หลังจากผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ พลังบ่มเพาะของหลิงฮันก็บรรลุเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาได้รับจากการบรรลุขั้นสมบูรณ์คือกายหยาบของเขายกระดับเป็นระดับเซียน!
เขาทำการสลักรูปแบบอาคมเก้าผสานพินาศทั้งหมดเก้าร้อยเก้าสิบเก้ารูปแบบลงบนกระดูก น่าเสียดายที่ถึงแม้กายหยาบของเขาในตอนนี้จะสามารถรองรับรูปแบบอาคมเซียนได้แล้ว แต่หากเขายังไม่บรรลุเป็นเซียนก็ไม่สามารถกระตุ้นใช้งานได้
เพียงแต่ว่าจำนวนที่มากขึ้นก็ย่อมทำให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นตาม การที่เขาสามารถสลักรูปแบบอาคมเก้าผสานพินาศได้ถึงเก้าร้อยเก้าสิบเก้ารูปแบบมันหมายความว่าอย่างไร?
ไม่ใช่ว่าพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นเทียบเท่าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดเก้าร้อยเก้าสิบเก้าคน แต่เป็นพลังที่แข็งแกร่งกว่านั้นสิบเท่าหรือร้อยเท่า
หลิงฮันรู้สึกสงสัยในพลังของตนเองจึงไปขอท้าประลองเซียนหมิงซิน
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก หลิงฮันเอาชนะเซียนหมิงซินได้!
คาดไม่ถึงว่าเมื่อกระตุ้นรูปแบบอาคมเก้าผสานพินาศทั้งหมดเก้าร้อยเก้าสิบเก้ารูปแบบพร้อมกันจะทำให้เกิดพลังอำนาจที่เหนือรูปแบบอาคมเซียน! หากหลิงฮันสามารถสลักรูปแบบอาคมเซียนได้พร้อมกันหลายอัน พลังต่อสู้ของเขาจะต้องน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านี้แน่
ณ จุดนี้กล่าวคือหลิงฮันสามารถตอบโต้เซียนได้ด้วยพลังของตัวเองแล้ว
แม้ในด้านของทักษะอย่าง มิติเอกเทศ ทักษะรัตติกาลเงาทมิฬ ทักษะร่างเงามังกรทะยานหรือทักษะระดับนิรันดร์อื่นๆจะใช้ไม่ได้ผลต่อเซียนเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังมีเพลิงเก้าสวรรค์ ดาบอสูรนิรันดร์และดาบไม้พุพังอยู่ สามสิ่งนี้ต่อให้เป็นราชาเซียนก็ยังหวาดกลัวที่จะรับการโจมตีซึ่งๆหน้า
หลิงฮันรู้สึกว่าตนเองพร้อมแล้วจึงไปตามหาหลงเซียงเยว่
“พาข้าไปหาอาสาวของเจ้าที” เขากล่าวออกไปตรงๆไม่อ้อมค้อม
ใบหน้าของหลงเซียงเยว่เปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง เจ้าหมอนี่ถูกห้อมล้อมโดยสตรีงามจากดินแดนต้องห้ามมากมายทุกวันยังไม่พอใจและคิดจะครอบครองอาสาวของนางอีกรึ? ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!
นางคิดเช่นนั้นในใจแต่ก็พยักหน้าตกลง “อืม!”
หลิงฮันคว้าร่างของนางขึ้นอุปกรณ์บินแหวกเมฆาและออกเดินทางขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
“ทำไมเจ้าไปยกระดับพลังเป็นเซียนแล้วเคลื่อนที่ข้ามอวกาศไปเลยล่ะ?” หลงเซียงเยว่เอ่ยถามด้วยความสับสน
ฮึ่ม!
หลิงฮันเค้นเสียงในใจ ถ้าเป็นไปได้เขาเองก็อยากทำเช่นนั้นเหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาทำได้รึไง? ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้วาสนาศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬได้แล้ว หรือต่อให้ยังใช้ได้แล้วเขาใช้เพียงพอเร่งความเร็วในการเดินทาง เขาคงไม่ยกโทษให้ตัวเองที่ผลาญวาสนาศักดิ์สิทธิ์อย่างสิ้นเปลืองเช่นนั้นนา
หลงเซียงเยว่เห็นว่าหลิงฮันไม่ตอบจึงเริ่มคิดเองเออเอง ‘ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ในอุปกรณ์เหินด้วยกันต่อสอง… หรือที่ตั้งใจอยากจะใช้เวลาอยู่กันสองต่อสองกับข้า?’ เมื่อคิดได้เช่นนี้ดวงดาวของนางก็เริ่มเหม่อลอยเพ้อฝัน
‘หากเขาต้องการตัวข้า ข้าจะยินยอมรึไม่?’
‘หากยอมจะไม่ดูว่าข้าใจง่ายเกินไปหรอกรึ?’
‘แต่ถ้าไม่ยอมเขาจะหมดความสนใจในตัวข้ารึไม่?’
