หลิงฮันเดินกลับไปได้ไม่นานก็พบเจอกลุ่มของจอมยุทธตระกูลจ้าว
หลังจากได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของ ‘ผู้นำพาภัยพิบัติ’ ตระกูลจ้าวก็ล้มเลิกแผนการทำสงครามกับตระกูลหลาง ในทางกลับกัน พวกเขาไปเจรจากับตระกูลหลางเพื่อที่สองตระกูลจะได้ร่วมมือกันค้นหาเสี่ยวกู่
ส่วนหลิงฮันนั้น หากพวกเขาพบเจอก็จะสังหารร่วมไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใดในเขตแดนลี้ลับนี้ ต่างก็มีคำสอนสืบต่อกันมาคือต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อสังหารผู้นำพาหายนะ
กลุ่มคนหาตระกูลจ้าวกลุ่มนี้มีทั้งหมดสิบคน หนึ่งในนั้นมีปรมาจารย์ระดับเก้าลวดลายอยู่ด้วย ทันทีที่พบเจอหลิงฮันพวกเขาก็เผยสีหน้าประหลาดใจทันที พวกไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเดินเผ่นผ่านไปมาอย่างสบายใจเช่นนี้…
หลังจากตั้งสติได้ ปรมาจารย์เก้าลวดลายก็แหงนหน้าตะโกนเสียงดังเพื่อส่งสัญญาณ
หลิงฮันไม่ได้ห้ามปรามอีกฝ่าย แบบนั้นแหละดี มารวมกันให้หมดจะได้จัดการทีเดียว
ผ่านไปครู่หนึ่งปรมาจารย์เก้าลวดลายหลายคนก็ปรากฏตัว จอมยุทธเจ็ดหรือแปดลวดลายเองก็มาเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมต่อสู้ พวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยค้นหาหลิงฮันเท่านั้น
“ฉลาดไม่เลว รู้ว่าหนีไปไหนไม่รอดจึงกลับมาน้อมรับความตาย!” ผู้อาวูดสตระกูลจ้าวกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน
หลิงฮันกวาดสายตามองและยิ้ม “คนยังมาไม่ครบเลย พวกเรารออีกหน่อยดีกว่าไหม!”
“ไม่จำเป็น!” ปรมาจารย์ผู้หนึ่งลงมือ เขาควบแน่นพลังเป็นคชสารทมิฬยักษ์พุ่งทะยานใส่หลิงฮัน
เขาคือปรมาจารย์เก้าลวดลายจากตระกูลหลางที่ไม่เคยปะทะกับหลิงฮันมาก่อน ในความคิดของเขา รุ่นเยาว์ตรงหน้าเป็นเพียงหนอนแมลงที่เขาสามารถสังหารได้เพียงพลิกฝ่ามือ
ร่างของหลิงฮันขยับหลบการโจมตีและกล่าวอย่างไม่แยแส “ข้าคือคนที่ให้โอกาสผู้อื่นเสมอ สำหรับใครที่ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับข้าก็ขอให้ก้าวถอยออกไป ไม่เช่นนั้นเมื่อใดที่ข้าเริ่มลงมือ ใครก็ตามที่อยู่ตรงหน้า ข้าจะถือว่าเป็นศัตรูทั้งหมด”
คนของตระกูลจ้าวและตระกูลหลางแสยะยิ้ม
“งั้นข้าก็จะให้โอกาสเจ้าเช่นกัน จงคุกเข่าและก้มหัวร้อยทีแล้วข้าจะยอมไว้ชีวิตอันไร้ค่าของเจ้า” ปรมาจารย์ตระกูลหลางกล่าวอย่างเย็นชา
หลิงฮันถอนหายใจก่อนจะดีดนิ้ว ‘พรึบ’ คลื่นดาบถูกปลดปล่อยออกไปด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์ ก่อนที่ทุกคนจะรู้สึกตัว คลื่นดาบก็ทะลวงผ่านร่างของปรมาจารย์ตระกูลกลางเรียบร้อยแล้ว
ปรมาจารย์ตระกูลกลางมีสีหน้าเหม่อลอย ดวงตาของเขาหม่นสีอย่างรวดเร็ว ‘ตุบ’ ร่างของเขาหงายล้มลงกับพื้นพร้อมกับโลหิตสาดกระจายออกจากร่าง… เขาตายแล้ว
อะไรกัน!
