัติจะอยู่ที่นี่จริงๆ
“ก็ดีแล้วที่ยังไม่ได้เป็น ไม่เช่นนั้นมันจะน่าขันกว่านี้เสียอีก!” รุ่นเยาว์อีกคนหัวเราะ ออร่าของเขาไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ารุ่นเยาว์สวมเกราะหนามคนแรก ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความเหยียดหยามต่อหลิงฮันอย่างถึงที่สุด
“ไสหัวไปจากที่นี่!” รุ่นเยาว์คนที่สามไม่ได้หัวเราะแต่ใบหน้าก็แสดงออกถึงความเหยียดหยาม “เจ้าไม่สมควรมาอยู่สถานที่แห่งนี้กับพวกข้า มีเจ้าอยู่ด้วยก็มีแต่จะทำให้เกียรติของพวกเรามัวหมอง!”
รุ่นเยาว์อีกสองคนไม่กล่าวอะไร พวกเขากอดอกด้วยท่าทีสบายและมีสีหน้าราวกับกำลังรอดูการแสดงสนุกๆ
“พวกฝูงแมลงไร้ค่า!” จักรพรรดิเกรี้ยวกราด นางคำรามใส่ทั้งห้าคนด้วยใบหน้าเย็นชา คนเหล่านี้บังอาจมาเหยียดหยามหลิงฮันของนาง!
โอ้?
ทั้งห้าคนจ้องมองไปยังจักรพรรดินีและเผยสีหน้าตกตะลึงพร้อมกัน ต่อพวกเขาเป็นจะอัจฉริยะแห่งยุคก็ไม่อาจต้านทานเสน่ห์ของจักรพรรดินี
ภายใต้ดวงตะวันมีสตรีที่งดงามขนาดนี้อยู่ได้อย่างไร ไม่เพียงแค่งดงามแต่เสน่ห์โดยรวมก็ยังสูงส่งราวกับไม่ว่านางพูดอะไรทุกคนก็ต้องยอมทำตาม
เพียงแต่ราชาก็ยังเป็นราชา ทั้งห้าคนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วและไม่กล้าเหลียวมองจักรพรรดินีอีกแม้แต่นิดเดียวเพราะกลับว่าจะหลงเสน่ห์ของนางจนโงหัวไม่ขึ้น
“พวกเราก็ไม่ได้คิดจะสร้างความลำบากให้แก่เจ้าเท่าไหร่ ขอแค่รับสามกระบวนท่าของข้าได้พวกเราจะยอมให้เจ้าอยู่ที่นี่” รุ่นเยาว์ชุดเกราะดำคนแรกกล่าว
หลิงฮันมีสีหน้าเย็นชา เขาปลงไว้นานแล้วว่าเมื่อใดที่เขาย้ายไปที่ใหม่ๆเขาจะต้องมีคนโผล่มารังแกอยู่ตลอด เพียงแต่พอได้ยินคำพูดของรุ่นเยาว์เหล่านี้เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี
“พวกบัดซบ!” จักรพรรดิก้าวขึ้นหน้าและโจมตีใส่ทั้งห้าคน
‘ตูม’ พลังต่อสู้ของนางทรงพลังอย่างมาก ด้วยการผสานของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสอง ต่อให้นางตอนนี้จะมีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางชั้นสูงสุดก็สามารถสู้กับระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดได้สบาย
แต่น่าเสียดายที่ทั้งห้าคนเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ที่ขัดเกลาจำนวนของดวงดาวจนบรรลุเกินกว่าสองล้านดวง พวกเขาเป็นปรมาจารย์ในหมู่ปรมาจารย์
ต่อให้เป็นการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งจักรพรรดินีก็ไม่มีโอกาสชนะได้ โชคยังดีที่ทั้งห้าคนมีคนอ่อนโยนต่อสตรีงามและไม่ตอบโต้ใดๆ ไม่เช่นนั้นแล้วจักรพรรดินีคงถูกกำราบในหนึ่งกระบวนท่า
“ภรรยาข้า ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา!” หลิงฮันยิ้ม
จักรพรรดินีหยุดมือ นางจ้องมองทั้งห้าคนอย่างเหยียดหยามก่อนจะล่าถอยกลับมายืนข้าวกายหลิงฮันด้วยท่าทางอ่อนหวาน
รุ่นเยาว์ทั้งห้าคนดวงตาแดงฉาน พวกเขาเทียบกับหลิงฮันไม่ได้รึไง? ทำไมธิดางามผู้นั้นถึงมองพวกเขาด้วยสายตาเหยียดยหยาม?
หลิงฮันกวาดสายตามองทั้งห้าคน “ใช่ว่าข้าไม่อยากสั่งสอนพวกเจ้า แต่ตอนนี้ข้าไม่มีเวลา หลังจากที่สามปีข้าจะเตะตูดพวกเจ้าเรียงคนให้ดู!”
ฮึ่ม! ทั้งห้าคนเกรี้ยวกราด ช่างอวดดีนัก
“คิดจะลงมือ?” หลิงฮันแสยะยิ้ม “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าที่นี่มีกฎ ข้าเป็นคนใหม่ของที่นี่หากพวกเจ้าเอาบังคับให้ข้าต่อสู้ด้วยระดับพลังที่ต่างกันพวกเจ้าจะต้องถูกลงโทษ”
ทั้งห้าคนหน้ากระตุก ที่พวกเขารีบมาไวๆเพราะอยากรังแกหลิงฮันในตอนที่เขายังไม่รู้กฎของที่นี่
ทั้งห้าคนมองหน้ากันก่อนจะค่อยๆเปิดทางให้หลิงฮัน
พวกเขาจ้องมองร่างของหลิงฮันที่ค่อนๆเดินห่างออกไปด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราด
“จะปล่อยเขาไปแบบนี้จริงๆ? แบบนี้พวกเราจะเอาหน้าไปไว้ไหน!”
“ไม่ต้องรีบร้อน อีกสองปีต่อจากที่จะถึงเวลาของการประลองสิบปี พวกเราจะไปขอให้ผู้อาวุโสจัดกลุ่มประลองของพวกเราให้อยู่กลุ่มเดียวกับเจ้าหมอนั่น หากทำเช่นนั้นในหมู่พวกเราต้องมีสักคนที่ได้ปะทะกับหมอนั่น”
“ฮ่าๆ หากถึงตอนนั้นต้องทุบตีให้เขาร้องไห้หนีไปเลย”
“เป็นแค่คนนอกระดับวารีนิรันดร์ที่อ่อนแอแต่คิดจะแบ่งทรัพยากรของขุมอำนาจพวกเรา ช่างหวังสูงนัก!”
ทั้งห้าคนแสยะยิ้ม
……
หุบเขาวารีครามนั้นกว้างใหญ่และมีสายน้ำสายใหญ่ไหลผ่านราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด หลิงฮันและจักรพรรดินีใช้เวลาเดินเล่นเกือบๆสิบวันกว่าจะถึงจุดที่ไม่มีทางให้ไปต่อ สายน้ำสีครามที่อยู่สุดทางนั้นดูเหมือนจะไหลผ่านเข้าไปในช่องว่างมิติ
นั่นคือหลักฐานว่าที่นี่คือโลกจำลองหรือเขตแดนลี้ลับไม่ใช่โลกของจริง
“กลับกันเถอะ”
ทั้งสองเดินทางกลับไปยังห้องที่พักหิน ผ่านไปไม่นานก็มีใครบางคนนำแหวนมิติที่มีทรัพยากรบ่มเพาะสำหรับหนึ่งปีมาส่งให้เขา
ทรัพยากรเหล่านี้ล้ำค่าอย่างแท้จริง ภายในแหวนมิติมีเม็ดยาระดับสูงอยู่มากมายจนเพียงพอที่จะทำให้จอมยุทธระดับต่ำกว่าสร้างสรรพสิ่งบ้าคลั่ง
หลิงฮันไม่สนใจอะไรมาก เขามอบเม็ดยาทั้งหมดให้กับสตรีนกอมตะก่อนจะคิดค้นเม็ดยาต่อ เม็ดยาใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว หากเขาหลอมมันขึ้นมาได้พลังบ่มเพาะของเขากับจักรพรรดินีจะทะยานสูงขึ้นอย่างพรวดพราด
วันเวลาค่อยผ่านไป หนึ่งปีต่อมาหอคอยน้อยยกระดับต้นสังสารวัฏเสร็จสิ้นทำให้ระยะเวลาใต้ต้นสังสารวัฏหนึ่งวันเท่ากับสิบปี!
สิ่งนี้สำคัญกับหลิงฮันมาก
เขาศึกษาเม็ดยาใต้ต้นสังสารวัฏเพียงสามวันก็ทำสำเร็จ
หลิงฮันเริ่มทดลองหลอมเม็ดยาทันที เนื่องจากความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสมุนไพรและตอนนี้อยู่ภายในหอคอยทมิฬหลิงฮันจึงสามารถหลอมเม็ดสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก แต่ประสิทธิภาพของเม็ดยายังไม่อยู่ในระดับที่เขาพึงพอใจ
“มีหลายส่วนต่างจากที่ข้าคิดไว้ ข้าทำผิดตรงไหนกัน?” หลิงฮันเข้าสู่สภาวะรู้แจ้งและคิดค้นวิธีพัฒนาเม็ดยาภายใต้ต้นสังสารวัฏ