พลังบ่มเพาะของหลิงฮันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่สามารถเทียบกับจักรพรรดินีได้ นางบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงชั้นกลางเรียบร้อยและกำลังบ่มเพาะพลังต่อไปยังชั้นปลาย
ทางด้านของสตรีนกอมตะที่มีทรัพยากรบ่มเพาะมากมายและต้นสังสารวัฏก็มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน นางทะลวงผ่านระดับดาราขั้นสูงสุดและกลายเป็นจอมยุทธสาวผู้บ้าคลั่งการบ่มเพาะพลังที่ยิ่งกว่าหลิงฮันไปแล้ว
ที่นางกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะได้รับแรงกระตุ้น ใครใช้ให้หลิงฮันกับจักรพรรดินีบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วเกินไปกัน นอกจากนั้นหลิงฮันก็ยังมีสตรีอื่นอยู่ในดินแดนแห่งเซียนอีก บางทีพวกนางอาจจะบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งแล้วก็ได้ นางไม่อาจย่อมปล่อยให้ตนเองถูกทิ้งเอาไว้ด้านหลัง
หลิงฮันไม่ว่าอะไรนาง เขากับจักรพรรดินีออกมาจากห้องพักหินและมุ่งหน้าไปยังลานเวทีเหนือหุบเขา
ฝูงชนมารวมตัวกันเพราะวันนี้เป็นวันสำคัญ
จำนวนของคนที่อยู่ที่นี่มีราวๆร้อยกว่าคน ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนแต่เป็นสุดยอดอัจฉริยะที่มีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขึ้นไป
เพียงแต่ระดับวารีนิรันดร์ไม่ใช่จอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้เนื่องจากมีจ้าวอสูรรุ่นเยาว์อยู่อีกถึงสี่คน สามเป็นบุรุษหนึ่งเป็นสตรี ทั้งสี่คนล้วนแต่ปลดปล่อยออร่าอันทรงพลังออกมา
หลิงฮันพยักหน้า ในเมื่อดินแดนต้องห้ามแปดศิลาสามารถฝึกฝนสร้างอัจฉริยะอย่างฮูเฟิงได้ทำไมดินแดนต้องห้ามอื่นจะทำไม่ได้?
หืม?
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย ในหมู่จ้าวอสูรสี่คน สามคนไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อยในขณะที่เขาจ้องไปยังพวกเขา แต่กลับมีจ้าวอสูรอยู่คนหนึ่งที่จ้องกลับมาหาเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
แปลก เขาไม่เคยพบเจออีกฝ่ายมาเกินเลยเสียหน่อย!
“ฮึ่ม หลิงฮัน วันนี้คือวันที่เจ้าจะพบเจอกับความอัปยศ!” รุ่นเยาว์สวมเกราะดำก้าวเดินออกมา เขาคือหนึ่งในห้าคนที่ก่อนหน้านี้เคยไปขวางทางหลิงฮันตรงหน้าที่พัก
ชุดเกราะนั่นสมควรเป็นสมบัติล้ำค่าเขาถึงได้สวมเอาไว้ตลอดเวลาแบบนั้น
หลิงฮันชำเลืองมอง สองปีที่ผ่านมีรุ่นเยาว์ผู้นี้มีการพัฒนาบ้างแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่
“เกราะนั่นเจ้าได้ถอดมาล้างบ้างรึเปล่า?” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
รุ่นเยาว์สวมเกราะดำใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที
“ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ว่าอย่างไรหมอนั่นก็มีจุดจบไม่สวยอยู่แล้ว!” คนข้างๆรุ่นเยาว์สวมชุดเกราะกล่าว ถึงแม้เขาจะสังเกตเห็นว่าหลิงฮันยกระดับพลังขึ้นมาเป็นขั้นกลางแต่ก็ไม่ใส่ใจอะไร
หลิงฮันเลิกสนใจและมองไปยังจ้าวอสูรคนเดิม ชายคนนั้นมีผิวคล้ำและไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเท่าไหร่ หากอยู่ท่ามกลางฝูงชนคงไม่มีใครสังเกตเห็นเขา
“คนคนนั้นคือใครกัน?” รุ่นเยาว์คนอื่นๆก็พูดคุยถึงจ้าวอสูรคนนั้นเช่นกัน คนนั้นดูไม่คุ้นหน้าว่าเป็นจ้าวอสูรของดินแดนต้องห้ามทั้งสิบหกเลย ดูเหมือนเขาจะเป้นเมล็ดพันธุ์ที่ถูกนำตัวมาที่นี่เมื่อหนึ่งปีก่อน
“กู่เฟิง ชื่อของคนคนนั้นคือกู่เฟิง”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“จ้าวอสูรที่เยาว์วัยเช่นนั้น พรสวรรค์ของเขาฝืนสวรรค์เทียบได้กับโอวหยางเหอ เหลิงเซี่ยวเหรินและโก้วไหเลย”
“สามผู้แข็งแกร่งได้เปลี่ยนเป็นสี่ผู้แข็งแกร่งแล้ว”
หลายคนพูดคุยเอ่ยถึงจ้าวอสูรผู้นั้น แต่นอกจากชื่อแล้วก็ไม่มีใครรู้ข้อมูลอื่นของเขาเลย
‘พรึบ’ คลื่นแสงแห่งเต๋าปรากฏพร้อมกับจ้าวอสูรคนหนึ่ง จ้าวอสูรผู้นี้คือจ้าวอสูรระดับดำ หากไม่ใช่จ้าวอสูรระดับนี้คงไม่สามารถจัดการเหล่ารุ่นเยาว์ที่บรรลุเป็นจ้าวอสูรระดับเหลืองแล้วได้
“เริ่มจับฉลากและทำการประลองได้” จ้าวอสูรระดับดำกล่าว ชื่อของเขาคือหลิวก่านหนึ่งในผู้ดูแลเขตแดนลี้ลับแห่งนี้
กฎของการประลองเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ทุกคนเดินออกมาจับฉลากของตนเองโดยมีเพียงจ้าวอสูรรุ่นเยาว์ทั้งสี่เท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น หากให้พวกเขาประลองกับคนอื่นด้วยคงไม่ยุติธรรมเท่าไหร่
“หลิงฮัน” หลิวก่านเอ่ย เมื่อเห็นว่าหลิงฮันหยุดนิ่งแล้วเขาก็กล่าวต่อ “เจ้าไม่จำเป็นต้องประลอง ไปนั่งดูอยู่ข้างๆก็พอ”
ว่าไงนะ!
