ความมืดปกคลุมไปทั่วพื้นที่ จ้าวอสูรทุกคนรู้สึกได้ว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขาถูกปิดกั้นไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินอะไรแม้แต่น้อยในระยะที่เกินกว่าสิบฟุต
เรื่องนี้นับว่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก จ้าวอสูรสวรรค์เช่นพวกเขานั้นสามารถใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบได้แม้แต่ดวงดาวขนาดใหญ่ทั้งดวง แต่ตอนนี้ระยะที่พวกเขาสามารถรับรู้สิ่งต่างๆได้กลับลดเหลือเพียงสิบฟุตเท่านั้น
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบคู่ในมือด้วยความเร็วที่ดูราวกับมีมือนับพัน
‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ หัวของจ้าวอสูรแต่ละคนถูกตัดลอยกระเด็นขึ้นฟ้า เป้าหมายของหลิงฮันนั้นไม่เจาะจง จ้าวอสูรที่ตกตายจึงมีทั้งจ้าวอสูรปฐพีและจ้าวอสูรระดับดำ ส่วนจ้าวอสูรระดับเหลืองนั้นพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าร่วมการต่อสู้และมีทางเลือกเดียวคือหลบหนี
ไม่ว่าจะเป็นดาบอสูรนิรันดร์หรือดาบไม้พุพังก็ล้วนแต่มีจุดเด่นที่พลังทำลายล้าง จ้าวอสูรทุกคนที่ถูกดาบทั้งสองตัดหัวตกตายในทันทีโดยที่แม้แต่เศษเสี้ยวดวงวิญญาณก็ไม่สามารถหลบหนีไปไหนพ้น
“พวกเศษเดนไร้ค่า!” หลิงฮันกล่าวเย็นชาในขณะที่มือขวายังคงสะบัดดาบอสูรนิรันดร์ตัดหัวจ้าวอสูรไม่หยุด เขาไม่หลบโลหิตที่สาดกระจายเข้าใส่ทำให้ร่างของเขาในตอนนี้ถูกอาบไปด้วยโลหิต
“ข้าอุตส่าห์เมตตาจะช่วยผสานดินแดนทั้งสองให้เพื่อที่พวกเจ้าจะได้มีโอกาสกลายเป็นนิรันดร์ แต่นี่รึคือสิ่งตอบแทนจากพวกเจ้า?”
“ในเมื่อเส้นทางนี้คือเส้นทางที่พวกเจ้าเลือก พวกเจ้าก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้!”
‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ หัวของจ้าวอสูรอีกหลายคนถูกสะบั้นขาดออกจากบ่า
“ล่าถอย!” จ้าวอสูรสวรรค์คนหนึ่งตะโกนออกมา “ใครที่พลังบ่มเพาะต่ำกว่าจ้าวอสูรสวรรค์ให้รีบล่าถอยออกไป อยู่ที่นี่มีแต่จะทิ้งชีวิตโดยเสียเปล่า!”
จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนเคร่งเครียด จ้าวอสูรปฐพีและจ้าวอสูรระดับดำคือเสาหลักของตระกูลพวกเขาในอนาคต และหากเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียนได้จ้าวอสูรเหล่านี้คือเหล่าคนที่มีโอกาสที่บรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน
การที่ต้องเห็นเสาหลักตระกูลในอนาคตถูกสังหารไปทีละคนทำให้เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์รู้สึกเกรี้ยวกราดและสิ้นหวัง แต่ท่ามกลางความมืดมิดอันไร้สิ้นสุดนี้ปฏิกิริยาตอบโต้ของพวกเขาถูกทำให้ข้าลงกว่าปกติหลายเท่า แค่ป้องกันการโจมที่พุ่งเข้าตัวเองก็เต็มกลืนแล้ว พวกเขาจะช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไร?
จ้าวอสูรปฐพีและจ้าวอสูรดำพยายามหลบหนี แต่ตอนนี้พวกเขาอ่อนแอกว่าหลิงฮันมากแค่ไหน?
ท่ามกลางความมืดมิดที่ประสาทสัมผัสทั้งห้าแทบจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ พวกเขาจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังหลบหนีไปทางไหน
ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงจ้าวอสูรปฐพีและจ้าวอสูรดำทั้งหมดก็ตกตาย โลหิตจำนวนมากสาดกระจายไปทั่วทิศทางราวกับสวรรค์กำลังร่ำไห้
ร่างของหลิงฮันถูกชโลมไปด้วยโลหิต ณ เวลานี้เขาสามารถควบคุมดาบไม้พุพังได้อย่างสมบูรณ์ทำให้ตัวดาบปลดปล่อยอำนาจอสูรออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด
หนึ่งคนสองดาบกำลังยืนทะนงอยู่กลางห้วงอวกาศ
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์กลายเป็นไร้คำพูด พวกเขาเริ่มรู้สึกแล้วว่าการที่ตัดสินใจล่วงเกินรุ่นเยาว์สัตว์ประหลาดผู้นี้ช่างเป็นความคิดที่ผิดมหันต์
ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้พวกเขายอมร่วมมือกับหลิงฮันแต่โดยดีเสียจะดีกว่า อย่างน้อยหากดินแดนทั้งสองผสานกลับเป็นหนึ่งได้พวกเขาก็ยังมีโอกาสกลายเป็นนิรันดร์
แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่จะเป็นนิรันดร์เลย แค่จะเอาชีวิตรอดไปได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้
“พวกเราไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว!” จ้าวอสูรสวรรค์ตระกูลจางกล่าวเย็นชา “ทุกคนร่วมมือกันใช้ทุกอย่างที่มีออกมา หากไม่สังหารเจ้าหนูนี่ในวันนี้ อนาคตภายภาคหน้าพวกเราจะพบเจอกับภัยพิบัติอันไม่มีที่สิ้นสุด!”
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์พยักหน้า ต่อให้หลิงฮันจะยกระดับพลังเป็นจ้าวอสูรสวรรค์ได้เพียงแค่ครั้งเดียว แต่เขาก็มีอุปกรณ์นิรันดร์ หากเข้าไปเก็บตัวอยู่ภายในนั้นมีรึที่พลังบ่มเพาะของเขาจะไม่มีการพัฒนาใดๆ?
ตราบใดที่หลิงฮันบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่ง พลังต่อสู้ของเขาจะอยู่เหนือจ้าวอสูรสวรรค์และราชาเซียนทุกคนเนื่องเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองได้สำเร็จ
ศัตรูที่ทรงพลังเช่นนั้นย่อมเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
ครืน! ครืน! ครืน!
จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนเอาจริง พวกเขาทำการเผาผลาญพลังชีวิตของตนเอง ต่อให้พลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นเพียงคนละน้อยนิด แต่พวกเขาก็ได้เปรียบในด้านของจำนวนคน
‘ตูม!’
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์ช่วยกันปัดเป่าความมืดมิดออกไปจนเกือบหมด พลังต่อสู้ของพวกเขาเกือบจะกลับสู่สภาพสมบูรณ์ ร่างของพวกเขาแต่ละคนปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งเต๋าและล้อมรอบไปด้วยวงโคจรวิถีดาราจักรที่มีดวงดาวหลายร้อย หลายพันล้านดวงจนนับไม่ถ้วน
หลิงฮันแสยะยิ้ม “ถึงเวลาส่งพวกเจ้าลงนรกแล้ว!”
“อย่าได้ฝัน!” จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนคำรามและลงมือจู่โจมหลิงฮัน ความโกรธและการเผาผลาญพลังชีวิตทำให้พลังต่อสู้ของพวกเขาในตอนนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก เพียงหนึ่งฝ่ามือก็สามารถบดขยี้ดวงดาวขนาดใหญ่ทิ้งได้
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “พวกเจ้าคิดว่านี่คือพลังต่อสู้ทั้งหมดของข้าแล้ว?” เขาอ้าปากคลายบอลเพลิงออกมา
‘เพลิงเก้าสวรรค์ หนึ่งในเก้าเพลิงบรรพบุรุษของดินแดนแห่งเซียน!’
“อะไรกัน!”
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์ตกตะลึงและสั่นสะท้าน พวกเขารู้สึกได้ว่ากลุ่มก้อนเปลวเพลิงตรงหน้าพวกเขามีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก หากสัมผัสโดนเพียงเล็กน้อยพวกเขาคงถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
นั่นมันเปลวเพลิงอะไรกัน เหตุใดถึงได้น่าสะพรึงกลัวเพียงนั้น?
หลิงฮันกระตุ้นพลังอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ เปลวเพลิงนี้คือเพลิงนิรันดร์ที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ ไม่เช่นนั้นแล้วด้วยการที่อำนาจของมันเทียบเท่าราชานิรันดร์ สิ่งมีชีวิตทั้งมวลที่มีพลังต่ำกว่าราชานิรันดร์คงถูกแผดเผาไม่เหลือแม้จะยังไม่ได้สัมผัสมัน
ตอนนี้พลังบ่มเพาะของหลิงฮันคือระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดชั่วคราว อำนาจที่เพลิงเก้าสวรรค์จะสำแดงออกมาได้จึงอยู่ที่ระดับสูงสุดของดินแดนใต้พิภพและเกือบจะกลายเป็นอำนาจระดับนิรันดร์
นี่ต่างหากคือไพ่ลับที่แท้จริงของหลิงฮัน!
หลิงฮันสะบัดนิ้วปลดปล่อยคลื่นเพลิงเข้าใส่เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์
จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนเผ่นหนีราวกับหนูเห็นแมว เปลวเพลิงตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย
“เผ่น!” จ้าวอสูรสวรรค์ตระกูลโก้วไม่หลงเหลือความคิดจะสู้รบ นอกจากเปลวเพลิงนี้จะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถต่อกรได้แล้ว หลิงฮันก็ยังมีอุปกรณ์นิรันดร์ที่สามารถหายตัวไปเมื่อไหร่ก็ได้ด้วย หากฝืนที่จะสู้ต่อไปก็มีแต่จะเป็นการนำชีวิตตนเองไปเสี่ยง
“คิดจะหนี?” หลิงฮันแสยะยิ้มและควบคุมเพลิงเก้าสวรรค์ให้แผ่ขยายเป็นกรงเพลิงขนาดมหึมากักขังเหล่าจ้าวอสูรสวรรค์เอาไว้ภายใน
“จะไม่มีใครหลบหนีไปได้แม้แต่คนเดียว!” เขากล่าวอย่างโหดเหี้ยม