การต่อสู้ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่กว่าข่าวจะแพร่กระจายออกไปให้รู้กันทั่วก็คงต้องใช้เวลาเนื่องจากจักรวาลนั้นกว้างใหญ่เกินไป
การใช้ชีวิตของหลิงฮันไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม เขาเก็บตัวบ่มเพาะพลังอย่างต่อเนื่องและชี้แนะจักรพรรดิพิรุณ สวีเหลิน ติงผิงและสหายคนอื่นๆเกี่ยวกับการผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองดินแดนโดยให้พวกเขาลองฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพจากภายในหอคอยทมิฬ
หลังจากฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฏหนึ่งเดือน เซียนหวู่เซียง ติงผิง จิ่วเยา สวีเหลินและคนอื่นก็ต้องส่ายหัว พวกเขาผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนไม่สำเร็จ อย่างมากพวกเขาก็พอจะคงสภาพให้พวกเขาอยู่รวมกันได้ทำนั้นแต่ไม่สามารถผสานเป็นหนึ่งเดียวกันได้ และเมื่อออกจากหอคอยทมิฬอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพที่พวกเขาฝึกฝนมาจะถูกสวรรค์และปฐพีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลบล้างหายไปทันที
มีเพียงจักรพรรดิพิรุณที่ฝืนดันทุรันฝึกฝนต่อ และสองเดือนต่อมาเขาก็สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองได้สำเร็จ
ถึงแม้จะเป็นเพียงอำนาจกฎเกณฑ์ระดับต่ำสุดของระดับพลังบ่มเพาะ แต่ก็สร้างความตกตะลึงให้ทุกคนเป็นอย่างมาก
หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมพี่สองคนของผู้นี้ จักรพรรดิพิรุณนั้นไม่มีหอคอยทมิฬหรือทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์ เขาพัฒนาทุกอย่างขึ้นมาด้วยตัวของเขาเองทีละก้าว
คนผู้นี้คืออัจฉริยะแห่งวิถีวรยุทธอย่างแท้จริง
ทุกคนได้รับเม็ดยามามากจากหลิงฮันทำให้พวกเขาทุกคนใกล้จะบรรลุระดับวารีนิรันดร์แล้ว
หลิงฮันพยักหน้า หากทุกคนทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์เมื่อไหร่เขาคงต้องพัฒนาเม็ดยาใหม่อีกครั้งเพื่อไม่ให้ประสิทธิภาพของเม็ดยารุนแรงเกินไป
ทุกวันนี้หากไม่คิดค้นเม็ดยาเขาก็จะไปเรียนรู้ศาสตร์รูปแบบอาคมกับเซียนหมิงซินหรือไม่ก็สะสมปราณก่อเกิดเพื่อทะลวงผ่านเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด
สามเดือนต่อมา จักรพรรดินีควบแน่นสร้างดวงดาวในวิถีโคจรดาราจักรถึงหนึ่งล้านดวงได้สำเร็จ หรือก็คือนางก้าวสู่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์อย่างเต็มตัวแล้ว!
เมื่อทะลวงผ่านขั้นพลังก็ต้องรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ เพียงแต่ว่าจักรพรรดินีมีร่างแยกทั้งเก้าที่สามารถช่วยกันแบ่งเบาความรุนแรงของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้ กล่าวคือความรุนแรงของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่นางได้รับนั้นจะอ่อนพลังลงถึงสิบส่วน
ถัดจากนางหลิงฮันก็สะสมปราณก่อเกิดพร้อมแล้วเช่นกัน เขาทำการทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดและรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
เขาสลายพลังป้องกันเพื่อใช้ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ขัดเกลากายหยาบ
‘ครืนน’ ในขณะเดียวกันนี้เองคลื่นแสงแห่งเต๋าก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า อำนาจแห่งเซียนปกคลุมไปทั่วอากาศ
เซียนซิงฉาและเซียนคนอื่นๆปรากฏตัวพร้อมกัน อีกฝ่ายที่มาจะต้องเป็นตัวตนระดับเซียนไม่ผิดแน่
“ข้าคือชิงอวี่จากดินแดนต้องห้ามรุ้งพิสุทธิ์” เมื่อคลื่นแสงแห่งเต๋าสลายไปก็ปรากฏร่างของเซียนผู้หนึ่งกับรุ่นเยาว์อีกสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ทั้งสามคนเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่ไม่ว่าคนไหนก็มีกลิ่นอายดั่งมังกรในหมู่มนุษย์
“คารวะผู้อาวุโส!” เซียนซิงฉารีบทำการคำนับ อีกฝ่ายคือราชาเซียน!
ชิงอวี่พยักหน้าก่อนจะหันไปมองบนท้องฟ้า เมื่อเห็นหลิงฮันที่กำลังสลายพลังป้องกันกายหยาบของตัวเองเพื่อรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เขาก็แสดงท่าทางตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
“รุ่นเยาว์ผู้นั้น… คือหลิงฮัน?” เขาเอ่ยถาม
“ผู้อาวุโสเดาไม่ผิด!” เซียนซิงฉากล่าวตอบอย่างสุภาพ เพียงแต่ภายในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสลดเล็กน้อย แต่เดิมแล้วในเขตดวงดาวนับร้อยนี้เขาเคยเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดแท้ๆ แต่พักนี้กลับมาราชาเซียนหลายคนปรากฏตัวจนเขาต้องลดตัวลงมาแสดงความเคารพต่ออีกฝ่าย
ชิงอวี่แน่นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “เหล่าเซียนของดินแดนต้องห้ามแปดศิลาตกตายที่นี่?”
“ขอรับ” เซียนซิงฉากล่าวหนักแน่น ดูเหมือนในที่สุดข่าวการต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็แพร่งพรายไปถึงหูดินแดนต้องห้ามอื่นๆ
“เล่าเหตุการณ์มาให้ละเอียดหน่อย” เซียนชิงอวี่กล่าว
เซียนซิงฉาเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดจากมุมมองของเขาออกไปพร้อมกับดึงภาพจากความทรงจำของเขาในช่วงเวลานั้นให้อีกฝ่ายดู
ภาพที่ปรากฏคือราชาเซียนทั้งสองร่วมมือกันโจมตีหลิงฮัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกหลิงฮันสังหารภายในสามกระบวนท่า เซียนชิงอวี่ที่เห็นเช่นนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
ก่อนหน้านี้แม้เขาจะยืนยันการหายตัวไปขอราชาเซียนตระกูลฮูทั้งสองได้แล้ว แต่เขาก็ยังมีความสงสัยอยู่ว่าจะอาจจะเป็นฝีมือของดินแดนต้องห้ามอื่นที่ทรงพลังทำการลงมือเองแล้วใช้ชื่อของหลิงฮันก็เป็นได้
แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าการคาดเดาของเขานั้นผิดพลาด รุ่นเยาว์ผู้นี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
รุ่นเยาว์ทั้งสามคนด้านหลังเซียนชิงอวี่ก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาไม่คาดคิดว่าคนที่มีระดับพลังต่ำกว่าแม้กระทั่งพวกเขาจะสามารถสังหารเซียนได้ ที่สำคัญคือเซียนที่ถูกสังหารเป็นถึงราชาเซียนสองคน!
เซียนชิงอวี่สลัดสีหน้าตกตะลึงทิ้งและตัดสินใจได้แล้วว่าจะสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับหลิงฮัน เขาหยุดนิ่งไม่กล่าวอะไรและรอคอยให้หลิงฮันผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เสร็จก่อนค่อยเขาไปพูดคุย
เซียนซิงฉาไม่กล้าเปิดปากแสดงความคิดเห็นหรือไปจากที่นี่ เขาทำได้เพียงยืนนิ่งๆอยู่ข้างกายอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกสลดใจ เขาคาดเดาได้ว่าชิงอวี่เป็นเพียงราชาเซียนคนแรกที่จะมาที่นี่ และหลังจากนี้จะมีเซียนที่ทรงพลังคนอื่นปรากฏตัวเพิ่มขึ้นอีก
ครึ่งวันต่อมาหลิงฮันผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์สำเร็จและโคจรหยดวารีอมตะ ร่างของเขาฟื้นฟูสภาพอย่างสมบูรณ์ราวกับไม่เคยได้รับบาดแผลใดๆมาก่อน แน่นอนว่าสิ่งนี้ย่อมทำให้พวกเซียนชิงอวี่และรุ่นเยาว์ทั้งสามตกตะลึง
“สหายน้อย!” เซียนชิงอวี่โบกมือให้กับหลิงฮันและเผยรอยยิ้ม
หลิงฮันเหินร่างลงมาและกล่าว “คารวะผู้อาวุโส!”
เซียนชิงอวี่แน่นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “สหายน้อย เจ้าสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง แม้แต่ราชาเซียนก็ยังถูกเจ้าสังหาร ต่อหน้าเจ้าข้าไม่กล้าตั้งตัวเป็นผู้อาวุโสหรอก หากเจ้าเกิดไม่พอใจแล้วลงมือสังหารข้าจะทำอย่างไร?” เขาจงใจพูดหยอกล้อ
“เรียกข้าว่าพี่ชายก็ได้” เซียนชิงอวี่กล่าวต่อ
สามรุ่นเยาว์ของดินแดนต้องห้ามรุ้งพิสุทธิ์ตกตะลึง ในมุมมองของพวกเขาประมุขนั้นเป็นคนที่จริงจังตลอดเวลา การที่ได้เห็นอีกฝ่ายพูดล้อเล่นเช่นนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของพวกเขาพังทลายไม่เหลือ
แถมยังจะให้เรียกว่าพี่ชายงั้นรึ?
บ้าไปแล้ว!
หลิงฮันยิ้มตอบและกล่าว “งั้นข้าก็ไม่ขอปฏิเสธ”
หลิงฮันสนทนากับเซียนชิงอวี่อยู่เป็นเวลานาน หัวข้อหลักที่พวกเขาพูดคุยกันคือเรื่องรวมทั้งสองดินแดนให้กลับเป็นหนึ่งเดียว แม้ดินแดนต้องห้ามรุ้งพิสุทธิ์จะไม่ได้เข้าร่วมกับพันธมิตรทลายสวรรค์ แต่อำนาจของพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอและล่วงรู้ถึงวิธีการเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียน
ก่อนหน้านั้นทั้งเรื่องรวมดินแดนทั้งสองและเรื่องเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียนนั้นเป็นเพียงทฤษฎีเพ้อฝัน แต่หลังจากการปรากฏตัวของหลิงฮันและเหตุการณ์ที่เขาสังหารราชาเซียนได้ทำให้ดินแดนต้องห้ามรุ้งพิสุทธิ์เริ่มมีความหวังขึ้นมา
พวกเขาต้องลงเรือลำเดียวกับหลิงฮันหันให้ได้ ต่อให้ผสานดินแดนทั้งสองให้กลับเป็นหนึ่งเดียวได้ไม่สำเร็จพวกเขาก็ยังสามารถให้หลิงฮันพาเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้อยู่ดี
ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆนี้ ราชาเซียนชิงอวี่จึงเดินทางมาด้วยตัวเอง