หลิงฮันเคลื่อนที่ด้วยคลื่นแสงแห่งเต๋าสีทอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางด้วยวิธีนี้จึงทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก
เพียงแต่ครึ่งวันต่อมาอำนาจบนร่างกายของเขาก็สลายหายไปและจำเป็นต้องนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาใช้เดินทางต่อ แต่ข้อดีของอุปกรณ์บินแหวกเมฆาคือเขาไม่จำเป็นต้องเคลื่อนที่ด้วยตัวเอง แค่ระบุพิกัดที่จะมุ่งหน้าไปก็เพียงพอ
หลิงฮันเข้าสู่หอคอยทมิฬและเรียกจักรพรรดินีกับสตรีนกอมตะมาพูดคุยเรื่องบุปผาห้วงมิติ แน่นอนว่าเมื่อมีสิ่งดีๆเขาก็ต้องแบ่งปันให้กับภรรยาทั้งสอง
เพียงแต่สตรีนกอมตะกลับส่ายหัวปฏิเสธ นางกล่าว “ตอนนี้เป้าหมายของข้าคือบ่มเพาะพลังให้ได้มากที่สุด การฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติจะทำให้ข้าเสียเวลาส่วนนี้ไปมาก”
จักรพรรดินีส่ายหัวเช่นกัน “ข้ายังทำความเข้าใจทักษะบ่มเพาะในสายเลือดได้ไม่ดีพอ ตอนนี้ข้าไม่อยากเสียสมาธิไปกับอย่างอื่นเช่นกัน บุปผาห้วงมิติต้นนี้เจ้านำไปใช้เองดีกว่า”
“พวกเจ้าจะเกรงใจข้าทำไม?” หลิงฮันยิ้ม
จักรพรรดินียิ้มตอบ “อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติที่บุปผาห้วงมิติสามารถถ่ายทอดออกมาได้นั้นมีจำกัด หากพวกเราสามคนแบ่งกันคงไม่มีใครเลยที่ฝึกฝนสำเร็จ ให้เจ้าฝึกคนคนเดียวนั่นล่ะดีแล้ว เป้าหมายของน้องสาวนกอมตะตอนนี้คือทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งให้เร็วที่สุด ส่วนข้าเองก็ต้องขัดเกลาเพื่อบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ เพราะเหตุนั้นจึงต้องเป็นเจ้าที่ต้องขัดเกลาพลังต่อสู้ให้ทรงพลังที่สุดในระดับเดียวกัน”
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “เอาแบบนั้นก็ได้ อย่างไรในอนาคตพวกเราก็คงพบเจอบุปผาห้วงมิติอีกหรือไม่ก็ต้องพบเจอบุปผาอื่นๆอยู่แล้ว เพราะงั้นบุปผาห้วงมิติต้นนี้ข้าจะขอรับไปก่อน”
“เหอะ เหอะ” หอคอยน้อยปรากฏตัวตรงเวลาราวกับตั้งใจและแสยะยิ้มเหยียดหยาม
หลิงฮันไม่สนใจหอคอยปากเสีย เขาเดินไปนั่งใต้ต้นสังสารวัฏและเด็ดใบของบุปผาห้วงมิติใส่เข้าปาก
ทันทีที่เขาเริ่มเคี้ยว ตราประทับแห่งเต๋าก็ปะทุออกมาจากใบของบุปผาห้วงมิติและปลดปล่อยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ออกมา หลิงฮันปิดปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้อำนาจของบุปผาห้วงมิติหลั่งไหลออกไป
เขากลืนอำนาจทั้งหมดของมันลงท้อง ‘ครืนนน’ คลื่นพลังอำนาจแห่งเต๋าอันทรงพลังไหลผ่านไปทั่วร่างกายของเขา อำนาจแห่งเต๋าไหลมารวมกันที่ห้วงจิตวิญญาณและควบแน่นรวมตัวกันเป็นโลกขนาดเล็กเท่าฟองสบู่
มันเป็นโลกที่อัดแน่นไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์
โลกที่ถูกสร้างขึ้นมานี้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ยิ่งหลิงฮันกินใบของบุปผาห้วงมิติเพิ่มเข้าไปโลกก็เริ่มมีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เขาตระหนักรับรู้ได้ว่าอำนาจแห่งเต๋าจากบุปผาห้วงมิตินั้นมีระยะเวลาที่จำกัด หากเขาฝึกฝนให้สำเร็จได้ไม่ทันเวลา โลกแห่งอำนาจกฎเกณฑ์ห้วงมิติก็จะสลายไปจากห้วงจิตวิญญาณของเขา
มิตินั้นมีขอบเขตรูปแบบใช้งานที่กว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดห้วงมิติเพื่อเคลื่อนย้ายไปยังอีกสถานที่หนึ่ง การสร้างช่องมิติเพื่อส่งการโจมตีกลับไปหาคู่ต่อสู้ หรือการดูดกลืนบางสิ่งบางอย่างให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์มิติที่หลิงฮันต้องการคือความสามารถในการเคลื่อนย้ายวัตถุ ด้วยความสามารถนี้จะทำให้เขาควบคุมทิศทางการโจมตีของศัตรูได้ หากไม่ใช่ความสามารถนี้ขอเป็นความสามารถในการเคลื่อนที่ข้ามมิติก็ดีเหมือนกัน
แต่โชคกลับไม่เข้าข้างเขาเลย อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติที่อยู่ในบุปผาห้วงมิติต้นนี้คือความสามารถในการสร้างห้วงมิติอันเป็นเอกเทศ แถมยังคงสภาพได้เพียงระยะเวลาสั้นๆอีกด้วย
ความสามารถในการสร้างมิติของตัวเองขึ้นมานั้นนอกจากเอาไว้เก็บของแล้วจะยังมีประโยชน์อื่นอยู่อีกรึ? ยิ่งกว่านั้นห้วงมิติที่คงสภาพได้เพียงไม่กี่ลมหายใจจะใช้เก็บของอะไรได้?
