เมื่อหลิงฮันเดินเข้าสู่ถ้ำก็ถูกความมืดมิดโอบล้อม การมองเห็น ได้ยินหรือความรู้สึกจากการสัมผัสได้ลดลงฮวบจนในที่สุดก็สูญเสียประสาทสัมผัสทั้งห้าไปเหมือนกับครั้งก่อน
เขาสัมผัสไม่ได้แม้กระทั่งว่าเขามีตัวตนอยู่รึเปล่า
ขนาดพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ก็ไม่สามารถหลบหนีออกจากความมืดมิดของถ้ำได้!
เขากระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมสังหารในร่างและลงมือโจมตี ซึ่งความจริงเขาไม่รู้สึกแม้แต่น้อยว่าตัวเองกระตุ้นรูปแบบอาคมสังหารและโจมตีออกไปจริงๆรึเปล่า
ดูเหมือนว่าต่อให้เป็นพลังระดับเซียนก็ไม่สามารถสลายความมืดมิดที่นี่ได้
หลิงฮันมั่นใจทันที ความมืดมิดของถ้ำแห่งนี้ไม่อาจเป็นสิ่งอื่นใดนอกจากทักษะระดับนิรันดร์
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา ทันใดนั้นแสงหลิงฮันก็เริ่มมองเห็นแสงสว่างอันเรือนราง
ดูเหมือนว่าพลังระดับนิรันดร์จะสามารถต่อต้านความมืดมิดได้จริงๆ แต่อำนาจของดาบอสูรนิรันดร์ในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ
หลิงฮันเก็บดาบ ‘พรึบ’ ฝ่ามือของเขาปลดปล่อยเพลิงเก้าสวรรค์ ทันใดนั้นเองท่ามกลางความมืดมิดก็ราวกับมีเทียนแท่งหนึ่งถูกจุดขึ้นมา แม้เพลิงเก้าสวรรค์จะส่องสว่างได้เพียงในรัศมีหนึ่งแต่มันก็ได้ผล!
หลิงฮันตื่นเต้น สัมผัสทั้งห้าของเขาฟื้นคืนกลับมา เขารู้สึกเหมือนตนเองฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
เขาเดินอย่างเชื่องช้าไปตามกำแพงถ้ำ อันที่จริงถ้ำแห่งนี้ก็ไม่ได้ลึกเท่าไหร่ แต่ด้วยการก้าวเท้าที่เชื่องช้าทำให้เขาใช้เวลาถึงครึ่งวันกว่าจะมาถึงส่วนลึกที่สุดของถ้ำ
กลางห้องหินที่อยู่ในส่วนลึกสุดของถ้ำ มีรูปปั้นหินตั้งตระหง่านอยู่เหมือนที่เขาเคยเห็นคราวก่อน
“หืม เจ้าหนู เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” เสียงของจักรพรรดิเพลิงอัสนีดังขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง ครั้งก่อนที่หลิงฮันมาถึงห้องหินได้เป็นเพราะมีฮูหนิวนำทาง หากไม่มีนางหลิงฮันก็ไม่ต่างกับแมลงวันไร้หัวที่คลำหาทางเองไม่เจอ
ทว่าคราวนี้หลิงฮันกลับเดินมาถึงที่นี่ได้ด้วยตนเอง เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้เขาเป็นอย่างมาก
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ถ้าผู้อาวุโสไม่ต้อนรับข้าก็ขอตัว”
“ช้าก่อน!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีรีบห้ามรั้ง “เจ้ารวบรวมของสี่อย่างครบแล้ว?”
“ไม่ผิด” หลิงฮันพยักหน้า
“แต่เจ้าเป็นเพียงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์… หืม!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีชะงัก “เจ้าไม่ใช่ธรรมดา ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะสลักรูปแบบอาคมสังหารเอาไว้ในร่างกายในมากมายขนาดนั้น แม้พลังของรูปแบบอาคมสังหารแต่ละอันจะอ่อนแอ แต่เมื่อรวมกันแล้วมันสามารถยกระดับพลังต่อสู้ของเจ้าให้เพิ่มขึ้นจนเทียบเท่าเซียนระดับต้น!”
