หลิงฮันพุ่งทะยานขึ้นสู่เมฆสายฟ้า
‘ครืนน! ครืนน! ครืนน!’
ก่อนหน้านี้จำนวนของมนุษย์อัสนียักษ์นั้นคงจำนวนไม่ที่ห้าสิบตัวโดยที่ไม่เพิ่มขึ้นอีก เพียงแต่ว่าหลังจากการกระทำอันหุนหันพลันแล่นของหลิงฮัน สวรรค์และปฐพีก็ราวกับรู้สึกเกรี้ยวกราดขึ้นมาจึงได้เพิ่มจำนวนของมนุษย์อัสนียักษ์มากขึ้นอีก
มนุษย์อัสนียักษ์ที่เพิ่มขึ้นมามีทั้งตัวที่หวัดแกว่งหอก กวัดแกว่งดาบและปล่อยหมัดจู่โจมโดยตรง
หลิงฮันไม่หวาดกลัว พลังของสายฟ้าอันน่าเกรงขามจากภายในหอคอยทมิฬได้ส่งผ่านมายังร่างของเขาทำให้เขาผสานเป็นหนึ่งเดียวอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนี การโจมตีของมนุษย์อัสนียักษ์ไม่ส่งผลใดๆต่อเขาแม้แต่นิดเดียว
หลิงฮันในเวลานี้ราวกับเป็นตัวแทนของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีบาดที่อยู่เหนือพลังสายฟ้าทั้งปวง
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ภายในหอคอยทมิฬนั้นมีระดับสูงกว่าอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“เป็นไปได้อย่างไร!” ราชาเซียนทุกคนอุทาน หากหลิงฮันสามารถบดขยี้มนุษย์อัสนียักษ์ทั้งหมดได้พวกเขาก็ไม่แปลกใจ แต่ภาพที่อำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไม่ได้ผลต่อหลิงฮันเลยแม้แต่น้อยนั้นน่าอัศจรรย์เกินไป
‘ครืนน ครืนน’ ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ยิ่งปลดปล่อยอำนาจที่รุนแรงยิ่งขึ้น ตัวของมันคือตัวแทนของสวรรค์และปฐพีที่ไม่อาจถูกผู้ใดล่วงเกิน
จำนวนของมนุษย์อัสนียักษ์เพิ่มขึ้นเป็นสามร้อยตัว
คราวนี้แม้แต่ราชาเซียนก็รู้สึกหวาดกลัว ต่อให้เป็นพวกเขาหากให้ปะทะกับเซียนระดับสูงถึงสามร้อยคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีเพียงราชาเซียนสูงสุดเท่านั้นถึงจะไม่หวั่นเกรง
หลิงฮันพุ่งทะยานต่อเนื่องอย่างห้าวหาญ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ด้วยการที่หอคอยทมิฬชั้นที่หกเปิดออกเป็นครั้งแรก ร่างของเขาถึงได้อัดแน่นไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีและไร้เทียมทานต่อทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ชั่วคราว แต่ในอนาคตอาจจะไม่เป็นเหมือนครั้งนี้
ร่างของเขาผ่านเข้าไปยังหมู่เมฆสาฟ้าและพบเจอกับความมืดมิด หากไม่ใช่เพราะว่าเขามองเห็นประกายแสงบางอย่างกำลังส่องสว่างอยู่ เขาคงคิดว่าตนเองสูญเสียสัมผัสทั้งหกไปแล้ว
หลิงฮันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อ พลังของมนุษย์อัสยักษ์เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ ดูเหมือนทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จะไม่คิดใช้จำนวนที่มากกว่ากำราบเขาอีกต่อไปแต่จะใช้ระดับพลังที่สูงกว่าแทน
มนุษย์อัสนียักษ์ในตอนนี้มีพลังเทียบเท่าราชาเซียน
หากไม่ใช่เพราะอำนาจสายฟ้าจากหอคอยทมิฬหลิงฮันคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมนุษย์อัสนียักษ์ แต่ตอนนี้ไม่ว่ามนุษย์อัสนียักษ์จะโจมตีมาแบบใด เขาก็สามารถเมินเฉยได้อย่างสมบูรณ์
ด้านนอกเมฆสายฟ้า ไม่มีใครมองเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นด้านใน พวกเขารู้เพียงแค่ว่าหากเมฆสายฟ้ายังไม่สลายไปก็แสดงว่าหลิงฮันยังไม่ตาย
หลิงฮันเคลื่อนไปด้านหน้าไม่หยุดพัก เมื่อมาถึงด้านหน้าประกายแสงที่มองเห็นร่างของเขาก็หยุดชะงักด้วยความตะลึง ส่วนลึกที่สุดภายในที่เมฆสายฟ้ามีแท่นบูชาตั้งอยู่
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เป็นสิ่งที่ถูกคนสร้างขึ้น?
