อุปกรณ์บินแหวกเมฆาแล่นลงจอด หลิงฮันเดินมุ่งหน้าเข้าเมืองอสูรแห่งความยุ่งเหยิง
เขามาถึงปราสาทอย่างรวดเร็วโดยที่จ้าวอสูรขวงล่วนเป็นคนออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง หลิงฮันเปิดเผยการมีอยู่ของดินแดนแห่งเซียนให้อีกฝ่ายรับรู้ ซึ่งแน่นอนว่าจ้าวอสูรขวงล่วนตกตะลึงเป็นอย่างมาก สิ่งที่หลิงฮันเล่าทำให้ความเชื่อหลายล้านปีของเขาพังทลาย
เพียงแต่จ้าวอสูรก็ยังเป็นจ้าวอสูร อีกฝ่ายยอมรับความเป็นจริงได้อย่างรวดเร็ว
หลิงฮันสัญญากับจ้าวอสูรขวงล่วนว่าวันใดที่เขาสามารถเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียนได้เขาจะพาอีกฝ่ายไปที่ดินแดนแห่งเซียนด้วย เขาทิ้งบันทึกคัดลอกทักษะบ่มเพาะระดับจ้าวอสูรดำ จ้าวอสูรปฐพีและจ้าวอสูรสวรรค์เอาไว้ให้มากมาย อันที่จริงเพียงแค่หนึ่งหรือสองทักษะก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้จ้าวอสูรขวงล่วนดวงตาถลนออกจากเบ้า
“หลิงฮัน พี่สาวทั้งสองอยู่ไหน?” ในขณะที่หลิงฮันเดินออกมาจากปราสาทของจ้าวอสูรขวงล่วนเขาก็พบกับอูเจวี๋ยที่เข้ามาทักทาย
หลิงฮันเตะก้นอีกฝ่ายและกล่าว “พวกนางเป็นภรรยาข้า เจ้าอย่าได้คิดเพ้อฝันถึงพวกนางอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าเป็นขันที!”
ม่อหลีตามมากล่าวอำลาเขาเช่นกันซึ่งหลิงฮันก็ได้เล่าให้นางฟังว่าขีดจำกัดของระดับวารีนิรันดร์คือดวงดาวสิบล้านดวง ม่อหลีที่รับรู้เรื่องนี้ก็เผลอตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ถือว่าหาได้ยากนักที่สีหน้าของนางจะมีการเปลี่ยนแปลง
หลิงฮันบอกเคล็ดวิธีฝึกฝนต่างๆของดินแดนต้องห้ามที่โอวหยางไท่ซานแนะนำกับเขาให้แก่นาง กับสหายเขาไม่เคยหวงความรู้อยู่แล้วโดยเฉพาะศาสตร์วรยุทธ
เขาออกเดินทางอีกครั้งไปยังเขตดวงดาวเมฆาเยือกแข็งเพื่อพบกับจ้าวอสูรป้าเจี้ยน
บุญคุณที่จ้าวอสูรขวงล่วนกับจ้าวอสูรป้าเจี้ยนออกหน้าปกป้องเขาอย่างกล้าหาญนั้นเขาไม่เคยลืม
หลิงฮันสัญญาเช่นกันว่าจะพาจ้าวอสูรป้าเจี้ยนไปยังดินแดนแห่งเซียนด้วยและทิ้งสมบัติต่างๆเอาแทนคำขอบคุณ
“หลิงฮัน เจ้าต้องอย่าลืมกลับมาพบข้าอีก” เมื่อเขาเดินออกจากที่พักจ้าวอสูรป้าเจี้ยน จูเซวียนก็เอ่ยทักเขาด้วยเสียงหวาน
หลิงฮันไม่รู้สึกอะไรกับนางเพราะงั้นเขาจึงกล่าวออกไปตรงๆ “แม่นางจู ข้ามีภรรยาอยู่หลายคนแล้ว ข้าว่าเจ้าน่าจะ…”
“ไม่ต้องพูดต่อ!” นางไม่รอให้เขากล่าวจบก็ยกมือขึ้นมาปิดหูและวิ่งหนีไป
หลิงฮันถอนหายใจและหวังว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นอุปสรรคในการบ่มเพาะพลังของนาง