“สิ่งนี้… แม้แต่ตัวข้าในอดีตก็ทำไม่ได้”
หลิงฮันหัวเราะ “ทีนี้คงเชื่อแล้วสินะว่าข้าทำสัญญาที่ให้ไว้สำเร็จแล้ว?”
“อยู่ไหน รีบเอามาให้ข้า!” เสียงของจักรพรรดิเพลิงอัสนีสั่นเครือเล็กน้อย
“ยื่นหมูยื่นแมว การแลกเปลี่ยนต้องทำพร้อมกัน” หลิงฮันกล่าว
“เจ้าหนูบัดซบ คิดว่าข้าผู้นี้จะหลอกลวงเจ้า? ทักษะที่ข้าจะมอบให้ไม่ใช่ทักษะนิรันดร์ระดับสูงเด่นอะไร ทำไมข้าต้อ…” จักรพรรดิเพลิงอัสนีรีบหุบปากเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดสิ่งที่ไม่ควรออกไป
“โอ้” หลิงฮันพยักหน้า “ที่แท้ผู้อาวุโสก็คิดจะใช้ทักษะนิรันดร์ทั่วไปหลอกลวงข้า!”
“เหอๆ ทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทานเป็นทักษะที่ข้าใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้รับมาจากในโบราณสถานแห่งหนึ่ง แม้มันจะไม่ใช่ทักษะที่ทรงพลังที่สุดของข้าแต่สำหรับเจ้ามันก็เพียงพอแล้ว ทักษะนี้ทรงพลังเกินกว่าที่เจ้าจะฝึกฝนได้ด้วยซ้ำ” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวอธิบาย
อันที่จริงหลิงฮันก็แค่พูดไปแบบนั้นเฉยๆ ทักษะนิรันดร์นั้นมีทั้งทักษะระดับสูงและต่ำ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับว่าทักษะนั้นๆจะเหมาะสมกับผู้ใช้หรือไม่ ซึ่งเขาก็คิดว่าทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทานนั้นเหมาะสมกับเขาเป็นอย่างมาก
“เช่นนั้นก็ขอให้ผู้อาวุโสสอนทักษะแก่ข้าด้วย” เขานำเขามังกรแท้จริง ขนนกอมตะสวรรค์และสมบัติอีกสองอย่างออกมา
รูปปั้นหินส่องประกายแสงเลือนรางพร้อมกับมีบอลแสงสีขาวลอยออกมาและลอยเข้าหาหลิงฮัน
หลิงฮันยื่นนิ้วออกไปรับบอลแสง ‘ครืนน’ พริบตานั้นตราประทับจำนวนนับไม่ถ้วนของทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทานก็ผุดเข้ามาในห้วงจิตวิญญาณของเขา
“เจ้าหนู จงทำตามที่ข้าบอก นำวัสดุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ชิ้นไปว่างไว้รอบด้านรูปปั้นหิน” เสียงของจักรพรรดิเพลิงอัสนีเอ่ย
หลิงฮันทำตามที่อีกฝ่ายกล่าวอย่าว่าง่าย เพียงแต่ความจริงแล้วเขาได้สื่อสารกับหอคอยน้อยในใจว่าหากจักรพรรดิเพลิงอัสนีคิดทำอะไรชั่วร้ายล่ะก็ให้หอคอยน้อยจู่โจมกลับทันที แม้การกระทำเช่นนี้จะเสี่ยงต่อการถูกราชานิรันดร์พบเจอ แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ตัวเองตกตาย
‘เปรี๊ยะ’ ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากดวงตาซ้ายของรูปปั้นพร้อมกับคลื่นเปลวเพลิงพุ่งออกมาจากดวงตาขวา ทั่วร่างของรูปปั้นหินส่องสว่างเลือนลางพร้อมกับวัสดุทั้งสี่ที่ค่อยๆลอยขึ้นที่ละชิ้นและผสานรวมกัน
ประกายสายฟ้าและคลื่นเปลวเพลิงพัวพันเข้าหากันทำให้เกิดเป็นคลื่นแสงสว่างเจิดจ้าจนหลิงฮันมองไม่เห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
หลังจากเวลาผ่านไปสักพักและแสงสว่างจางหายไป ร่างของเด็กน้อยอายุราวๆสองขวบที่ไม่สวมเสื้อผ้าก็ปรากฏด้านหน้าหลิงฮัน
หลิงฮันสัมผัสได้ถึงอำนาจแห่งสายฟ้าจากอีกฝ่าย หรือเด็กน้อยคนนี้จะเป็นจักรพรรดิเพลิงอัสนี?
“เจ้าหนู มัวแต่มองหาอะไรอยู่? รีบเอาเสื้อผ้ามาให้ข้าใส่ได้แล้ว” แม้ร่างจะเป็นเด็กแต่เสียงที่เปล่งออกมากลับเป็นผู้ใหญ่ “ฮ่าๆๆ ผ่านมากี่ปีแล้วนะที่ข้าสามารถพูดคุยได้ด้วยปากของตัวเอง!”
หลิงฮันโยนเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายและกล่าว “ผู้อาวุโสได้รับบาดเจ็บหนักเลยต้องหนีมาเก็บตัวอยู่ที่นี่?”
“เจ้าเดาไม่ผิด” จักรพรรดิเพลิงอัสนีถอนหายใจ “ข้านั้นแต่เดิมเป็นจอมยุทธที่อัจฉริยะเป็นอย่างมากและได้ทำการล่วงเกินผู้คนไว้มากมาย ผลสุดท้ายคือข้าถูกตัวตนที่ทรงพลังไล่ล่าจนร่างกายแหลกสลายและเศษเสี้ยววิญญาณก็ได้ลอยออกมายังโลกบรรพกาล ตอนแรกข้าตั้งใจจะสิงสู่ร่างของใครสักคน แต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆห้วงมิติจะเกิดการปั่นป่วนและส่งดวงวิญญาณของข้ามายังโลกใบเล็ก”
“ข้าได้ใช้เวลากว่าพันปีสร้างรูปปั้นขึ้นมาเพื่อชี้แนะใครบางคนให้มาช่วยข้าฟื้นคืนชีพ แต่ไม่คาดคิดว่าข้าจะควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้ ความมืดมิดที่ตั้งใจจะใช้คงสภาพดวงวิญญาณกลับกลายเป็นกับดักปิดตายตัวเอง โชคดีที่ครั้งที่แล้วเด็กสาวผู้นั้นสามารถผ่านความมืดมิดมาได้และครั้งนี้ก็เป็นเจ้า ในที่สุดข้าจะได้ออกไปจากที่นี่เสียที”
“ร่างกายนี้แม้จะเทียบไม่ได้กับร่างจากแก่นกำเนิดนิรันดร์และมันก็ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุเซียนทั้งสี่ ถือว่ายังพอใช้การได้”
“เพราะอย่างไรการที่จะกลายเป็นนิรันดร์ที่แข็งแกร่งได้นั้น ร่างกายไม่ใช่ปัจจัยหลักแต่เป็นดวงวิญญาณต่างหาก”
หลิงฮันฟังอยู่เงียบๆและคิดว่าจักรพรรดิเพลิงอัสนีผู้นี้ขี้คุยเป็นอย่างมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายอยู่คนเดียวมานานเมื่อพบเจอมนุษย์คนอื่นจึงเกิดความรู้สึกอยากสนทนาพูดคุย
เขากล่าว “แล้วผู้อาวุโสมีแผนการจะทำอะไรต่อไป?”
“แน่นอนต้องเป็นบ่มเพาะพลัง ร่างนี่ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุเซียนทำให้มีพลังบ่มเพาะเริ่มต้นที่ระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นต้นเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นดวงวิญญาณของข้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย ในระยะเวลาสั้นๆคงไม่อาจฟื้นฟูให้กลับไปเป็นดังเดิมได้” จักรพรรดิเพลิงอัสนีถอนหายใจ
“ข้าขอถามหน่อยว่าแต่เดิมผู้อาวุโสมีระดับพลังอยู่ที่ระดับใด?” หลิงฮันสงสัย
“ขอบเขตตำหนักอมตะ!”