‘งั้นก็ขัดขืนพอเป็นพิธีจะดีกว่าไหม เพราะอย่างไรหากเขาต้องการข้าก็ไม่มีพลังพอจะต่อต้านอยู่แล้ว’
ยิ่งคิดใบหน้าของนางก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและหัวใจเต้นรัว
แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวกลับไม่เป็นเหมือนที่นางคิด นางนั่งแน่นิ่งราวกับรูปปั้นหินโดยไม่กล่าวอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว หลังจากเวลาผ่านพ้นไปสี่เดือน อุปกรณ์บินแหวกเมฆาก็เข้าสู่เขตดวงดาวแสงตะวันคงกระพันและมาถึงดาวหลัวไห่อย่างรวดเร็ว
ตระกูลหลงตั้งอยู่บนดาวหลัวไห่แห่งนี้
ในเขตดวงดาวแสงตะวันคงกระพัน ตระกูลหลงคือขุมอำนาจที่ทรงพลังที่สุดและมีประมุขเป็นเซียนระดับกลาง ส่วนอาสาวของหลงเซียงเยว่นั้นนางเพิ่งทะลวงผ่านเป็นเซียนระดับต้นเมื่อหมื่นปีที่แล้ว
อาสาวของหลงเซียงเยว่มีชื่อว่าหลงอวี่ซาน ด้วยความงดงามและพรสวรรค์อันสูงส่งทำให้ตัวนางเป็นที่หมายปอง แต่หลังจากที่กลายบรรลุเป็นเซียนสำเร็จก็ไม่มีใครเลยที่กล้าตามตื้อนาง
อุปกรณ์บินแหวกเมฆาร่อนลงจอด หลงเซียงเยว่รู้สึกสลดเป็นอย่างมาก หมอนี่หัวสมองกลวงหรืออย่างไร? ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองเป็นเวลาหลายเดือนแท้ๆแต่กลับไม่ล่วงเกินข้าเลย หรือว่าเสน่ห์ของข้ามีไม่มากพอ? พวกเขาใช้เวลาสามวันเพื่อเดินทางมายังตระกูลหลง “คะ คุณหนูเก้า!” เมื่อเห็นหลงเซียงเยว่กลับตระกูลมาพร้อมกับชายแปลกหน้า คนของตระกูลที่เฝ้าประตูก็ชะงักและอุทานออกมา
หลงเซียงเยว่คือความภาคภูมิใจของตระกูลหลง ในอนาคตนางมีโอกาสที่จะกลายเป็นเซียนคนที่สามของตระกูล!
หลงเซียงเยว่พยักหน้าและพาหลิงฮันเดินผ่านประตู
“คุณหนูเก้าพาบุรุษกลับมาด้วย!”
“น่าทึ่งยิ่งนัก คุณหนูเก้าเป็นสตรีที่ยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีมาก ไม่เคยมีบุรุษคนไหนเอาชนะใจนางได้มาก่อน”
“ข้าเห็นด้วยว่าคุณหนูเก้ามองชายหนุ่มผู้นั้นด้วยสายตาหลงไหล!”
“หรือว่าชายหนุ่มคนนั้นจะกลายเป็นอาเขยของพวกเราในอนาคต?”
“แย่แล้ว เมื่อครู่พวกเรายังไม่ได้ทักทายเขาเลย”
คนคุ้มกันประตูกระซิบคุยกันด้วยเสียงเบาแต่ไม่อาจรอดพ้นหูของหลิงฮันและหลงเซียงเยว่
หลงเซียงเยว่รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก นางกล่าว “พวกนั้นชอบพูดเองเออเองไร้สาระ คอยดูว่าข้าจะจัดการพวกเขาอย่างไร!”
หลิงฮันยิ้มและปล่อยให้หลงเซียงเยว่หงุดหงุดอยู่เพียงคนเดียว
นางพาหลิงฮันตรงไปยังที่พักของหลงอวี่ซานอย่างไม่รอช้า เพียงแต่เมื่อทั้งสองมาถึงประตูทางเข้าที่พักกลับพบว่ามีหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีรุ่นเยาว์สองคนยืนขวางอยู่ กลิ่นอายของทั้งสองทรงพลังเป็นอย่างมาก ราวกับเป็นมังกรในหมู่มนุษย์
“หยุด!” เมื่อเห็นพวกหลิงฮันเดินเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มรุ่นเยาว์ก็เอื้อมมือออกมาขวางพวกเขา “พวกเจ้าเป็นใคร?”
หลงเซียงเยว่มีท่าทางไม่สบอารมณ์ นางไม่รู้จักรุ่นเยาว์ทั้งสองคนนี้และมั่นใจด้วยว่าทั้งสองไม่ใช่คนของตระกูลหลง ไม่เช่นนั้นมีรึที่นางจะจำอัจฉริยะตระกูลตัวเองที่สามารถบรรลุระดับวารีนิรันดร์ทั้งที่อายุยังเช่นทั้งสองไม่ได้?
“ข้าต่างหากที่ควรถามว่าพวกเจ้าเป็นใคร?” นางระเบิดออร่าออกมาเพื่อเตรียมพร้อมสู้รบ
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย “ข้าคือหยางจือเกอ ไม่ทราบว่าแม่นางมีชื่อว่าอะไร?”
“หลงเซียงเยว่!” นางหันไปมองรุ่นเยาว์สตรี
“จิ่งอี้” หญิงสาวกล่าว
“พวกเจ้ามีจุดประสงค์อะไรถึงมาขวางประตูที่พักของอาสาวข้า?” หลงเซียงเยว่ถามออกไปตรงๆ นิสัยของนางเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว