ฮูหยางเฉินกวักนิ้วยุแหย่หลิงฮัน เขาได้รับหน้าที่ไล่ต้อนหลิงฮันให้จนมุมเพื่อที่ผู้ช่วยเหลือที่อยู่เบื้องหลังหลิงฮันจะได้ปรากฏตัวออกมา
เขาไม่ต้องกังวลว่าเซียนซิงฉาหรือเซียนอีกเก้าคนจะแทรกแซง เนื่องจากประมุขของเขาสามารถจัดการเซียนเหล่านั้นได้
หลิงฮันกระโดดลงมาจากแท่นผู้ชมและเผยรอยยิ้ม
“หลิงฮัน ข้าขอแนะนำให้เจ้ามอบสมบัติของราชันวารีสวรรค์มาแต่โดยดีแล้วศพของเจ้าจะครบสามสิบสอง” ฮูหยางเฉินกล่าวอย่างไม่แยแส ในสายตาของเขาการต่อสู้ครั้งนี้ไม่คู่ควรให้เขาลงมือเองเลยด้วยซ้ำ
นั่นเพราะเขาคือจอมยุทธที่ขัดเกลาดวงดาวได้เกือบจะถึงสามล้านดวง!
หลิงฮันมองไปยังฮูหยางเฉินและกล่าว “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอแนะนำเจ้าบ้าง เจ้าอยากให้ร่างของตนเองแหลกเป็นเศษซากหรือสลายเป็นขี้เถ้า?”
“ช่างปากดี!” ฮูหยางเฉินยิ้มเย็นชาและโคจรพลังในใจ ทันใดนั้นวงโคจรวิถีดาราจักรของเขาก็ปรากฏออกมา ดวงดาวนับไม่ถ้วนภายในวงโคจรวิถีดาราจักรระเบิดแสงสว่างเจิดจ้าไร้ที่สิ้นสุด
พรวด!
ศิษย์ทุกคนสำลัก ปากของพวกเขาแต่ละคนกระตุกไปมาราวกับทำใจเชื่อสิ่งที่สายตาตัวเองเห็นไม่ได้
ดวงดาวเกือบสามล้านดวง!
นั่นไม่ใช่พลังที่เทียบเท่าเซียนแล้วหรอกรึ?
แข็งแกร่งเกินไป…
หลิงฮันไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของฮูหยางเฉินได้แน่นอน
“ศิษย์พี่หลิง อีกฝ่ายมีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ส่วนท่านมีพลังอยู่ที่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง การต่อสู้นี้ไม่มีความยุติธรรมแม้แต่น้อย”
“ใช่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องฝืนสู้ก็ได้”
ศิษย์หลายคนกล่าวกับหลิงฮัน หากยังฝืนสู้ต่อไปหลิงฮันอาจจะตายขึ้นมาจริงๆ
“เริ่มคิดอยากหนีแล้วรึ?” ฮูหยางเฉินแสยะยิ้มและปล่อยฝ่ามือออกไป อำนาจของวงโคจรวิถีดาราจักรระเบิดออกและควบแน่นกันเป็นเหยี่ยวครามขนาดมหึมาพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
แววตาของหลิงฮันส่องประกายเย็นชา ใต้ฝ่าเท้าของเขาระเบิดพลังออกมาเพื่อส่งร่างพุ่งทะยานเข้าหาฮูหยางเฉิน
ส่วนเหยี่ยวครามที่อยู่ตรงหน้านั้น หลิงฮันไม่มีความคิดที่จะหลบ
‘นี่หลิงฮันรนหาที่ตายรึ?’
ฮูหยางเฉินแสยะยิ้มในขณะที่ศิษย์คนอื่นรู้สึกหวาดผวา
“มิติเอกเทศ!” หลิงฮันกล่าวเบาๆ ‘พรึบ’ เมื่อเหยี่ยวคราวมาถึงด้านหน้าเขาจู่ๆมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่หลิงฮันไม่ได้ตอบโต้ใดๆแม้แต่น้อย ร่างของเขาพุ่งทะยานไปปรากฏด้านหน้าฮูหยางเฉินอย่างรวดเร็ว
เป็นไปได้อย่างไร!