หลิงฮันรีบส่ายหัว แท่นบูชานี้ไม่สมควรถูกสร้างขึ้นด้วยมือของใคร แต่เป็นกฎธรรมชาติที่สร้างมันขึ้นมา ด้วยเหตุผลบางอย่างมันถึงได้มีรูปร่างเช่นนี้
บางทีแท่นบูชาที่ปรากฏให้เห็นบนโลกอาจจะอ้างอิงรูปร่างมาจากแท่นบูชานี้
แท่นบูชาตรงหน้านี้มีรูปแบบที่เรียบง่าบและสูงไม่เกินสิบฟุต วัสดุที่ใช้สร้างนั้นไม่อาจตรวจสอบได้ ที่บริเวณตรงกลางของแท่นบูชามีร่องปรากฏอยู่ โดยที่ร่องนั้นมีของเหลวบางอย่างที่ไม่สามารถระบุกลิ่นได้ไหลวนไปมา
“นั่นคือหยดสายฟ้าสวรรค์” หอคอยน้อยกล่าว “เจ้าโชคดีที่หอคอยทมิฬชั้นหกเปิดออกตอนนี้พอดีทำให้เจ้าสามารถมาถึงที่นี่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องบรรลุเป็นราชาเซียนเสียก่อนถึงจะมีคุณสมบัติได้ครอบครองหยดสายฟ้าสวรรค์”
หลิงฮันพยักหน้า เนื่องจากโลกบรรพกาลมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่จำกัดอยู่ที่ราชาเซียน เมื่อเขาบรรลุเป็นราชาเซียนจึงสามารถเข้าถึงส่วนลึกของเมฆสายฟ้าได้
แต่หากเขาบรรลุเป็นราชาเซียนที่ดินแดนแห่งเซียน สถานการณ์คงจะแตกต่างออกไป
“ข้าจะได้รับผลประโยชน์อันใดจากหยดสายฟ้าสวรรค์?” หลิงฮันเอ่ยถาม
“เจ้าจะรู้แจ้งถึงเต๋าแห่งอัสนี” หอคอยน้อยกล่าว
“ไม่ใช่ว่าในหอคอยทมิฬก็มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีหรอกรึ?” หลิงฮันแปลกใจ
“มันไม่เหมือนกัน อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีในหอคอยทมิฬคืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนแห่งเซียนที่มหาปราชสวรรค์นำมาใส่ไว้ซึ่งมีแต่ข้าที่ใช้งานได้ เจ้าไม่สามารถใช้มันขัดเกลาความเข้าใจอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีของตัวเจ้าเอง” หอคอยน้อยอธิบาย บางทีอาจเป็นเพราะหอคอยทมิฬชั้นใหม่เพิ่งเปิดออกมันถึงได้อารมณ์ดีและไม่ทำท่าทางอวดดีเหมือนปกติ
หลิงฮันก้าวเดินเข้าไปยังแท่นบูชา ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ มนุษย์อัสนียักษ์ปรากฏตัวและโจมตีหลิงฮันด้วยพลังที่เทียบเท่าราชาเซียน
ทว่าการโจมตีของมนุษย์อัสนีสายฟ้าไม่สามารถทำอะไรหลิงฮันได้แม้แต่น้อย
เขาเดินมาชิดแท่นบูชาและเก็บหยดสายฟ้าสวรรค์ใส่หอคอยทมิฬ
โอกาสล้ำค่าเช่นนี้ ทั้งชีวิตเขาอาจจะพบเจอเพียงสองหรือสามครั้งเท่านั้น
ในดินแดนแห่งเซียนเขาจะมีโอกาสเข้าสู่ส่วนลึกของเมฆสายฟ้าได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อเขาบรรลุเป็นราชาเซียนซึ่งจะมีกายหยาบที่ไร้เทียมทานต่อทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ส่วนอีกครั้งคงต้องรอให้บรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้า เพียงแต่ว่าเมื่อถึงตอนนั้นแล้วหยดสายฟ้าสวรรค์จะยังจำเป็นต่อเขาอยู่อีก?