อุปกรณ์บินแหวกเมฆาทะยานขึ้นสู่อวกาศอีกครั้งและมุ่งหน้าไปยังสนามรบสองดินแดน
อันที่จริงนอกจากสนามรบสองดินแดนแล้ว ดินแดนใต้พิภพมีเส้นทางสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกมากมาย เพียงแต่ว่าหลิงฮันไม่คุ้นชินกับเส้นทางอื่นๆ
อุปกรณ์บินแหวกเมฆาลอยไปตามอวกาศโดยไม่หยุดพัก ส่วนหลิงฮันก็เข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬเพื่อบ่มเพาะพลัง
สองปีต่อมาในที่สุดเขาก็มาถึงสนามรบสองดินแดน สองปีที่ผ่านมาพวกเขาทุกคนมีการพัฒนาขึ้นมาก สตรีนกอมตะไม่เพียงทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์แต่ยังบรรลุขั้นกลางแล้วอีกด้วย ส่วนจักรพรรดินีนั้นพลังบ่มเพาะในตอนนี้ของนางคือระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์สูงสุดและกำลังพยายามขัดเกลาเพื่อบรรลุเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์
ในทางกลับกัน หลิงฮันคือคนที่มีพัฒนาการน้อยที่สุด เขาพึงจะบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงชั้นสูงสุดและจำเป็นต้องขัดเกลารากฐานให้มั่นคงก่อนถึงจะทะลวงผ่านขั้นสูงสุดได้
“หลังจากกลับสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลฮูคงตรวจจับบ่วงอาฆาตที่ข้าสังหารฮูเฟิงพบและต้องเกิดการปะทะอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่ข้าได้เหลือวาสนาศักดิ์สิทธิ์ครั้งสุดท้ายไว้สำหรับตระกูลฮูแล้วเช่นกัน!” หลิงฮันพึมพำกับตัวเอง
พวกเขาทุกคนออกจากอุปกรณ์บินแหวกเมฆาและเดินผ่านสนามรบสองดินแดนด้วยตัวเอง
ตอนนี้ทั้งสามคือจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ ซึ่งในสนามรบสองดินแดนแห่งนี้กล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นตัวตนไร้เทียมทานที่สุด หลังจากเข้าสู่อาณาเขตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สภาพแวดล้อมของสวรรค์และปฐพีก็เปลี่ยนไป
สตรีนกอมตะที่ไม่สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองได้พลังต่อสู้ลดลงหวบทันที
พวกเขาเยี่ยมเยือนธิดาซื่อเยว่อีกครั้งและร่วมแสดงความยินดีที่ในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ธิดาซื่อเยว่สามารถทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ได้สำเร็จ แต่แน่นอนว่าฝ่ายที่ตกตะลึงอย่างมากคือธิดาซื่อเยว่ นางไม่คาดคิดว่าพัฒนาการของทั้งสามคนจะรวดเร็วเพียงนี้
หลิงฮันทิ้งทรัพยากรบ่มเพาะไว้เช่นเคย หลังจากอำลาธิดาซื่อเยว่เรียบร้อยสตรีนกอมตะก็เอ่ย “พวกเราจะกลับไปดาวเหอหนิงหรือดาวดาวมู่ถู?”
“ดาวมู่ถู” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความลังเล เขายังมีเรื่องที่ต้องทำที่นั่นอยู่อีก อย่างเช่นเขาต้องการให้หลงเซียงเยว่พาไปพบกับอาสาวของนางเพื่อขอเขามังกร
ภรรยาของเขาทั้งสองย่อมไม่คัดค้าน พวกเขาใช้อุปกรณ์บินแหวกเมฆาเดินทางอีกครั้งโดยมุ่งหน้าไปดาวมู่ถู
การเดินทางคราวนี้ใช้เวลาไม่มาก ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนพวกเขาก็มาถึงดาวมู่ถู อุปกรณ์บินแหวกเมฆาแล่นลงจอดอย่างเงียบเฉียบโดยไม่รบกวนใคร
พวกหลิงฮันทั้งสามคนมุ่งหน้ามายังสำนักย่อยที่แปดด้วยท่าทีสบายใจราวกับไม่เคยมีเหตุการณ์บาดหมางกับตระกูลฮูเกิดขึ้น
“ละ ละ หลิงฮัน!” ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวหน้าทางเข้าสำนัก เหล่าคนที่พบเห็นพวกเขาก็แสดงท่าทีตกตะลึง มีศิษย์คนหนึ่งเกรี้ยวกราดจนทนไม่ไหวและปล่อยหมัดเข้าใส่หลิงฮัน “ตัวบัดซบ เจ้ายังกล้ากลับมาอีก!”
จักรพรรดินีก้าวขึ้นหน้าและผลักฝ่ามือออกไป ‘ตูม’ ร่างของศิษย์ที่ปล่อยหมัดใส่หลิงฮันถูกส่งลอยกระเด็น ต่อหน้าจักรพรรดินีในตอนนี้ไม่ว่าไช่เหมี่ยว เริ่นเฟยอวิ๋น หรือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดคนอื่นๆก็ไม่สามารถนับเป็นอันใด
หลิงฮันยิ้มและห้ามปรามไม่ให้จักรพรรดินีลงมือต่อ “มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะกลับมาไม่ได้?”
“สำนักละอองดาราย่ำแย่เพราะเจ้า” ศิษย์คนนั้นฝืนลุกขึ้นยืนและคำรามใส่หลิงฮัน
หลิงฮันจิตใจสั่นสะท้าน ในตอนนั้นที่เขาสร้างปัญหาดูเหมือนตระกูลฮูจะไม่ปล่อยสำนักละอองดาราไปง่ายๆ เขาพยักหน้าและกล่าว “เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ข้าจากไป?”
หลังจากถามอย่างละเอียดถี่ถ้วนเขาก็ได้คำตอบว่าตระกูลฮูนั้นไม่ได้ลงมือสังหารใครในสำนักละอองดารา แต่พวกเขาเลือกที่จะขูดรีดทรัพยากรของสำนักไปแทน
ในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เหล่าศิษย์ของสำนักพบเจอกับความลำบากเป็นอย่างมากเนื่องจากทรัพยากรที่แจกจ่ายนั้นมีไม่เพียงพอ ซึ่งต้นเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้ก็คือหลิงฮัน
หลิงฮันลูบคางและตัดสินใจว่าเขาจะเอาคืนตระกูลฮูโดยการแย่งชิงทรัพยากรกลับคืนมาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า
“หลิงฮัน!” ศิษย์อีกคนพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับจิตสังหาร
ไช่เหมี่ยว!
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ศิษย์พี่ไช่ ไม่ได้พบกันเสียนาน! แม้ศิษย์พี่จะพยายามกดดันข้าต่างๆนาๆอย่างน้อยข้าก็ยังคิดว่าท่านเป็นหนึ่งในราชาแห่งยุค แต่ในตอนที่ท่านยอมเป็นสุนัขรับใช้ให้ภรรยาเซียนจูงหางนั้น ข้าได้เปลี่ยนความคิดทันทีและรู้สึกขยะแขยงท่านเป็นอย่างมาก!”
“ไม่ต้องพล่ามไร้สาระ!” ไช่เหมี่ยวชี้นิ้วใส่หลิงฮัน “คนที่หวาดกลัวความตายจนหนีหากจุกตูดและทิ้งความรับผิดชอบให้สำนักเช่นเจ้ายังมีหน้ากลับมาอีกรึ! วันนี้… ข้าจะเป็นคนลงโทษเจ้าเอง!”