พริบตานั้นทุกคนที่อยู่โดยรอบก็กลายเป็นแน่นิ่ง ใครจะไปคาดคิดว่าปรมาจารย์เก้าลวดลายจะถูกสังหารง่ายดายขนาดนั้น!
ไหนใครบอกว่าผู้ใช้คลื่นแสงมรกตจะเป็นผู้นำพาหายนะกัน ทั้งๆที่เห็นๆกันอยู่ว่ารุ่นเยาว์ตรงหน้าพวกเขาน่าสะพรึงกลัวกว่า?
พวกเขาก้าวถอยหลังทันที ใครบางคนที่ขี้ขลาดเผลอร้องโอดครวญออกมาและเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว
แววตาของหลิงฮันส่องประกายโหดเหี้ยม เขาได้ให้โอกาสคนเหล่านี้ไปแล้ว หากคิดจะสังหารก็ต้องเตรียมใจถูกสังหารกลับด้วย
เขาดีดนิ้วต่อเนื่อง คลื่นดาบจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกไป จอมยุทธของตระกูลจ้าวและตระกูลหลางถูกสังหารทิ้งไปทีละคน
“ร่วมมือกัน!” ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งตะโกนเรียกสติ แต่กว่าทุกคนจะกลับมารวมกลุ่มกันได้จำนวนคนกว่าครึ่งก็ถูกสังหารไปแล้ว
“เป็นไปได้อย่างไร!” เหล่าผู้อาวุโสตระกูลจ้าวอุทาน “เมื่อสิบวันก่อนเขายังถูกพวกเราไล่ล่าอยู่เลยแท้ๆ เหตุใดตอนนี้เขาถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?”
คนของตระกูลหลางอยากร้องไห้ ที่จริงพวกเขาไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องนี้เลยแท้ๆ พวกเขาไม่น่าแส่หาเรื่องใส่ตัวเลย
เหล่าจอมยุทธเก้าลวดลายเกือบยี่สิบคนร่วมมือกันจนในที่สุดก็สามารถต้านทานคลื่นดาบของหลิงฮันได้
ปรมาจารย์คนอื่นๆค่อยๆปรากฏตัว เมื่อประมุขตระกูลจ้าวและประมุขตระกูลหลางมาถึง ปรมาจารย์ทุกคนก็รู้สึกโล่งอก
“เจ้าตัวบัดซบ!” เมื่อประมุขตระกูลจ้าวเห็นซากศพที่นอนเกลื่อนกลาดใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวทันใด จอมยุทธที่ตายอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเป็นจอมยุทธระดับแนวหน้าของตระกูลจ้าว ในอนาคตภายภาคหน้าไม่ใช่แค่ตระกูลหลาง แต่ตระกูลกลางแม่น้ำช่วงกลางก็สามารถรุกล้ำมาแทนที่ตระกูลของเขาได้
เขาคำรามอย่างเกรี้ยวกราดและชี้นำพลังของสมาชิกตระกูลทั้งหมดเข้าสู่ร่างกาย พลังต่อสู้ของเขายกระดับขึ้นมหาศาล ลวดลายสีดำราวกับน้ำหมึดบนร่างขยับลอยออกมาพร้อมกับแปรเปลี่ยนเป็นโซ่ทมิฬ
“ตาย!” ผู้นำตระกูลจ้าวคำราม โซ่ทมิฬถูกกวัดแกว่งทะลวงเข้าใส่ร่างหลิงฮัน
หลิงฮันไม่แม้แต่คิดหลบและปล่อยให้โซ่เข้าปะทะกับร่างตนเอง
‘เพล๊ง เพล๊ง เพล๊ง เพล๊ง’ ประกายไฟสะท้อนออกมาเมื่อโซ่สัมผัสถูกร่างของเขา โดยที่ร่างของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆแม้แต่น้อย
อะไรกัน!
