ตระกูลถังเข้าร่วมพันธมิตรทลายสวรรค์?
ไม่ใช่ว่าผู้นำของตระกูลถังเป็นพวกขี้คลาดที่หวาดกลัวผลกระทบของการแทรกแซงสวรรค์และปฐพีหรอกรึ? เหตุใดๆจู่ๆเขาถึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับพันธมิตรทลายสวรรค์?
หลังจากได้ยินข่าวนี้มุมปากของหลิงฮันก็แสยะยิ้มทันที
เป้าหมายของตระกูลถังคือเขาไม่ผิดแน่
ตระกูลถังที่รู้ว่าเขาครอบครองทักษะบ่มเพาะระดับราชานิรันดร์มีรึจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ? แต่เมื่อเขามาอยู่ที่หุบเขาวารีครามแห่งนี้ตระกูลถังย่อมไม่กล้าลงมือกับเขา เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะเข้าร่วมกับพันธมิตรทลายสวรรค์และส่งคนมาแทน
“ช่างรนหาที่นัก ข้ายังไม่ทันได้ไปหา พวกเจ้าก็เลือกที่จะเข้ามาเอง!” หลิงฮันแสยะยิ้ม เขามีวาสนาศักดิ์สิทธิ์จากหอคอยทมิฬสามครั้งและเขาไม่รังเกียจเลยที่จะใช้กับตระกูลถัง
การเข้าร่วมของตระกูลถังไม่ได้ก่อให้เกิดเสียงเอะอะเท่าไหร่ พวกเขาส่งจ้าวอสูรระดับดำมาทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนพร้อมกับรุ่นเยาว์ของตระกูลอีกสามคนที่ไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่นเท่าไหร่ ทั้งสามไม่อาจเทียบถังโม่ได้
ราชารุ่นเยาว์ภายในหุบเขาวารีครามต่างพูดคุยกันว่าทำไมถึงได้มีดินแดนต้องห้ามใหม่มาเข้าร่วมกับพวกเขา
“ที่ให้ขุมอำนาจอื่นเข้าร่วมกับพวกเราเพิ่มอาจจะเพื่ออยู่เหนือพันธมิตรดินแดนต้องห้ามของดินแดนศักดิ์สิทธิ์” ใครบางคนกล่าวราวกับรู้ความจริง “ปกติแล้วพันธมิตรดินแดนต้องห้ามของทั้งดินแดนใต้พิภพและดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นจะมีขุมอำนาจอยู่ฝั่งละแปดขุมอำนาจ แต่ผู้นำของพวกเขาต้องการอยู่เหนืออีกฝ่ายจึงได้อนุญาติให้ดินแดนต้องห้ามใหม่เข้าร่วมด้วย”
“ยิ่งกว่านั้นหากมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นแล้วพันธมิตรฝ่ายดินแดนใต้พิภพของพวกเรามีความเห็นเท่ากันสี่ต่อสี่ การตัดสินใจลงมือทำอะไรสักอย่างคงทำได้ยาก”
“ตอนนี้เมื่อจำนวนของพันมิตรกลายเป็นห้าต่อสี่แล้ว ย่อมมีฝ่ายหนึ่งมีสิทธิ์มีเสียงมากกว่า”
“ตอนนี้บางทีทั้งสองฝ่ายอาจจะกำลังมีการขัดแย้งกันอยู่”
“แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นการตัดสินใจของเหล่าผู้นำ พวกเราทำได้แค่มองดูอยู่เฉยๆ”
หลังจากเหตุการณ์การเข้าร่วมของตระกูลถัง โอวหยางไท่ซานก็แอบมาหาหลิงฮัน อีกฝ่ายบอกให้เขาอย่าทำตัวโดดเด่นและตั้งใจบ่มเพาะพลังเข้าไว้ ทางที่ดีที่สุดเลยคือห้ามออกไปจากหุบเขาวารีครามจะปลอดภัยที่สุด
ดูเหมือนว่าโอวหยางไท่จะมองจุดประสงค์ของตระกูงถังออกเช่นกันแต่ก็ไม่มีอำนาจพอจะขับไล่อีกฝ่ายออกไปจากพันธมิตร
หลิงฮันครุ่นคิด… เห็นแก่การช่วยเหลือต่างๆจากโอวหยางไท่ซานเขาจึงไม่รังเกียจที่จะช่วยทำสิ่งที่อีกฝ่ายร้องขอ หากทำการผสานดินแดนทั้งสองเข้าด้วยกันได้ตัวเขาย่อมได้ประโยชน์ไปด้วย
แต่หากมีใครในพันธมิตรทลายสวรรค์เพ่งเล็งหมายหัวเขา เขาก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน
“ข้าต้องรีบบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งให้เร็วที่สุด ต่อให้จะไม่สามารถต่อกรกับราชาเซียนแต่ก็ข้าก็ยังมีความสามารถพอสำหรับหลบหนี ข้าจะเอาแต่พึ่งพาหอคอยทมิฬตลอดไม่ได้” หลิงฮันกล่าวหนักแน่น
แต่ว่าแม้ต้นไม้จะอยากหยุดนิ่งเสียเท่าไหร่สายลมก็ไม่เป็นใจ
เขานั่งอยู่ในห้องพักหินเพื่อรอคอยทรัพยากรบ่มเพาะของปีนี้ ถึงแม้ทรัพยากรเหล่านั้นจะไม่จำเป็นสำหรับเขาแต่สำหรับสตรีนกอมตะมันคือสมบัติอย่างแท้จริงเนื่องจากนางบรรลุระดับวารีนิรันดร์แล้ว
เพียงแต่หลังจากที่เขารอไปได้หนึ่งวันกลับไม่มีใครนำทรัพยากรมาส่งเลย
หลิงฮันไม่คิดมาก บางทีกำหนดการอาจคลาดเคลื่อนได้ แต่หลังจากนั้นแม้เวลาจะผ่านไปสองวัน สามวันก็ยังไม่มีใครเอาทรัพยากรมาให้เขา หลิงฮันรู้สึกว่าเริ่มมีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเขาออกไปไต่ถามถึงสาเหตุก็ต้องโมโหขึ้นมาทันที
ทรัพยากรบ่มเพาะของเขาถูกจ้าวอสูรระดับดำของตระกูลถังยึดไป
การกระทำที่โจ่งแจ้งเช่นนั้นผู้อาวุโสคนอื่นๆปล่อยไปได้อย่างไร?
หลิงฮันนึกถึงข่าวลือก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ทันที พันธมิตรทลายสวรรค์นั้นมีเสียงแบ่งเป็นสองเสียง หนึ่งคือฝ่ายที่ต้องการเปิดรับเมล็ดพันธุ์จากภายนอก สองคือฝ่ายที่ไม่ต้องการเปิดรับใคร ก่อนหน้านี้ฝ่ายที่ต้องการเปิดรับนั้นมีอำนาจมากกว่า แต่ตอนนี้ดูจากการที่ทรัพยากรบ่มเพาะของเขาถูกคนของของตระกูลถังยึดเอาไว้แล้ว หรือว่าฝ่ายที่ไม่เปิดรับจะกำลังกลายเป็นฝ่ายมีอำนาจมากกว่าไปเสียแล้ว?
หรือไม่ก็ทั้งสองฝ่ายกำลังตอบโต้กันอยู่ แต่ไม่ว่าผลสรุปจะออกมาแบบใดพันธมิตรทลายสวรรค์ก็ต้องเกิดการเปลี่ยน!