หลิงฮันยิ้มอย่างขมขื่น… ความสามารถที่เขาได้รับช่างอ่อนแอ!
แต่จู่ๆหลิงฮันก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ ห้วงมิติที่สร้างขึ้นมาจะสามารถนำสิ่งมีชีวิตใส่เข้าไปได้หรือไม่?
หากทำได้จะถือว่าความสามารถนี้มีประโยชน์ไม่น้อย
ในขณะที่ศัตรูจู่โจมมา เขาสามารถเข้าไปหลบซ่อนในมิติของตนเองเพื่อหลีกการโจมตีได้
แต่อย่างแรกเลยคือเขาต้องฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ให้สำเร็จก่อนถึงจะสามารถทดสอบได้ว่ามิติเอกเทศจะสามารถนำสิ่งมีชีวิตใส่เข้าไปได้หรือไม่
ณ ตอนนี้หนึ่งวันใต้ต้นสังสารวัฏเท่ากับสิบปี อำนาจของบุปผาห้วงมิติสามารถคงสภาพอยู่ได้สามวัน กล่าวคือเขามีเวลาฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณ์สามสิบปี
หลิงฮันนั่งขัดสมาธิแน่นิ่ง ร่างของเขาปลดปล่อยออร่าลึกลับออกมาอย่างเรือนราง เขามุ่งเน้นสมาธิทั้งหมดไปกับการฝึกฝนทำความเข้าใจอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติ
สามวันผ่านพ้นไป แต่สำหรับหลิงฮันเขาทำการฝึกฝนไปแล้วถึงสามสิบปี
ดวงตาของเขาเปิดออกพร้อมกับเผยรอยยิ้ม เขาฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สำเร็จเรียบร้อย น่าเสียดายที่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ภายในบุปผาห้วงมิติมีจำกัด
“ลองทดสอบดู!” หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬและนำหมูป่าตัวหนึ่งออกมา มือขวาของเขาคว้าไปยังอากาศที่ว่างเปล่า พริบตานั้นหมูป่าก็หายไปอย่างน่าแปลกประหลาด
หมูป่าถูกส่งไปยังห้วงมิติของเขาชั่วคราว
ผ่านไปหนึ่งลมหายใจ ร่างของหมูป่าก็ปรากฏตัวอีกครั้งและคำรามโอดครวญด้วยความหวาดกลัว เมื่อครู่การที่จู่ๆมันก็ถูกส่งไปยังมิติแปลกประหลาดทำให้มันรู้สึกขนลุกเป็นอย่างมาก
“ดูเหมือนมิติจะสามารถใส่สิ่งมีชีวิตเข้าไปได้” หลิงฮันพยักหน้า “ลองดูอีกครั้ง”
เขาโยนร่างของหมูป่าเข้าไปในมิติเอกเทศอีกครั้งและปล่อยหมัดไปยังตำแหน่งที่หมูป่าหายไป เมื่อผ่านไปหนึ่งลมหายใจหมูป่าก็กลับมาปรากฏตัวโดยไร้บาดแผลใดๆและยังคงโอดครวญด้วยความหวาดกลัว
“สามารถใช้หลบการโจมตีได้จริงๆ!” หลิงฮันกล่าวด้วยท่าทีตื่นเต้น
“แต่จะได้ถึงขนาดไหน?” เขาอยากจะใช้หมูป่าทดสอบต่อ แต่พอเห็นสีหน้าอันน่าอนาถของมันหลิงฮันก็เผยรอยยิ้มและโยนมันกลับเข้าไปในหอคอยทมิฬ “เห็นแก่ที่เจ้าให้ความร่วมมือ ข้าจะไม่นำเจ้าไปทำเป็นอาหาร”
หลิงฮันเปลี่ยนมาทดสอบโดยใช้ชามแทน เขานำชามเข้าไปในมิติเอกเทศและใช้ดาบอสูรนิรันดร์จู่โจม
‘ตูม’ ห้วงมิติถูกฉีกขาดและชามถูกบดขยี้ไม่เหลือ
“ดูเหมือนว่าหากเป็นการโจมตีที่ทรงพลังมากหรือเป็นการโจมตีด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ระดับสูงกว่า มิติเอกเทศจะไม่ปลอดภัย” หลิงฮันเปลี่ยนมาทดสอบด้วยตัวเอง ร่างของเขาหายไปหนึ่งลมหายใจก่อนจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง
“เมื่อถูกศัตรูโจมตีใส่ข้าสามารถหลบไปอยู่ในห้วงมิติของตัวเองได้ แม้มิติจะคงอยู่เพียงหนึ่งลมหายใจแต่นั่นก็เพียงพอที่จะให้ข้าตั้งหลักและหลบการโจมตีได้ทัน”
“ข้าขอเรียกอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติประเภทนี้ว่ามิติรูปแบบเอกเทศ”
“ประโยชน์ของมันสมควรมีมากกว่านี้ ข้าค่อยๆศึกษาไปทีละน้อยแล้วกัน”
“เหนือสิ่งอื่นใดพลังบ่มเพาะในตอนนี้ของข้ายังอ่อนแอมากนัก เอาไว้เมื่อพลังบ่มเพาะของข้ายกระดับสูงขึ้นเมื่อไหร่ข้าค่อยฝึกฝนเพื่อเต็มเต็มอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ไม่สมบูรณ์ไปอย่างช้าๆ”
หลิงฮันไม่กลับเข้าไปในหอคอยทมิฬเนื่องจากดาวไห่คงปรากฏอยู่ในสายตาแล้ว