ดวงตาฮูหยางเฉินเปิดกว้างด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ จู่ๆการโจมตีของเขาก็หายไปอย่างสมบูรณ์! หากหลิงฮันลงมือตอบโต้เขาก็ยังพอยอมรับได้และมีเวลาเตรียมตัวรับมือต่อได้ทัน
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนทำให้ตัวเขาอยู่ในสภาพไร้การป้องกันอย่างสิ้นเชิง
‘ตูม’ หมัดของหลิงฮันถูกปล่อยออกไป
“ฮึ่ม!” ฮูหยางเฉินไม่ตื่นตัว ถึงแม้เขาจะไม่ได้เตรียมพร้อมแต่พลังต่อสู้ของเขาก็เหนือกว่าหลิงฮันไม่รู้กี่เท่า ต่อให้ไม่ต้องควบแน่นพลังทั้งหมดและใช้ออกด้วยพลังเพียงหนึ่งในสิบเขาก็ยังสามารถบดขยี้หลิงฮันได้อยู่ดี
หากวัดเพียงแค่พลังต่อสู้อย่างเดียวแล้วล่ะก็ ตัวเขาสามารถเทียบเท่ากับได้กับเซียน!
หมัดของหลิงฮันพุ่งออกไปอย่างรุนแรง ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง รูปแบบอาคมสังหารทั้งยี่สิบเจ็ดก็ถูกกระตุ้นใช้งานส่งผลให้พลังต่อสู้ของหลิงฮันเพิ่มขึ้นราวกับไม่มีขีดจำกัด
เขาตั้งใจสังหารฮูหยางเฉินให้จบในพริบตาเพื่อที่ตระกูลฮูจะได้ไม่มีโอกาสแทรกแซงช่วยเหลือได้ทัน!
เหล่าเซียนมองออกอย่างรวดเร็วว่าภายในร่างกายของหลิงฮันมีรูปแบบอาคมสังหารจำนวนมากสลักเอาไว้ แต่นอกจากเซียนหมิงซินแล้วไม่มีใครเลยที่สามารถมองเห็นจำนวนของรูปแบบอาคมสังหารได้อย่างชัดเจนจากการมองเพียงแวบเดียว
หากรูปแบบอาคมสังหารถูกกระตุ้นใช้งานก่อนปล่อยหมัด เหล่าเซียนจะสามารถมองออกแน่นอนว่าพลังของมันนั้นน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน แต่หากรูปแบบอาคมสังหารถูกกระตุ้นหลังปล่อยหมัด ต่อให้เป็นเซียนของตระกูลฮูก็ไม่อาจแทรกแซงได้ทัน
ตูม!
ทันทีที่หมัดเข้าปะทะ ร่างของฮูหยางเฉินก็ระเบิดออกอย่างไม่อาจต้านทานและกลายเป็นฝนโลหิต
‘พรึบ’ ในเวลาเดียวกัน เหยี่ยวครามที่ฮูหยางเฉินปลดปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ก็ปรากฏกลับออกมาและสลายหายไป
เหล่าคนที่มองดูอยู่ตกตะลึงนิ่งเงียบไร้คำพูด
ใครจะไปคิดว่าปรมาจารย์ที่ควบแน่นดวงดาวได้เกือบสามล้านดวงจะตายด้วยเงื้อมมือของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง!