หลิงฮันไม่เข้าใจเล็กน้อย เขาคือจอมยุทธเพียง ‘คนเดียว’ ที่สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองได้ ต่อให้พันมิตรฝ่ายที่ไม่ต้องการเปิดรับคนนอกจะดื้อรั้นยังไงก็น่าจะเห็นความสำคัญของการเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนมากกว่า
“ใช่แล้ว มีคนส่วนหนึ่งต้องการทักษะบ่มเพาะของข้า พวกนั้นคิดว่าที่ข้าผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้สำเร็จเป็นเพราะทักษะบ่มเพาะไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของข้า”
“พวกนั้นคิดว่าแค่ได้ทักษะบ่มเพาะของข้าไปพวกเขาก็จะสามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์กันเองได้”
“ตอนนี้การโต้แย้งภายในพันมิตรคงยังไม่ได้บทสรุปข้าถึงยังอยู่ที่นี่ได้”
“แต่ถึงอย่างนั้น… ข้าก็คงอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นาน”
หลิงฮันไม่ได้ออกไปตามหาจ้าวอสูรระดับดำของตระกูลถังที่ยึดทรัพยากรบ่มเพาะของเขา เพราะอย่างไรทรัพยากรเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นสำหรับเขาอยู่แล้ว ส่วนสตรีนกอมตะในตอนนี้ก็ไม่ได้ต้องการทรัพยากรเหล่านั้นมากเท่าไหร่
เพียงแต่แม้เขาจะไม่เคลื่อนไหวแต่ทางตระกูลถังก็ยังทำการยั่วยุต่อไม่หยุด พวกเขานำโลหิตสุนัขมาเทราดไว้หน้าประตูห้องพักของหลิงฮันและตะโกนด่าด้วยคำพูดดูถูก
“โชคดีที่เจ้าดำน้อยไม่อยู่ ไม่เช่นนั้นก้นของพวกเจ้าคงแยกออกเป็นสามแฉกแล้ว” หลิงฮันพึมพำและไม่ลงมือตอบโต้ใดๆ เขาต้องการดูท่าทีของพันธมิตรทลายสวรรค์ก่อน
หากมีใครออกมาแสดงจุดยืนเพื่อเขา เขาก็จะอยู่ที่นี่ต่อและช่วยผสานดินแดนทั้งสองให้ในอนาคต
แต่หลิงฮันก็ต้องผิดหวัง ขนาดมีรุ่นเยาว์ตระกูลถังหลายคนลงมือยั่วยุเขาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้กลับไม่มีใครออกหน้าเพื่อเขาเลย
“หลิงฮัน กล้าออกมาสู้รึไม่!”
“ข้าจะใช้เพียงนิ้วเดียวเท่านั้น”
“เป็นแค่มดปลวกแต่บังอาจมาเข้าร่วมกับพันธมิตรทลายสวรรค์!”
สมาชิกตระกูลถังทั้งสามนำโลหิตสุนัขมาราดหน้าประตูห้องหลิงฮันทุกวัน แน่นอนว่าราชารุ่นเยาว์คนอื่นๆย่อมสังเกตเห็นแต่พวกเขาก็เลือกที่จะดูอยู่ห่างๆ พวกเขาไม่ใช่คนโง่ การที่ทางผู้ฝึกสอนไม่ลงมือใดๆก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าพวกเขาไม่ต้องการช่วยเหลือหลิงฮัน
ผ่านมาหลายวันสามรุ่นเยาว์ตระกูลถังก็ยังมายืนยั่วยุอยู่ด้านนอก คำพวกของพวกเขาค่อยๆหยาบคายขึ้นเรื่อยๆ
‘พรึบ’ เงาของใครบางคนปรากฏตัวจากห้องพัก ‘ปัง ปัง ปัง’ เสียงจู่โจมที่รุนแรงดังขึ้นพร้อมกับร่างของรุ่นเยาว์ตระกูลถังทั้งสามถูกซัดหน้าลอยกระเด็น
หลิงฮันยืนพาดมือไว้ด้านหลังและปลดปล่อยจิตสังหารอันรุนแรงออกมา