แท่งกระดูกที่ขาวนวลราวกับหิมะคือตัวการที่ไล่ตามเขา?
หลิงฮันเหงื่อไหล เรื่องแบบนี้มันบ้าบอสิ้นดี
ที่น่าตกตะลึงกว่าก็คือกระดูกแท่งนี้มีสติปัญหานึกคิดราวกับมนุษย์ มันรู้จักวิธีหลบซ่อนตัวเป็นอย่างดี หากไม่ใช่เพราะเขาพุ่งทะยานร่างกลับมาด้านหลังด้วยความเร็วสูงอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาคงไม่อาจหากระดูกแท่งนี้เจอ
ร่างของหลิงฮันขยับยืนอยู่ห่างจากแท่งกระดูกราวๆสามฟุตโดยที่ไม่ได้ลงมือทำอะไร ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงแท่งกระดูกแต่เขาก็สามารถสัมผัสออร่าอันน่าสะพรึงกลัวจากมันได้ เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าบุ่มบ่าม
แท่งกระดูกจดจ้องมาที่เขา ‘ร่าง’ของมันสั่นสะท้านและค่อยๆขุดหลุมกลบตัวเองราวกับทำเหมือนว่าไม่เคยถูกหลิงฮันพบเจอ
“เอิ่ม ข้าเห็นเจ้านะ!” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรเมื่อต้องมาพบเจอกับกระดูกแปลกประหลาดเช่นนี้
แท่งกระดูกกระโดดขึ้นมาจากหลุม ‘ร่าง’ของมันโค้งงอราวกับกำลังแสดงท่าทีตกตะลึงหวาดกลัว
หลิงฮันเหงื่อไหลไม่หยุด ใครช่วยบอกเขาทีได้รึไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกระดูกแท่งนี้กันแน่?
“เจ้าพูดได้รึไม่?” เขาเอ่ยถาม ขณะที่กล่าวออกไปก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกประหลาด
“เจ้า..พูด..ได้..รึ..ไม่..?” ไม่คาดคิดว่าแท่งกระดูกจะตอบกลับ เสียงที่มันพูดไม่ใช่เสียงจริงๆแต่เป็นเสียงจากสัมผัสสวรรค์
คำพูดของมันติดๆขัดๆราวกับเด็กเพิ่งหัดพูด
“ข้าชื่อหลิงฮัน เจ้าล่ะมีชื่อรึเปล่า?” หลิงฮันถามต่อ
“ข้า..ชื่อ..หลิง..ฮัน..” แท่งกระดูกเลียนแบบคำพูดหลิงฮันอีกครั้ง
หลิงฮันสับสน ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้กระดูกแท่งนี้จะมีสติปัญญานึกคิดแต่มันกลับไม่สามารถเอ่ยคำพูดด้วยตนเอง มันทำได้เพียงเลียนแบบคำที่เขาพูดออกไปเท่านั้น
เขาถอนหายใจและนั่งลงกับพื้น
แท่งกระดูกที่เห็นเช่นนั้นก็โค่งปลายกระดูกส่วนบนของมันเล็กน้อยราวกับกำลังถอนหายใจและพยายามจะนั่งลงเลียนแบบหลิงฮัน แต่ด้วยการที่มันไม่มีขามันจึงขุดดินนำแท่งกระดูกส่วนล่างของมันมุดลงไปที่พื้นทำให้ตัวมันดูสั้นลงราวกับกำลังนั่งอยู่
หลิงฮันพูดคุยกับมันเรื่อยเปื่อยเพื่อที่จะให้มันคุ้นเคยกับภาษามากยิ่งขึ้นและหวังว่าแท่งกระดูกนี้จะสามารถพูดสิ่งที่คิดเองออกมาได้
“ยี่ ยา ย่า! ยี่ ยา ย่า!” ผ่านไปครึ่งวันแท่งกระดูกก็ไม่ใช่แค่เลียนแบบคำพูดอีกต่อไป มันกล่าวคำพูดของตนเองออกมาได้ เพียงแต่ว่าสิ่งที่มันพูดนั้นเป็นคำพูดมั่วซั่วที่ไร้ความหมายใดๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็มีความสุขกับคำพูดของตนเองเป็นอย่างมาและกล่าว “ยี่ ยา ย่า!” ซ้ำไปมาไม่หยุด
“ตอนนี้เจ้าพูดได้แล้ว?” หลิงฮันถาม
“ที.. นี้.. เจ้า.. พูด.. ได้.. แล้ว.. ? ยี่ ยา ย่า!” แท่งกระดูกกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เห้อ อย่าเสียเวลานัก
เพียงแต่ว่าตอนนี้ก็ดูเหมือนแท่งกระดูกจะไม่ใช่ภัยคุกคามแล้ว เพราะงั้นหลิงฮันจึงสามารถขยับเข้าไปใกล้เพื่อตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิดได้
กระดูกแท่งนี้ไม่เพียงแค่ขาวบริสุทธิ์ แต่มันยังเรียบเนียนราวกับผลึกหยก มันดูเหมือนกับงานแกะสลักชั้นเลิศที่ทำเป็นรูปทรงแท่งกระดูก
บนพื้นผิวกระดูกปรากฏอักขระที่ลึกลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก เพียงแค่จ้องมองก็ทำให้หลิงฮันเวียนหัวตาลาย อักขระนี้ซับซ้อนยิ่งกว่ารูปแบบอาคมนิรันดร์ที่เขามีอยู่เสียอีก
กระดูกแท่งนี้กับศพของนิรันดร์บนยอดเขามีความเกี่ยวข้องอันใดกันรึเปล่า?
ความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนกับถูกคนไล่ตามนั้นหลิงฮันเพิ่งจะสัมผัสได้ตอนลงเขา เพราะงั้นกระดูกแท่งนี้จึงสมควรปรากฏตัวออกมาหลังจากที่เขาใช้ดวงตาจดจ้องไปยังซากศพนิรันดร์ มันคงสัมผัสถึงสายตาของเขาได้ถึงไล่ตามมา
คนอื่นไม่มีใครสามารถขึ้นมาถึงความสูงระดับเขาได้ แท่งกระดูกจึงไม่ตื่นตัว
หรือกระดูกแท่งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของซากศพนิรันดร์?
หลิงฮันฉุกคิด เหตุใดเขตแดนลี้ลับทุกแห่งที่เขาพบเจอถึงไม่มีอันไหนที่เป็นเขตแดนลี้ลับปกติเลย!
“เจ้ากินอาหารรึเปล่า?” หลิงฮันนำอาหารออกมาใส่ปากพร้อมกับแบ่งคำเล็กๆวางไว้ด้านหน้าแท่งกระดูก
แท่งกระดูกโค้งงอจ้องมองอาหาร มันอยากจะเรียนแบบการกินอาหารเหมือนหลิงฮันแต่ว่ามันไม่มีปาก มันร้องโอดครวญ “ยี่ ยา ย่า!” ด้วยความไม่สบอารมณ์ ซึ่งพริบตาหลังจากนั้นเองคลื่นแสงสีเขียวมรกตก็ปรากออกมาสัมผัสเข้ากับอาหาร
‘พรึบ’ อาหารที่วางเอาไว้หายไปจนเหลือเพียงความว่างเปล่า
“ยี่ ยา ย่า!” แท่งกระดูกกลับมาโห่ร้องด้วยความดีใจ
หลิงฮันตกตะลึง อำนาจของคลื่นแสงสีเขียวเมื่อครู่ทรงพลังเป็นอย่างมาก! มันทรงพลังถึงขนาดที่ว่าต่อให้เป็นเขาก็ต้องใช้พลังทั้งหมดในการต่อต้าน
แท่งกระดูกที่เหมือนกับเด็กน้อยแท่งนี้มีพลังอำนาจอันทรงพลังอยู่ในครอบครอง… หากมันคิดจะเหยียบย่ำโลกคงมีปรมาจารย์เพียงหยิบมือที่สามารถต่อต้านมันได้
มันเป็นแค่กระดูกแท่งหนึ่งแท้ๆ เหตุใดถึงได้มีพลังขนาดนั้น? และเหตุใดถึงได้มีสติปัญญาได้?
หลิงฮันลุกขึ้นยืนและเดินลงจากภูเขา แท่งกระดูกก็ตามเขามาเช่นกัน ยิ่งเลียนแบบเขาสติปัญญาของมันก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจนสามารถดึงดูดพลังวิญญาณเข้าสู่ร่างได้อย่างไม่คาดคิดและสร้างกายหยาบขึ้นมาได้
ลำตัว แขนขาและหัวถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างที่ถูกสร้างขึ้นแม้ว่าโลหิตและกล้ามเนื้อจะเป็นของจริงแต่ก็ไร้วิญญาณ ทว่าด้วยออร่าลึกลับที่อยู่ในร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นทำให้คนทั่วไปไม่อาจมองออกได้
หลิงฮันกลายเป็นไร้คำพูดทันที กระดูกแท่งนี้ใช้เขาเป็นต้นแบบและสร้างร่างกายที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับเขาออกมา! แต่ถึงแม้รูปร่างจะเหมือนกันแค่ไหนออร่าก็ไม่อาจเลียนแบบกันได้
แต่แท่งกระดูกไม่สนใจเรื่องแบบนั้น ด้วยสติปัญญาของเด็กน้อยมันจึงเพียงแต่อยากจะเหมือนหลิงฮันเท่านั้น
แต่หลิงฮันก็ต้องตกตะลึง ในแวบแรกที่มองอาจจะไม่มีอะไรมาก แต่ยิ่งมองสำรวจให้ดีเขาก็พบว่าสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกแต่กระดูกภายในร่างก็ยังถูกสร้างขึ้นมาครบทุกส่วนเช่นกัน ร่างกายนี้ได้กลายเป็นร่างของมนุษย์อย่างแท้จริง
การแปลงกายของกระดูกแท่งนี้สมบูรณ์แบบเกินจะบรรณยาย!
ภายใต้การแปลงกาย ออร่าที่เจ้ากระดูกปลดปล่อยออกมาก็อ่อนพลังลงจากเดิมมาก ออร่าของมันในตอนนี้เทียบเท่ากับราชาเซียนขั้นต้นเท่านั้น ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะชั้นกล้ามเนื้อและโลหิตที่ถูกสร้างขึ้นมาได้บดบังออร่าแท้จริงเอาไว้
แต่นี่ก็ดีแล้ว ไม่เช่นนั้นออร่าของมันคงทำให้ผู้คนที่พบเห็นหวาดกลัว
“ยี่ ยา ย่า!” เจ้ากระดูกเปิดปากพูด มันมีความสุขเป็นอย่างมากที่ในที่สุดมันมีร่างกายเป็นของตัวเองและพูดด้วยปากของตนเองได้แล้ว เพียงแต่ประโยคที่มันพูดได้ก็มีเพียงแค่ ‘ยี่ ยา ย่า’ เท่านั้น
หลิงฮันยิ้ม เขานำชุดออกมาจากหอคอยทมิฬและส่งให้
ทั้งสอง‘คน’เดินลงจากภูเขา ผ่านไปสักพักพวกเขาก็พบกับพวกสตรีนกอมตะที่รออยู่
“หืม!” เมื่อเห็นหลิงฮันเดินมาพร้อมกับคนที่รูปเหมือนกันอย่างกับแกะ ทุกคนก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
เจ้าขึ้นไปสำรวจยอดเขาไม่ใช่รึไง เหตุใดถึงได้กลับลงมาพร้อมกับคนที่หน้าเหมือนเจ้าได้?
“นี่คือเสี่ยวกู่(เจ้ากระดูกน้อย)” หลิงฮันตั้งชื่อให้กระดูก
“นี่.. คือ.. เสี่ยว.. กู่…” แท่งกระดูกกล่าวเลียนแบบราวกับเด็กน้อย
พรวด! หลงเซียงเยว่หัวเราะออกมาและกล่าว “พี่ชายหลิง ทำไมเขาถึงได้เลียนแบบคำพูดของท่านกัน?”
“ศิษย์.. พี่.. หลิงฮัน.. ทำ.. ไม…” เจ้ากระดูกกล่าวเลียนแบบ
พวกสตรีนกอมตะเผยสีหน้าประหลาดใจ ตกลงหมอนี่เป็นใครกันแน่!