เหล่าปรมาจารย์ของทั้งสองตระกูลที่เพิ่งรู้สึกโล่งใจกลับมารู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง ขนาดการโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้นก็ยังไม่สามารถทำลายพลังป้องกันของหลิงฮัน พวกเขาสิ้นหวังแล้ว
ประมุขตระกูลจ้าวกัดฟัน โซ่ถูกควบคุมในเคลื่อนไหวพัวพันหลิงฮันราวกับอสรพิษ พริบตาเดียวร่างของหลิงฮันก็ถูกรัดเอาไว้โดยมีเพียงศีรษะที่โผล่ออกมา
“รีบลงมือ ข้าผนึกการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้แล้ว!” ประมุขตระกูลจ้าวตะโกนลั่น
“ตาย!” ประมุขตระกูลหลางและเหล่าจอมยุทธของทั้งสองตระกูลกระหน่ำโจมตีเข้าใส่หลิงฮันพร้อมกัน ในความคิดของพวกเขาตอนนี้ หลิงฮันเป็นภัยพิบัติยิ่งกว่าเสี่ยวกู่เสียอีก
“ยี่ ยา ย่า!” เสี่ยวกู่คำรามด้วยความโกรธและลงมือโจมตีเช่นกัน
ทางด้านของเซียนหวู่เวียงและสตรีนกอมตะนั้นทั้งสองไม่เคลื่อนไหวใดๆ หากทั้งสองร่วมเข้าปะทะด้วยก็คงไม่ต่างอะไรจากการแส่หาความตาย อีกอย่างพวกเขาก็เชื่อในตัวหลิงฮันด้วย ในเมื่อหลิงฮันเลือกที่จะทำเช่นนี้แสดงว่าเขามั่นใจว่าจะชนะ
จอมยุทธเก้าลวดลายเกือบสี่สิบคนกระหน่ำปลดปล่อยกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของแต่ละคนเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ระดับราชาเซียนที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ทรงพลังกว่าการโจมตีของจอมยุทธเหล่านี้ไม่รู้กี่เท่าซึ่งกายหยาบของเขาก็สามารถต้านทานได้อย่างง่ายดาย
‘ตูม ตูม ตูม ตูม’ การโจมตีอันทรงพลังนับไม่ถ้วนถูกกระหน่ำโจมตีออกไปพร้อมกันจนพื้นแผ่นดินสั่นสะเทือน หากไม่ใช่ว่าเขตแดนลี้ลับนี้คือส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งเซียนมันคงไม่อาจทนต่อพลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นได้
การกระหน่ำโจมตีใช้เวลาไปอย่างน้อยสิบลมหายใจกว่าจะสิ้นสุด เมื่อการโจมตีครั้งสุดท้ายถูกปล่อยออกไปฝุ่นควันก็เริ่มสลายกระจายตัว
ภาพที่ทุกคนเห็นต่อมาแทบจะทำให้จอมยุทธทุกคนรู้สึกสิ้นหวัง
หลิงฮันยังคงถูกโซ่ทมิฬรัดเอาไว้อยู่โดยที่ไม่บาดเจ็บอะไรแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะว่าโซ่ที่รัดร่างของเขาเอาไว้ได้รับความเสียหายจนแทบไม่เหลือซาก ใครจะเชื่อว่าหลิงฮันเพิ่งรับการโจมตีจากจอมยุทธเก้าลวดลายถึงสี่สิบกว่าคนเข้าไป?
“ถึงตาข้ารึยัง?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม เพียงแค่ขยับร่างเล็กน้อยโซ่ที่รัดเขาเอาไว้ก็ขาดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย