จักรพรรดินีหยุดมือทันที นางหันไปยิ้มให้กับหลิงฮันด้วยสีหน้าที่ราวกับบุปผานับพันกำลังเบ่งบาน
หลิงฮันทนไม่ไหวและรีบก้าวไปโอบกอดดึงเอวของจักรพรรดินีเข้ามาจูบ
ใบหน้าของผางเฉินเปลี่ยนเป็นมืดมน “พอรึยัง?”
หลิงฮันไม่แยแส เขายังคงจูบอย่างดูดดื่มกับภรรยาต่อไป
“ฮึ่ม!” ผางเฉินคำรามและทะยานร่างเข้าโจมตีหลิงฮัน
หลิงฮันไม่แม้แต่เงยหน้ามอง ‘พรึบ’ เขาสะบัดนิ้วลวกๆปลดปล่อยปราณดาบที่รุนแรงราวกับจะสะบั้นท้องฟ้าจนขาด
สีหน้าของผางเฉินเปลี่ยนไปทันทีและรีบใช้พลังทั้งหมดคุ้มกันตนเอง ร่างของเขาปลดปล่อยแสงสลัวสีทองสร้างเป็นโล่เบื้องหน้า บนโล่ทองคำมีคำว่า ‘ผาง’ สลักเอาไว้
‘ตูม’ เมื่อปราณดาบปะทะเข้าใส่โล่สีทอง โล่ก็ถูกผ่านออกเป็นสองท่อนทันที ปราณดาบยังไม่เสื่อมอำนาจและพุ่งทะยานเข้าใส่หน้าอกของผางเฉิน โลหิตสาดกระจายพร้อมกับร่างของผางเฉินที่ถูกทำให้ล่าถอยสิบเจ็ดฟุต
‘อั่ก’ ผางเฉินกระอักโลหิตด้วยใบหน้าซีดเผือด
เขาจ้องมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าราวกับเห็นผี
ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี เซียนระดับสูงสามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ได้อย่างไร?
อย่าบอกนะ!
จิตใจของเขาสั่นสะท้าน หรือว่ารุ่นเยาว์ตรงหน้าเขาจะบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งด้วยจำนวนดวงดาวสิบล้านดวง? หากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้แล้ว ด้วยความแตกต่างของระดับพลังหนึ่งขั้น เขาก็ไม่สมควรพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเช่นนี้!
ไม่สิ… สตรีผู้นั้นก็ด้วย!
เขาหันไปมองจักรพรรดินี สตรีงดงามหาใครเปรียบผู้นี้ก็สมควรทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งด้วยดวงดาวสิบล้านดวงเช่นกัน เพราะงั้นนางถึงได้แข็งแกร่งพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกราชาเซียนชิงอวี่ก็แทบจะคุกเข่า
เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ เมื่อใดที่หลิงฮันบรรลุเป็นเซียนระดับสูง ในโลกบรรพกาลจะไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อีกต่อไป
ผางเฉินกัดฟัน ความยั่วยวนของสมุนไพรนิรันดร์นั้นมีมากจนเขาไม่ยินยอมที่จะปล่อยมือไปง่ายๆ เขารีบนำจี้หยกออกมาและกล่าวอย่างโหดเหี้ยม “หากไม่อยากตายก็จงมอบสมุนไพรนิรันดร์มา ไม่เช่นนั้น ตราบใดที่ข้าทำลายจี้หยกเส้นนี้ทุกคนในเขตแดนลี้ลับจะตายกันทั้งหมด!”
เขากล่าวของเขาไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย จี้หยกเส้นนี้คือสมบัติที่เขาได้รับมาจากผู้อาวุโสของตระกูล เมื่อจี้หยกถูกทำลาย คลื่นพลังทำลายอันน่าสะพรึงที่รุนแรงเกือบเท่ากับการโจมตีของตัวตนระดับโลกียนิพพานจะปะทุออกมา ไม่ว่าหลิงฮันจะเป็นราชาเซียนที่ทรงพลังขนาดไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังทำลายกึ่งระดับโลกียนิพพาน เขาก็มีโชคชะตายก็แหลกสลายกลายเป็นฝุ่น
“โอ้ มันคืออะไรรึ?” หลิงฮันเอ่ยถามด้วยท่าทางสนใจ
ผางเฉินแทบจะบ้าคลั่ง นี่ใช่เวลาสนใจว่าสิ่งนี้คืออะไรรึไง? เขากล่าวด้วยน้ำเสียงกึกก้อง “อย่าบังคับให้ข้าต้องลงมือ นี่คืออาวุธต้องห้ามที่จะบดขยี้ทุกสรรพสิ่งภายใต้ระดับโลกียนิพพาน!”
“เจ้าจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่ข้าจำเป็นต้องเชื่อ?” หลิงฮันส่ายหัว
ฮึ่ม!
ปากของผางเฉินกระตุก ความจริงเขาไม่ได้อยากใช้อาวุธลับชิ้นนี้เลยเนื่องจากเมื่อใดที่พลังของมันระเบิดออกมา ไม่เพียงแค่หลิงฮันที่จะตาย แต่จักรพรรดินีเองก็เช่นกัน เขารู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะหาสตรีที่งดงามขนาดนี้ได้อีกรึไม่
“หลิงฮัน!” ราชาเซียนชิงอวี่และคนอื่นๆตะโกนเรียกสติ ฟังจากน้ำเสียงแล้วผางเฉินไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน
“ถ้าเจ้ากล้าก็เชิญเลย” หลิงฮันยังคงกระตุ้นยุแหย่ผางเฉิน
ท้ายที่สุดผางเฉินก็ทนไม่ไหว หากเขาจำกัดหลิงฮันไม่ได้เขาก็ไม่มีทางได้ตัวจักรพรรดินี ในเมื่อเขาไม่อาจได้ครอบครองนาง คนอื่นก็ไม่มีทางได้ครอบครองเช่นกัน! ‘เพล๊ง’ เขาทำลายจี้หยกในมือทันที
‘มิติเอกเทศ’ หลิงฮันผลักฝ่ามือออกไป ทันใดนั้นร่างของผางเฉินก็หายไปในพริบตา
แต่นั่นก็แค่ชั่วครู่ ‘ตูมมม’ คลื่นพลังระเบิดออกกลางอากาศที่ว่างเปล่าแพร่กระจายไปทั่วทิศทาง เพียงแต่ว่าพลังของคลื่นระเบิดนั้นเหลืออยู่ไว้แค่ในระดับที่ราชาเซียนต้านทานไหว
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้นั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ผางเฉินและจี้หยกถูกส่งไปยังมิติเอกเทศพร้อมกัน โดยที่คลื่นพลังทำลายส่วนใหญ่ได้ระเบิดไปในมิติเอกเทศแล้ว เมื่อมิติเอกเทศสลายตัวพลังทำลายที่ยังหลงเหลือจากจี้หยกจึงลดลงไปมาก
ในทางกลับกัน ผางเฉินนั้นแต่เดิมได้เป็นแกนกลางของคลื่นระเบิด ซึ่งหากในสถานการณ์ปกติเขาไม่สมควรได้รับผลกระทบจากพลังของจี้หยกไปด้วย เพียงแต่ว่าเมื่อถูกส่งตัวไปอยู่ในมิติเอกเทศ คลื่นพลังของจี้หยกก็ได้เกิดการหดตัวและสะท้อนกลับ ผลลัพธ์จึงกลายเป็นว่าเขาได้พบกับความพินาศไปด้วย
ตอนนี้เขาได้ตายไปแล้ว โดยที่กระดูกสักท่อนก็ไม่เหลือ
ดั่งคำที่ว่าผลกรรมคืนสนอง!
ราชาเซียนชิงอวี่และคนอื่นกลายเป็นไร้คำพูด จบง่ายๆแบบนี้น่ะรึ?
หลงฮันเผยรอยยิ้มและกล่าว “เรื่องทุกอย่างจบแล้ว ทุกคนเตรียมตัวกลับกันได้”
เซียนทุกคนพยักหน้าด้วยสีหน้าอ้างว้างราวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง ผ่านไปครู่หนึ่งทุกคนถึงจะเรียกสติกลับมาได้ ในเมื่อหลิงฮันบรรลุเป็นเซียนระดับสูง… งั้นก็เข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้แล้ว!
พวกเขารีบกล่าวทันทีว่าจะรีบกลับไปยังดินแดนต้องห้ามเพื่อเตรียมตัวเพื่อนำสมาชิกตระกูลคนอื่นๆมาหาหลิงฮันให้ไวที่สุด
หลิงฮันตอบทุกคนไปว่าไม่จำเป็นต้องรีบ เขาต้องการอยู่ในโลกบรรพกาลต่ออีกอย่างน้อยสิบปี
ทำไมน่ะรึ? เขาต้องการรวบรวมหยดสายฟ้าสวรรค์จำนวนมากก่อนที่จะจากไป
ในตอนที่พวกเขาเดินทางกลับ ตระกูลเถี้ยนได้รับรู้ว่าสมุนไพรนิรันดร์ได้ถูกเก็บเกี่ยวไปแล้วแต่ก็ไม่มีใครกล้ากล่าวอะไรออกมา ด้วยชื่อเสียงของหลิงฮันในตอนนี้ ใครจะกล้าช่วงชิงสิ่งของในกระเป๋าหลิงฮัน?
สองวันต่อมา เหล่าคนนอกทุกคนก็กลับออกจากตระกูลเถี้ยนมายังตระกูลหย่วนที่จุดเริ่มต้น ตราบใดที่ไม่ใช่จอมยุทธระดับราชาเซียนสูงสุด พวกเขาสามารถบ่มเพาะพลังที่นี่ต่อได้ ด้วยพลังวิญญาณอันหนาแน่นของที่นี่ความเร็วในการสะสมพลังปราณจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
ราชาเซียนทุกคนออกมาจากเขตแดนลี้ลับ พวกเขาต้องรีบไปเตรียมตัวเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียน
หลิงฮันเองก็ออกมาเช่นกัน เขาต้องการกลับไปยังจักรวรรดิต้าหลิงเพื่อคัดเลือกคนที่จะเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนไปพร้อมกัน
การเดินทางกลับครั้งนี้มีเพียงจักรพรรดินีที่มากับเขาด้วย จักรพรรดินีนั้นบรรลุเซียนระดับกลางสูงสุดแล้ว นางไม่จำเป็นต้องสะสมพลังปราณ สิ่งที่นางต้องทำคือการขัดเกลาวิถีแห่งเต๋าของระดับพลังบ่มเพาะด้วยต้นสังสารวัฏ
จักรพรรดินีเก็บตัวอยู่ในหอคอยทมิฬในขณะที่หลิงฮันปลดปล่อยคลื่นแสงแห่งเต๋าสีทองมุ่งหน้าสู่จักรวรรดิต้าหลิง
นี่คือครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้อยู่ในจักรวรรดิต้าหลิง กว่าจะได้มาอีกครั้ง ก็คงเป็นตอนที่เขากลับออกมาจากดินแดนแห่งเซียน