ด้วยพลังของหลิงฮันในตอนนี้ เขาสามาถบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ด้วยการที่เขาไม่ชื่นชอบสังหาร เมื่อมาถึงตระกูลต่อไปเขาจึงยังคงกล่าวเจรจาขอผ่านทางเช่นเดิม หากอีกฝ่ายปฏิบัติกับเขาอย่างเป็นมิตรก็ดีไป แต่หากอีกฝ่ายล้ำเส้นเขาก็จะไม่ไว้หน้าเช่นกัน
เมื่อข่าวที่เขาลบล้างสองตระกูลที่แข็งแกร่งให้หายไปถูกแพร่งพรายตระกูลทุกตระกูลก็กลายเป็นหวาดกลัว เพราะงั้นไม่ว่าเขาผ่านไปยังตระกูลใดพวกเขาจึงต้อนรับด้วยท่าทางเคารพอย่างถึงที่สุด
หลิงฮันไม่ใสใจอะไรมาก พวกเขาเดินผ่านตระกูลเถี้ยนซึ่งเป็นตระกูลสุดท้ายและเข้าใกล้ต้นตอของแม่น้ำมหึมาเข้าไปทุกที
เพียงแต่ยิ่งเดินเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกหมดหวัง
แม่น้ำในช่วงบนสุดนั้นอัดแน่นไปด้วยแก่นพลังอันน่าสะพรึงกลัว เพียงแต่คลื่นกระเพื่อมจากแม่น้ำเพียงหยดเดียวก็สามารถบดขยี้จอมยุทธระดับเก้าลวดลายให้แหลกเป็นเศษซากได้
เพราะงั้นตระกูลที่ทรงพลังที่สุดจึงไม่กล้าขึ้นไปตั้งถิ่นฐานไกลกว่านี้
เมื่อเดินมาถึงจุดหนึ่งในที่สุดหลิงฮันก็พบเจอมิตรสหาย
ที่นี่มีรุ่นเยาว์จากสำนักละอองดาราอยู่จำนวนหนึ่ง พวกเขาไม่ใช่ราชาทั่วไปแต่เป็นราชาระดับสามที่มีอยู่เพียงน้อยนิด เห็นได้ชัดว่าจำนวนคนที่เหล่าเซียนสามารถคุ้มกันได้นั้นมีจำกัด พวกเขาจึงพาแต่เพียงศิษย์มีศักยะภาพมากที่สุดเข้ามาด้วย
หลิงฮันพบเห็นหงหม่า เทียนเซี่ยตี้เอ้อ ซื่อเฉินเฟิงและอัจฉริยะรุ่นเยาว์คนอื่นๆจากดินแดนต้องห้าม รวมๆกันแล้วจำนวนของพวกเขามีราวๆหกสิบกว่าคน
“ศิษย์พี่หลิง!”
เมื่อคนเหล่านั้นเห็นหลิงฮัน พวกเขาก็รีบกล่าวทักทายทันที พวกเขายังไม่รู้เรื่องที่หลิงฮันบรรลุเป็นเซียนระดับสูงแล้วและมีพลังต่อสู้ที่สามารถบดขยี้เซียนทุกคนในโลกบรรพกาล ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่กล้ากล่าวทักทายอย่างเป็นกันเองเช่นนี้
หลิงฮันพยักหน้า “แล้วคนอื่นๆล่ะ?”
“พวกเขาอยู่ในอาณาเขตสังหารเบื้องหน้า” ใครบางคนกล่าว
หลิงฮันไต่ถามอย่างละเอียดและได้รู้ว่าจากข้อมูลที่ตระกูลเถี้ยนบอกมา แม่น้ำในช่วงระดับนี้นั้นอัดแน่นไปด้วยพลังอันรุนแรงจนทำให้พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยอำนาจสังหาร และในอาณาเขตที่เต็มไปด้วยอำนาจสังหารนั้นได้มีสมุนไพรนิรันดร์งอกเงยออกมา!
สมุนไพรนิรันดร์!
ผลกายาเชื่อมสวรรค์!
สมุนไพรชนิดนี้แม้แต่ในดินแดนแห่งเซียนก็สมควรเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าหาสิ่งใดเปรียบ การได้ดูดซับสมุนไพรนี้จะทำให้ร่างกายเชื่อมต่อกับสวรรค์และปฐพี ซึ่งในตำนานเรียกว่ากายหยาบแห่งเต๋า
ผลลัพธ์ประจากกายหยาบทีว่าคืออะไร?
เมื่อกายหยาบเชื่อมต่อกับสวรรค์แล้ว ร่างกายก็จะเปรียบเสมือนว่าเป็นหนึ่งเดียวกับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มาแต่กำเนิด ร่างกายเช่นนี้จะทำให้ผู้บ่มเพาะพลังไม่มีคอขวดใดๆ หากแค่สะสมพลังปราณได้เพียงพอก็จะสามารถทะลวงผ่านระดับพลังได้อย่างง่ายดาย
แต่นอนว่าเรื่องนั้นก็ขึ้นอยู่กับอายุของผลกายาเชื่อมสวรรค์เช่นกัน บางผลสามารถช่วยผ่านคอขวดได้ถึงแค่ระดับระดับโลกียนิพพาน บางผลก็สามารถช่วยได้ถึงระดับแบ่งแยกวิญญาณ บางผลก็อาจจะช่วยได้ถึงระดับขอบเขตตำหนักอมตะ
ตามตำนานกล่าวไว้ว่าผลกายาเชื่อมสวรรค์ที่เติบโตมีอายุมากที่สุดสามารถช่วยให้จอมยุทธบรรลุได้ถึงระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนว่ามีผลกายาเชื่อมสวรรค์ที่สามารถช่วยให้บรรลุได้ถึงระดับราชาเซียน
แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว จอมยุทธระดับนิรันดร์นั้นไม่มีอายุขัย ตราบใดที่ไม่มีกำแพงระดับระดับพลังเป็นคอขวด แค่สะสมพลังปราณจะใช้เวลานานเท่าไหร่เชียว?
จักรพรรดินีและเซียนคนอื่นๆกำลังคิดหาวิธีเข้าไปยังอาณาเขตสังหารและเก็บเกี่ยวสมุนไพร เพียงแต่ว่าขนาดตระกูลเถี้ยนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้มานานแล้วหลายยุคสมัยก็ยังไม่อาจเข้าไปเก็บเกี่ยวได้จนยอมแพ้ไปแล้ว หากพวกจักรพรรดินีเก็บเกี่ยวสมุนไพรได้สำเร็จจริงๆตระกูลเถี้ยนจะต้องมาแย่งชิงไปแน่นอน
ตอนนี้ตระกูลเถี้ยนยอมให้พวกจักรพรรดินีอยู่ที่นี่ได้ชั่วคราว เพราะอย่างไรด้วยรูปแบบพลังบ่มเพาะที่ต่างกัน พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกแย่งทรัพยากรบ่มเพาะไป
หลิงฮันครุ่นคิดและตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตสังหาร หลังจากแยกจากกันหลายปีเขาคิดถึงภรรยาของเขาจะตายอยู่แล้ว
เขา สตรีนกอมตะและเซียงหวู่เซียงออกเดินทางต่อโดยมีซื่อเฉินเฟิงเป็นคนนำทาง
ระหว่างทาง ซื่อเฉินเฟิงมีท่าทีราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความรู้สึกหนักอึ้งราวกับท้องผูก
หลิงฮันทนไม่ไหวจึงกล่าวออกไป “เจ้ามีเรื่องอะไรอยากจะพูด?”
“ศิษย์พี่หลิง ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกท่าน แต่ท่านต้องอดทนให้ได้!” ซื่อเฉินเฟิงกล่าว
“อืม” หลิงฮันพยักหน้า ด้วยพลังของเขาในตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องเก็บเรื่องใดมาคิดมากทั้งนั้น หากเขารู้สึกไม่พอใจก็แค่ใช้พลังสะสางเรื่องที่ว่าให้จบๆไป
ซื่อเฉินเฟิงพยักหน้าและกล่าว “ในตอนที่พวกเราเข้ามาในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ พวกเราพบเจอรุ่นเยาว์ที่ทรงพลังมากคนหนึ่ง อีกฝ่ายมีระดับพลังอยู่ที่ราชาเซียนสูงสุดซึ่งแม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ยังต้องอ่อนน้อมต่อเขา”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “ราชาเซียนรุ่นเยาว์ผู้นั้น ดูเหมือนจะสนใจพี่สาวหล่วนซิง”
หลิงฮันกลั้นหัวเราะไม่ไหว ซื่อเฉินเฟิงกลัวว่าเขาจะหึงหวงจนหาเรื่องปะทะกับราชาเซียนรุ่นเยาว์?
ไม่มีใครสามารถต้านทานเสน่ห์ของจักรพรรดินีได้ เรื่องนี้หลิงฮันมีประสบการณ์กับตัวเอง เพียงแต่เขาเชื่อใจจักรพรรดินีเป็นอย่างมาก ไม่ว่าใครจะหว่านล้อมนางอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
การหลงใหลในเสน่ห์นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากไม่รู้จักยับยั้งตนเองเขาก็คงไม่ปรานีเช่นกัน
“เข้าใจแล้ว” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่คิดอะไรมาก
ทางด้านเสี่ยวกู่นั้นเมื่อใดเห็นคนใหม่ๆมันก็เกิดความรู้สึกกระตุ้นอยากจะพูดเลียนแบบมาก แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่หลิงฮันบอกว่าการเลียนแบบคำพูดเป็นสิ่งไม่ดีขึ้นมา มันก็พยายามระงับตัวเองเอาไว้ซึ่งทำให้มันรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
ครึ่งวันผ่านไปพวกเขาก็เดินทางมาถึงจุดที่ใกล้กับอาณาเขตสังหาร ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปเพียงแค่สายลมที่พัดออกมากระทบใบหน้าพวกเขาก็ทำให้รู้สึกราวกับถูกใบมีดเชือดเฉือน
ซื่อเฉินเฟิงหยุดเท้าและกล่าว “ศิษย์พี่หลิง ตรงนี้คือขีดจำกัดของข้าแล้ว ข้าไม่อาจนำทางไปได้ไกลกว่านี้”
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ไม่ใช่ปัญหา” เขาชี้นำพลังปราณสร้างเป็นโล่คุ้มกันร่างให้กับซื่อเฉินเฟิง ในการเดินทางที่ผ่านๆมาเขาไม่ได้ใช้ปราณก่อเกิดกับตัวเองแม้แต่น้อยและต้านทานแรงกดดันด้วยกายหยาบเพียงอย่างเดียว
ซื่อเฉินเฟิงตกตะลึงและจ้องหลิงฮันตาค้าง แม้แต่ราชาเซียนมากมายก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ แค่สร้างโล่พลังปราณให้แก่ตนเองพวกเขาก็เต็มกลืนแล้ว
“ไปกันต่อ!” หลิงฮันไม่เพียงคุ้มกันให้ซื่อเฉินเฟิงแต่ยังคุ้มกันสตรีนกอมตะและเซียนหวู่เซียงด้วย สำหรับเสี่ยวกู่นั้นเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
ทั้งสี่คนเดินนำโดยมีเสี่ยวกู่เดินตามและหันหน้ามองไปรอบด้าน ดวงตาของมันส่องประกายแสงมรกตเป็นครั้งคราวราวกับว่าที่นี่มีอะไรบางอย่างกระตุ้นมัน
หลังจากเดินไปได้อีกครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็พบเห็นคนมากกว่าสามสิบคนอยู่เบื้องหน้า
จักรพรรดินี!
หลิงฮันรู้ว่าเป็นนางเพียงแค่ชำเลืองมอง จักรพรรดินีนั้นเจิดจรัสยิ่งกว่าใคร นางราวกับเป็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวท่ามกลางดวงดาว หรือเป็นดวงตะวันที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด
ด้านข้างนางห่างออกไปสามฟุตมีรุ่นเยาว์คนหนึ่งยืนอยู่ ในขณะที่เซียนซิงฉาและเซียนคนอื่นๆอยู่ห่างออกจากรุ่นเยาว์ผู้นั้นไปอีกสามฟุต เพราะงั้นแม้ทั้งสองจะไม่อยู่ชิดแต่ก็ดูราวกับยืนเป็นคู่
จักพรรดินีนั้นราวกับว่านางมีญาณวิเศษ จู่ๆนางก็หันหลังมา ใบหน้าอันงดงามเผยรอยยิ้มที่แสนดีใจและโผเข้าอ้อมแขนของหลิงฮันทันที
พร้อมกันนั้นสีของรุ่นเยาว์ที่ยืนอยู่ข้างนางก็เปลี่ยนเป็นมืดมน