เซียนซิงฉาจิตใจสั่นสะท้าน ไม่ใช่ว่าเขาไม่กล้าให้หลิงฮันปรากฏตัวออกมา หลิงฮันเคยบอกพวกเขาแล้วว่าหากตระกูลฮูปรากฏตัว หลิงฮันก็มีไพ่ลับที่สามารถช่วยยกระดับพลังบ่มเพาะให้เป็นราชาเซียนได้
เขากวาดสายตามองไปยังไช่เหมี่ยวด้วยความไม่สบอารมณ์ หากไม่ใช่เพราะศิษย์คนนี้เรื่องก็อาจจะผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว
ที่เซียนซิงฉาคิดเช่นนี้ก็เพราะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของบ่วงอาฆาต
“หืม?”
ฮูลั่วชะงักเล็กน้อย จู่ๆเขาก็สัมผัสได้ว่าบ่วงอาฆาตมีการเคลื่อนไหว แววตาอันแก่ชราของเขาหรี่ลงก่อนจะพบเห็นร่างเงาที่เหาะเหินมาจากระยะไกล ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นแดงฉานทันทีเนื่องจากเงาที่กำลังลอยมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากศัตรูคู่แค้นของตระกูลฮู
นับว่าน่าตลกไม่น้อยที่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์สามารถเป็นศัตรูคู่แค้นของดินแดนต้องห้ามได้ แต่ความจริงก็คือความจริง เซียนของตระกูลฮูตกตายด้วยเงื้อมมือหลิงฮันไปแล้วสองคน
เซียนถึงสองคน!
ต่อให้เป็นดินแดนต้องห้ามตัวตนระดับเซียนก็ไม่ได้มีเยอะ ในตระกูลฮูมีเซียนอยู่เพียงสิบคนเท่านั้น และกว่าที่แต่ละคนจะบรรลุเป็นเซียนได้ไม่รู้ว่าพวกเขาทุ่มเททรัพยากรอย่างสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำไปมากมายเพียงใด
เหนือสิ่งอื่นใดคือฮูเฟิงนั้นเป็นความหวังในอนาคตของตระกูลฮู
“ข้าคงไม่ได้มาช้าหรอกนะ?” หลิงฮันยิ้ม เขากวาดสายตามองตระกูลฮูที่อยู่บนแท่นผู้ชมลานประลองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ฮูลั่วพยายามระงับอารมณ์เอาไว้และกล่าว “ในเมื่อมากันครบแล้วก็เริ่มการประลองได้ จริงสิ ข้ารู้สึกถูกชะตารุ่นเยาว์เมื่อครู่ไม่น้อย ให้เขาเข้าร่วมกับตระกูลฮูของพวกเราด้วยแล้วกัน”
“ขอรับท่านประมุข!” เซียนทุกคนของตระกูลฮูยิ้มและพยักหน้า
ไช่เหมี่ยวที่ได้ยินก็กัดฟันและโค้งคำนับฮูลั่ว “ขอขอบคุณผู้อาวุโส!” ตอนนี้เขาอยู่ในสถานะอันเป็นปฏิปักษ์กับสำนักละอองดาราอย่างสิ้นเชิงและไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว
ศิษย์ทุกคนจ้องมองไปยังไช่เหมี่ยว พวกเขาทุกคนไม่มีความรู้สึกเป็นมิตรต่อตระกูลฮูแม้แต่น้อย เพราะงั้นการกระทำของไช่เหมี่ยวจึงทำให้ศิษย์ทุกคนเกรี้ยวกราดมากจนอยากลงมือสังหารเขา
ไช่เหมี่ยวแสร้งทำเป็นไม่เห็น ในเมื่อเขามาถึงจุดนี้แล้วก็ไม่อาจถอยหลังกลับได้
ฮูลั่วยิ้มและสะบัดมือเข้าหาไช่เหมี่ยว “รับไป!” ทันใดนั้นคลื่นแสงลึกลับก็ทะลวงผ่านเข้าสู่ร่างของไช่เหมี่ยว “เจ้าเป็นคนแรกที่จะประลอง”
ไช่เหมี่ยวตกตะลึงก่อนจะรู้สึกตื่นเต้น
เขาพบว่าพลังในร่างกายของเขามีอำนาจอันทรงพลังไหลผ่าน ไช่เหมี่ยวรู้สึกว่าตัวเขาในตอนนี้เพียงแค่หมัดเดียวก็สามารถบดขยี้สวรรค์และปฐพีได้
เหล่าคนของตระกูลฮูแสยะยิ้ม สิ่งที่ไช่เหมี่ยวได้รับไปเมื่อครู่คืออำนาจที่สามารถกระตุ้นศักยะภาพของจอมยุทธคนหนึ่งให้ปลดปล่อยพลังแฝงออกมาได้อย่างเต็มที่ทำให้พลังต่อสู้ทะยานสูงขึ้นในระยะสั้นๆ แต่หลังจากหมดสิ้นพลังแล้วจอมยุทธผู้นั้นจะกลายเป็นเพียงขยะไร้ค่า
เป็นแค่มดปลวกคิดจริงๆรึว่าจะได้เข้าร่วมกับตระกูลฮูจริงๆ?
ไช่เหมี่ยวไม่รับรู้ผลที่จะตามมาจากการที่ตนเองมีพลังต่อสู้ทะยานสูงขึ้นแม้แต่น้อย เขาคุกเข่าและกล่าว “ขอบคุณผู้อาวุโสเป็นอย่างยิ่ง ข้าน้อยจะไม่ทำให้ผู้อาวุโสผิดหวัง!”
เขาทะยานก้าวออกมาและตะโกนลั่น “ใครจะเป็นคู่ประลองให้ข้า!”
ศิษย์ทุกคนไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง พวกเขาไม่เคยพบเจอใครที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน!
“ข้าเอง!” ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งก้าวออกมา เขาเป็นสุดยอดราชาของสำนักย่อยที่สาม มีชื่อว่าฉือเติง
“ฮ่าๆๆๆ!” ไช่เหมี่ยวไม่พูดกล่าวและปล่อยหมัดออกไปทันที ‘ตูม ตูม ตูม’ ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ฉือเติงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อยและถูกซัดลอยกระเด็นออกจากลานประลองอย่างรวดเร็ว
“ช่างอ่อนหัดนัก!” ไช่เหมี่ยวถุยน้ำลาย “คนต่อไป!” เขากวัดมือท้าทายด้วยท่าทางอวดดี
“ข้า!”
“ข้าเอง!”
“ให้ข้าจัดการ!”
ไม่คาดคิดว่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดถึงสี่คนจะก้าวไปยังลานประลองพร้อมกัน เริ่นเฟยอวิ๋นก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ให้ข้าจัดการเอง พวกเจ้าถอยไป”
“ไม่ ให้ข้าเอง!”
ทั้งสี่คนแย่งกันท้าประลองไช่เหมี่ยว
“ฮ่าๆ พวกเจ้ามาพร้อมกับนั่นแหละ!” ไช่เหมี่ยวแสยะยิ้ม เขาสัมผัสได้ว่าพลังภายในร่างของเขานั้นยังคงแผ่ขยายขึ้นเรื่อยๆ แม้จำนวนของดวงดาวในวิถีโคจรดาราจักรจะไม่เพิ่มขึ้น แต่อำนาจของดาวแต่ละดวงกลับทรงพลังขึ้นหลายสิบเท่า
เขาพุ่งทะยานปลดปล่อยการโจมตีใส่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสี่คนพร้อมกัน
‘ตูม ตูม ตูม’ พลังต่อสู้ของเขาน่าสะพรึงกลัวเกินไป ต่อให้ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสี่จะร่วมมือกันก็ยังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ฮ่าๆๆ ข้าคือราชาที่แท้จริงแห่งยุคสมัย!” ไช่เหมี่ยวหัวเราะลั่น แม้ตอนนี้ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสี่จะยังไม่พ่ายแพ้ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังในร่างยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นานศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสี่จะถูกเขาบดขยี้อย่างแน่นอน
ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หลังจากผ่านไปอีกสิบกว่ากระบวนท่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสี่ก็ถูกไช่เหมี่ยวกำราบอย่างราบคาบ พวกเขาแต่ละคนกระอักโลหิตออกมาและกระดูกในร่างแตกหักไปกว่าครึ่ง
“คนต่อไป!” ไช่เหมี่ยวกล่าวด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโสยิ่งกว่าเดิม
เห็นท่าทางอวดดีของอีกฝ่าย ศิษย์ทุกคนก็อดที่จะเกรี้ยวกราดไม่ได้ เพียงแต่ว่าขนาดศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสี่คนร่วมมือกันก็ยังเอาชนะเอาไว้ได้ ความแข็งแกร่งของไช่เหมี่ยวในตอนนี้อาจจะต้องให้ศิษย์ที่แข็งแกร่งถึงสิบคนในการกำราบ
แต่การประลองจะมีความหมายอะไรหากต้องให้จอมยุทธถึงสิบคนร่วมมือกันเพื่อเอาชนะ?
“ไม่มีใครเสนอตัวแล้ว?” ไช่เหมี่ยวกวาดสายตามองด้วยความเหยียดหยาม
ทุกคนเกรี้ยวกราดจนเผลอกำมือแน่น เพียงแต่ว่าไช่เหมี่ยวในตอนนี้แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาทำได้เพียงจ้องมองท่าทีอวดดีของเขาโดยที่ไม่สามารถอะไรได้
ช่างน่ารังเกียจนัก!
‘พรึบ’ แต่ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏตัว ความงดงามของนางนั้นเจิดจรัสจนทำให้แสงของดวงตะวันเลือนลาง
จักรพรรดินีหล่วนซิง!
“โอ้?” พริบตาที่เห็นจักรพรรดินี ฮูลั่วและเซียนคนอื่นก็จิตใจสั่นไหวทันที พวกเขาเกิดความรู้สึกอยากจะครอบครองสตรีตรงหน้า
ในด้านของการควบคุมอารมณ์พวกเขาถือว่าด้อยกว่าเซียนซิงฉาและเซียนทั้งเก้า
นั่นเพราะพวกเซียนซิงฉานั้นมีความมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่และชี้แนะศาสตร์แห่งวรยุทธ พวกเขาให้ความสำคัญกับพรสวรรค์ของจักรพรรดินีเป็นหลัก แต่พวกฮูลั่วนั้นไม่ใช่ พวกเขาไม่มีสายสัมพันธ์ของศิษย์กับอาจารย์ และถึงแม้จะมีอายุมานานจนแก่เฒ่าแล้วพวกเขาก็ยังมีความต้องการหลงเหลืออยู่