รุ่นเยาว์คนอื่นๆตกตะลึง โดยเฉพาะกลุ่มของรุ่นเยาว์ชุดเกราะดำ พวกเขาขอผู้อาวุโสของตระกูลว่าให้แอบช่วยให้พวกเขามีโอกาสจับฉลากเจอกับหลิงฮันให้มากที่สุด ไม่คาดคิดว่าจู่ๆหลิวก่านจะมาประกาศว่าหลิงฮันไม่ต้องเข้าร่วมการประลอง!
“ทำไมเขาถึงไม่ต้องเข้าร่วมการประลอง?” ใครบางคนเอ่ยถาม แม้จะอยู่ต่อหน้าจ้าวอสูรระดับดำเขาก็ไม่เกรงกลัว ด้วยพรสวรรค์ของเขาในอนาคตย่อมกลายเป็นจ้าวอสูรได้อย่างแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะมีโอกาสบรรลุเป็นจ้าวอสูรระดับปฐพีหรือสวรรค์เลยก็เป็นเป็นได้
หลิวก่านจ้องมองและกล่าวตอบอย่างไม่แยแส “ข้าบอกว่าไม่ต้องก็คือไม่ต้อง หรือพวกเจ้าขัดข้อง?”
จุดประสงค์ที่พาหลิงฮันมาที่นี่คือเพิ่มระดับพลังบ่มเพาะ ตราบใดที่หลิงฮันบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งได้สำเร็จเขาก็จะกลายเป็นแกนกลางให้กับดินแดนทั้งสอง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วไม่เพียงแค่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองจะผสานรวมกันแต่ยังเป็นการเร่งความเร็วให้ดินแดนทั้งสองกลับเป็นหนึ่งเดียวกันเร็วขึ้นด้วย
เพราะงั้นแล้วพลังต่อสู้ของหลิงฮันจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญและไม่ต้องประลองให้เสียเวลา
“พวกเราไม่ยอมรับ!” ใครบางคนต่อต้าน ด้วยพรสวรรค์อันสูงล้ำทำให้ตั้งแต่เด็กพวกเขาเป็นที่สนใจของตระกูลมาโดยตลอดจนทำให้มีนิสัยหยิ่งทะนง แต่ตอนนี้กลับมีใครก็ไม่รู้ได้รับสิทธิพิเศษเหนือพวกเขา จะให้พวกเขายอมรับได้อย่างไร?
“เหอะ หากไม่พอใจอะไรก็ไปพูดกับผู้นำตระกูลของพวกเจ้าเอาเอง คนที่ตัดสินเรื่องนี้คือผู้นำเหล่านั้น!” ต่อต้านสะบัดมือปลดปล่อยอำนาจกำราบความไม่พอใจของทุกคน
หลิงฮันเองก็ตกตะลึงเล็กน้อย เขาตั้งใจจะใช้โอกาสนี้สั่งสอนรุ่นเยาว์สวมชุดเกราะกับคนอื่นๆอยู่พอดี… แต่ทว่าเขากลับโดนห้ามไม่ให้ร่วมประลอง?
เพียงแต่ว่าในเมื่อจ้าวอสูรระดับดำกล่าวเช่นนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ายอมรับ
ถ้างั้นก็ดูก่อนเฉยๆแล้วกัน อย่างน้อยก็จะได้เห็นว่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งยุคสมัยของดินแดนต้องห้ามจะแข็งแกร่งขนาดไหน
การลองที่ดุเดือดเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลิงฮันที่เห็นการประลองของหลายๆคู่ก็พยักหน้าในใจ มีรุ่นเยาว์อย่างน้อยสิบเจ็ดคนที่แข็งแกร่งพอๆกับถังโม่และก็มีอยู่ส่วนหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่า บางทีบวกเขาอาจจะขัดเกลาควบแน่นสร้างดวงดาวได้ถึงสามล้านดวงหรืออาจจะมากกว่านั้น
การประลองกินเวลาเกือบห้าวันก็สิ้นสุดลง นอกจากจ้าวอสูรรุ่นเยาว์ทั้งสี่แล้ว คนที่แข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกคือจางถิง เย่เฉวียนและหลิวตัง ส่วนรุ่นเยาว์สวมชุดเกราะดำมีชื่อว่าเจิ้งมั่ว เขาแข็งแกร่งเป็นอันดับที่สิบและมีพลังต่อสู้ไม่ด้อยไปกว่าถังโม่
“หลิงฮัน เจ้ากล้าสู้กับข้ารึไม่ ข้าจะลดพลังบ่มเพาะของตนเองให้เท่ากับเจ้า!” เจิ้งมั่วจู่ๆก็ก้าวออกมาและชี้นิ้วใส่หลิงฮัน
ถูกท้าประลองหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้เจ้าจะกล้าปฏิเสธหรือไม่? หากพลังบ่มเพาะเท่ากันแล้วเจ้าไม่รับคำท้าล่ะก็หลังจากนี้เจ้าคิดว่าจะมีหน้าไปพบใครได้?