หยดสายฟ้าสวรรค์ในแท่นบูชามีไม่มาก ปริมาณของมันมีอยู่ราวๆหนึ่งลิตรเท่านั้น สีของหยดสายฟ้าสวรรค์เป็นสีครามสว่างราวกับน้ำทะเลและมีกลิ่นที่สูดดมแล้วสดชื่น หลิงฮันมองไปที่แท่นบูชาซึ่งมีอักขระแห่งเต๋าจำนวนมากสลักเอาไว้ หากเขาทำความเข้าใจพวกมันได้เขาจะสามารถฝึกฝนอำนาจแห่งทัณฑ์สวรรค์ได้รึเปล่า?
เขาจ้องมองอักขระอย่างละเอียด แต่จ้องได้ไม่นานจู่ๆแท่นบูชาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เมฆสายฟ้ารอบกายเขาก็สลายตัวเช่นกัน หลิงฮันพบว่าตนเองกำลังยืนอยู่กลางห้วงอวกาศอันว่างเปล่า
ครึ่งวันผ่านไปแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จึงหายไป
น่าเสียดายนัก!
หลิงฮันรู้สึกเศร้าโศก หากให้เวลาเขามากหน่อยเขาคงสามารถจดจำอักขระแห่งเต๋าเหล่านั้นได้ ต่อให้ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ในทันทีแต่ก็สามารถนำได้ศึกษาต่อภายหลังได้
“หลิงฮัน เจ้าพบเจออะไรในเมฆสายฟ้า?” ราชาเซียนรีบเข้ามาล้อมหลิงฮันด้วยท่าทีตื่นเต้น ในประวัติศาสตร์ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนว่าภายในเมฆสายฟ้ามีอะไร
แน่นอนว่าหลิงฮันไม่มีทางเล่าความจริงออกไป คนเหล่านี้เป็นเพียงพันธมิตรเท่านั้นเขาไม่จำเป็นต้องเล่าความลับของหยดสายฟ้าสวรรค์ให้พวกเขาฟัง
“แค่มีทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์มากขึ้นกว่าเดิม” เขากล่าวออกไป
แม้เหล่าราชาเซียนจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ในเมื่อหลิงฮันกล่าวเช่นนี้แล้ว หากยังดื้อรั้นเค้นถามก็มีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากับหลิงฮันแย่ลง
ใครจะไปรู้ว่าเขายังมีไพ่ลับอะไรซ่อนอยู่อีก?
หรือต่อให้ไม่มีไพ่ลับใดๆ การไล่ล่าเซียนระดับต้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากหลิงฮันหนีรอดไปได้และบรรลุเป็นเซียนระดับกลางหรือเซียนระดับสูงล่ะก็ เกรงว่าด้วยพลังต่อสู้ราวกับสัตว์ประหลาดเช่นนั้นหลิงฮันคงสามารถสังหารราชาเซียนได้อย่างง่ายดาย
ด้วยเหตุนี้ หากรับประกันไม่ได้ว่าจะสามารถสังหารหลิงฮันให้ตายในการโจมตีเดียว ใครจะกล้าเป็นศัตรูกับหลิงฮัน?