“ไม่กล้ารับคำท้า?” เจิ้งมั่วยั่วยุและจงใจเปิดเผยวิถีดาราจักรของตัวเองออกมา หากมองดูจะพบว่าภายในนั้นมีดวงดาวส่องประกายออยู่หนึ่งหมื่นดวงเท่านั้น
ดวงดาวหนึ่งหมื่นดวงคือหลักฐานว่าพลังบ่มเพาะของเขาตอนนี้อยู่ในระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง
การประลองนี้ไม่ถือว่ายุติธรรมเสียทีเดียว ต่อให้เจิ้งมั่วลดพลังบ่มเพาะตัวเองลงมาแต่ความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขาก็ยังอยู่ในระดับของวารีนิรันดร์ขั้นสูงอยู่ดี
อัจฉริยะรุ่นเยาว์คนอื่นแสยะยิ้ม ในระดับพลังเท่ากันหากไม่รับคำท้าจะยังเรียกตนเองว่าราชาได้อีก?
หลิวก่านเผยสีหน้าไม่พอใจ เขากล่าวไปแล้วไม่ใช่รึว่าหลิงฮันไม่จำเป็นต้องร่วมประลอง การที่เจิ้งมั่วยังรั้นท้าสู้กับหลิงฮันอยู่เท่ากับกำลังท้าทายอำนาจของเขา
เพียงแต่ว่าการประลองอย่างเป็นทางการได้จบไปแล้ว การปะทะนอกรอบนั้นต่อให้เป็นเขาก็ไม่มีสิทธิ์ห้าม ขึ้นอยู่กับผู้ถูกท้าประลองว่าจะรับคำท้าหรือไม่
หลิงฮันยิ้ม เขาคิดหาวิธีทุบตีหมอนี่อยู่พอดี ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะเปิดประตูเชิญชวนเขาเองแบบนี้! เขาตีมือจักรพรรดินีเบาๆเพื่อบอกว่าไม่ต้องกังวลพร้อมกับยืนขึ้น
“ถ้าเจ้าอยากสู้ก็มาสู้กัน”
เจิ้งมั่วยิ้มร่าและจงใจกล่าว “ฮ่าๆ ข้าต่อให้เจ้าก่อนสิบกระบวนท่า!”
“อืม!” หลิงฮันไม่สนใจ เขาก้าวขึ้นหน้าและปล่อยหมัดเข้าใส่เจิ้งมั่ว
ในเมื่อเจิ้งมั่วกล่าวเองว่าจะให้หลิงฮันลงมือก่อนสิบกระบวนท่าเขาย่อมไม่ผิดคำพูดต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ มือทั้งสองของเขาไคว้หากันเป็นรูปกากบาทกลางหน้าอกเพื่อรอรับหมัดของหลิงฮัน
ตูม!
หมัดของหลิงฮันระเบิดพลังใส่เจิ้งมั่ว
คลื่นปะทะของหมัดทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้าก่อนจะค่อยๆสลายไป เจิ้งมั่วยังคงยืนอย่างองอาจอยู่ที่เดิม ตัวของเฉิงโม่นั้นขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ทั้งระดับวารีนิรันดร์ ระดับสุริยันจันทราและระดับดารา เพราะงั้นต่อให้เป็นการต่อสู้ในระดับเดียวกันพลังต่อสู้ของเขาจึงไม่ด้อยไปกว่าหลิงฮัน แต่หากเพิ่มอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เข้าไปด้วยแล้วพลังของเขาย่อมเหนือกว่ามาก
เจิ้งมั่วกัดฟันเบาๆ หมัดเมื่อครู่ส่งผลให้กระดูกทั่วร่างของเขาสั่นสะเทือนจนแทบจะกระอักโลหิตออกมา
ฮึ่ม! เหตุใดกายหยาบของหมอนี่ถึงได้น่ากลัวเพียงนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากต้องต่อสู้ระยะประชิด คลื่นปะทะที่เกิดการการปะทะของหมัดมันรุนแรงเกินไป
หลิงฮันปล่อยหมัดต่อไม่รีรอ
เจิ้งมั่วไม่อยากสู้กับหลิงฮันซึ่งๆหน้าต่อแล้ว แต่ในเมื่อเขาบอกว่าจะยอมให้หลิงฮันโจมตีก่อนสิบกระบวนท่าก็หมายถึงเขาทำได้เพียงต้านหรือหลบหลีกเท่านั้น แต่คนเช่นเขารึจะหลบ? หากใช้วิธีขี้ขลาดเช่นนั้นเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
เจิ้งมั่วทำได้เพียงกัดฟันและปล่อยหมัดต้านหลิงฮัน
‘ตูม’ หมัดของทั้งสองเข้าปะทะกัน คลื่นพลังทำลายอันรุนแรงปะทุออกมาจนมิติแตกร้าว
เจิ้งมั่วไม่ล่าถอยและทำสีหน้าเรียบง่าย แต่มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ว่าคลื่นปะทะจากการแลกหมัดเมื่อครู่ทำให้กระดูกทั่วร่างของเขาสั่นสะเทือนจนแทบจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ช่างอ่อนหัดนัก ขนาดการต่อสู้ระดับเดียวกันที่มีโอกาสโจมตีก่อนสิบกระบวนท่ายังไม่อาจชิงเป็นฝ่ายได้เปรียบ!” คนที่ดูอยู่รอบข้างหัวเราะขบขัน
พวกเขาไม่เคยรู้จักหลิงฮันมาก่อน แต่พวกเขาได้ยินข่าวลือว่าหลิงฮันจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อาวุโสสิบเจ็ด แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องทำให้พวกเขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก ทำไมคนนอกที่อ่อนแอกว่าพวกเขาถึงได้ข้ามหน้าข้ามตาพวกเขากัน?
การประลองนี้พิสูจน์แล้วว่าหลิงฮันเป็นเพียงพวกพวกไร้ค่า!
“ฮึ่ม ข้าไม่รู้หรอกนะว่าหมอนั่นมาจากไหน แต่ช่างเพ้อฝันนักที่คิดจะข้ามหน้าข้ามตาพวกเรา!”
“การประลองนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาอ่อนหัดไร้ค่าขนาดไหน!”
“ฮ่าๆๆ ให้เจิ้งมั่วจัดการเขาให้สิ้นซากไปเลย!”
หลิงฮันเก็บคำพูดของคนเหล่านั้นมาใส่ใจและปล่อยหมัดครั้งนี้สามออกไปอย่างเรียบง่าย
ตูม! ตูม! ตูม!
หลิงฮันปล่อยหมัดออกไปแล้วเจ็ดหมัดซึ่งเจิ้งมั่วก็ไม่แสดงท่าทีเจ็บปวดใดๆ เขายืนนิ่งราวกับเป็นขุนเขา
จากมุมมองของคนนอกแน่นอนว่าต้องเห็นว่าเจิ้งมั่วเป็นคนคุมสถานการณ์อยู่ ขอแต่รับสามหมัดสุดท้ายและตอบโต้หลิงฮันก็จะพ่ายแพ้ทันที
แต่ว่าในใจของเจิ้งมั่วนั้นกำลังร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวก กระดูกส่วนแขนของเขาไม่อาจทนไหวอีกต่อไปแล้ว กระดูกแต่ละท่อนล้วนแต่ปรากฏรอยแตกร้าวเหมือนกับใยแมงมุม หากไม่ใช่เพราะเขามีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งและใช้ปราณก่อเกิดเชื่อมกระดูกเอาไว้ได้ กระดูกแขนของเขาตกแหลกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว
ด้วยสภาพแบบนี้เขาจะทนต่อได้อีกกี่หมัดกัน?
หลิงฮันยิ้มและกล่าวปลอบ “ทนไว้ อีกแค่สามหมัดเท่านั้น”
บัดซบ!
เจิ้งมั่วกัดฟันและกล่าว “หลังจากสามกระบวนท่าสุดท้ายข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าจะต้องเจ็บปวดขนาดไหนที่ท้าทายข้า!”
“อะไรกัน เจ้าเป็นคนท้าประลองข้าเองแท้ๆ” หลิงฮันแสร้งทำเป็นตกใจ และกวัดแกว่งปล่อยหมัดขวาออกไปอย่างไม่ลังเล
ตูม! ตูม!
ผ่านไปสองหมัดเจิ้งมั่วก็ทนไม่ไหวและเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา การต่อสู้ด้วยด้วยกายหยาบเช่นนี้เป็นสิ่งที่จอมยุทธส่วนใหญ่เลือกที่จะหลีกเลี่ยงนอกเสียจากว่าจะเป็นคนที่มีกายหยาบพิเศษ
“หมัดสุดท้าย!” หลิงฮันพุ่งอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและปล่อยหมัดขวาออกไปราวกับมังกรทะยาน
ตูมมม!
เจิ้งมั่วกัดฟัน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ทนมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว แถมความหยิ่งทะนงของเขาก็ไม่มีทางยินยอมให้เขาหลบหลีกล่าถอยด้วย
และแน่นอนว่าในสภาพที่พวกเขาทั้งสองมีระดับพลังเท่ากันเจิ้งมั่วย่อมไม่โจมตีตอบโต้ ‘ติ๋ง ติ๋งๆ ติ๋งๆ’ ที่ปลายนิ้วของเขามีโลหิตไหลหยดลงมา
“อะไรกัน!”
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าทุกคนต่างอุทานออกมาด้วยใบหน้าตกตะลึง เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ได้อย่างไร?
ทำไมจู่ๆเจิ้งมั่วถึงบาดเจ็บ?
“ดูให้ดี!” ใครบางคนชี้ไปที่แขนของเจิ้งมั่ว
ฮึ่ม!
ทุกคนสูดหายใจลึก สิ่งที่พวกเขาเห็นคือแขนเจิ้งมั่วมีอาการปูดปวดจนใหญ่กว่าต้นขา และยังเห็นอย่างชัดเจนอีกว่าแขนของเขานั้นบิดเบี้ยวผิดรูปร่างและเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต
สภาพเช่นนี้รู้ได้ไม่ยากว่าเกิดจากกระดูกแตกหักจนทิ่มแทงผิวหนัง
พวกเขาเข้าใจทันที หมัดแต่ละหมัดของหลิงฮันรุนแรงจนกระดูกของเจิ้งมั่วแตกร้าวไม่อาจรับไหว และเป็นเพราะความรุนแรงของหมัดที่สิบทำให้แขนของเขาบิดเบี้ยวผิดรูปพร้อมกับกระดูกแขนที่แตกร้าวอยู่แล้วได้แหลกออกเป็นชิ้นๆ
สายตาทุกคู่เปิดกว้างด้วยความตกตะลึงและมองมายังหลิงฮัน แม้แต่จ้าวอสูรรุ่นเยาว์ทั้งสามอย่างเหลิงเซี่ยวเหริน โอวหยางเหอและโก้วไหก็เช่นกัน ในด้านตรงกันข้าม มีเพียงกู่เฟิงคนเดียวเท่านั้นที่หรี่ตาลงโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่