ฮูลั่วชะงักไปชั่วครู่ ความเกรี้ยวกราดของเขาปะทุออกมาจนส่งผลให้ชั้นอากาศสั่นสะเทือน เซียนซิงฉาที่อยู่ใกล้ๆร่างสั่นสะท้านและแทบจะทรุดตัวลงไปกับพื้น
ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเซียนซิงฉาหวาดกลัวหรือไม่ ที่เซียนซิงฉาตกอยู่ในสภาพนี้เป็นเพราะแรงกดดันจากระดับพลังที่เหนือกว่า
ฮูลั่ววางแผนต้อนหลิงฮันให้จนมุมเพื่อที่ขุมอำนาจเบื้องหลังหลิงฮันจะได้โผล่หัวออกมาและเขาจะตัดสินใจลงมืออย่างไรต่อไปก็ขึ้นอยู่กับสถานะการ เรื่องนี้อาจจะจบลงอย่างสันติหรือไม่ก็นองเลือด
แต่ที่ไม่คาดคิดคือ ขุมอำนาจเบื้องหลังหลิงฮันยังไม่ทันปรากฏตัวเลยแท้ๆ ทายาทที่โดดเด่นคนหนึ่งของตระกูลฮูกลับถูกสังหารเสียแล้ว
อารมณ์อันบูดบึ้งของเขาส่งผลให้ผมขาวโพลนสยายชี้ฟ้าและมีเปลวเพลิงปรากฏออกมารอบเส้นผม นี่แสดงให้เห็นว่าฮูลั่วในตอนนี้กำลังเกรี้ยวกราดขนาดไหน
“ตงผิง เจ้าไปจัดการเจ้าหนูนั่น!” ฮูลั่วกล่าวเสียงต่ำออกคำสั่งเซียนตระกูลฮูผู้หนึ่ง
“น้อมรับคำสั่งท่านประมุข!” เซียนผู้นั้นเอ่ยรับคำสั่ง เขาคือเซียนลำที่ห้าของตระกูลฮู ชื่อของเขาคือฮูตงผิงเป็นเซียนระดับกลาง
“ผู้อาวุโส!” เซียนซิงฉาลุกขึ้นและคิดจะห้าม แต่เมื่อถูกฮูลั่วจ้องมองด้วยแววตาโหดเหี้ยม เขาก็ต้องกลับมานั่งลงเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
ต่อหน้าราชาเซียน ต่อให้เขาจะเป็นเซียนระดับสูงก็ไม่มีคุณสมบัติต่อต้าน
เซียนหมิงซินและเซียนคนอื่นๆขมวดคิ้ว หากเซียนระดับกลางลงมือเอง ต่อให้เป็นพวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ แล้วหลิงฮันจะต้านทานไหวได้อย่างไร?
“เจ้าหนู ใครอยู่เบื้องหลังเจ้ากันแน่เจ้าถึงได้กล้าเป็นศัตรูกับตระกูลฮูของข้า?” ฮูตงผิงเอ่ยถามอย่างเย็นชา
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย “เจ้าหวาดกลัวรึ? เกรงว่าหากข้าบอกไปเจ้าจะกลัวหัวหดจนต้องคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอชีวิตที่ต่ำช้าราวกับสุนัขของเจ้าน่ะสิ”
“สุนัขน้องสาวเจ้าน่ะสิ! รับฝ่าเท้าของข้าไป!” ‘พรึบ’ เงาดำร่างหนึ่งพุ่งทะยานเข้ามาและใช้เท้าถีบเข้าใส่หลิงฮัน
เป็นเจ้าสุนัขตัวดำ!
หลิงฮันสะบัดมือ ทันใดนั้นร่างของสุนัขตัวดำก็หายไป เขาขยับถอยหลังหลบมาจากจุดเดิม ‘พรึบ’ ร่างของสุนัขตัวดำปรากฏอีกครั้งโดยที่เท้าของมันสัมผัสโดนเพียงอากาศที่ว่างเปล่าและร่วงกระแทกพื้น
“ฮึ่ม เจ้าหนูตัวเหม็น นี่เจ้าไปเรียนรู้ทักษะแปลกประหลาดอันใดมา?” สุนัขตัวดำยกขาหลังขึ้นมาเกาคอ
“ถ้าเจ้าไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนก็ไม่ต้องถูกสวรรค์ลงโทษแบบนั้น” หลิงฮันยิ้ม
ฮูตงผิงที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้ารู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก นี่หลิงฮันกับสุนัขตนนั้นต้องดูถูกเขาขนาดไหนกันถึงขนาดกล้าพูดคุยกันโดยไม่เห็นหัวเขาที่ยืนอยู่ต่อหน้า?
“ตาย!” เขาปล่อยฝ่ามือขวาออกไปเพื่อกำราบหลิงฮันและสุนัขตัวดำ