ตามหลักทั่วไปแล้ว ศักยภาพหนึ่งดาวคือพรสวรรค์ที่จะสามารถกลายเป็นนิรันดร์หนึ่งนิพพาน สองดาวคือสามารถกลายเป็นนิรันดร์สองนิพพาน และสามดาวคือนิรันดร์สามนิพพาน
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือการจะบรรลุระดับโลกียนิพพานสี่นิพพานได้นั้น จะเป็นต้องมีศักยภาพสามดาวครึ่งเป็นอย่างน้อย
ติงเซี่ยวเฉินมองไปยังหลิงฮันด้วยสายตาอิจฉา ศักยภาพสามดาวครึ่งเป็นพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก! อย่างน้อยอีกฝ่ายจะสามารถบรรลุเป็นนิรันดร์สามนิพพานได้อย่างไร้ข้อกังขา
แม้ศักยภาพจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ แต่หากไม่ใช่ด้วยทักษะบ่มเพาะที่ทรงพลังหรือสมุนไพรล้ำค่าศักยภาพก็ไม่อาจแปรเปลี่ยน
ที่ติงเซี่ยวเฉินไม่รู้คือหลิงฮันกับจักรพรรดินีเพียงแค่แสร้งทำเท่านั้น ศักยภาพที่แท้จริงของทั้งสองสูงล้ำยิ่งกว่าสามดาวครึ่งไปอีกมาก หากรู้เรื่องนี้ติงเซี่ยวเฉินจะทำหน้าอย่างไร?
“ผ่าน หมายเลขของเจ้าคือ 5574” เจ้าหน้าที่ทดสอบลุกขึ้นยืนอีกครั้งและมอบแผ่นป้ายให้หลิงฮัน
บางทีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รุ่นเยาว์ผู้นี้อาจจะสร้างตำนานครั้งใหม่ได้เหมือนกับเม่าไต้
“เจ้าชื่ออะไร มาจากไหน?” เม่าซูอวี่จ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาส่องประกาย
หลิงฮันยิ้มและตอบกลับ “ข้าคือหลิงฮัน ข้าเก็บตัวอาศัยอยู่ในป่าเขามาตลอด เมื่อไม่นานนี้ฝูงสัตว์อสูรได้บุกทำลายหมู่บ้านของพวกข้า พวกข้าเลยหลบหนีมายังเมืองธุลีจันรทราแห่งนี้”
นี่คำโกหกนี้เป็นสิ่งที่เขาตกลงกับจักรพรรดินี จักรพรรดิเพลิงอัสนีและสุนัขตัวเอาว่าจะกล่าวให้ตรงกัน
“หลิงฮันงั้นรึ?” ติงเซี่ยวเฉินด้าวเดินเข้ามาใกล้และกวาดสายตามอง “ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าได้เป็นผู้ติดตามของข้า อย่าได้คิดว่านี่คือคำสบประมาท ความจริงแล้วมีอีจฉริยะไม่รู้กี่คนที่อยากเป็นผู้ติดตามของข้าแต่ก็ไม่มีโอกาสเช่นเจ้า”
แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะมอบโอกาสอะไรให้หลิงฮันทั้งนั้น เขาแต่อยากเก็บอัจฉริยะเช่นนี้เอาไว้ข้างกายและคอยหาโอกาสสังหาร
สุดยอดอัจฉริยะของเมืองธุลีจันรทรามีแค่เขาคนเดียวก็เกินพอ
“ไม่สนใจ” หลิงฮันปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิด
ใบหน้าของติงเซี่ยวเฉินเปลี่ยนเป็นมืดมนและกล่าว “เจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจ!”
“เหอๆ” หลิงฮันคร้านจะสนใจและหัวเราะแห้ง
“อย่ามายุ่งกับเขา!” เม่าซูอวี่เค้นเสียง “ติงเซี่ยวเฉิน ข้าขอเตือนว่าอย่าได้คิดจะก่อปัญหาใดๆ ข้าจะแนะนำคนผู้นี้ให้แก่ท่านพ่อเพื่อดูว่าเขาสนใจรับศิษย์หรือไม่ หากเจ้าวางแผนชั่วร้ายใดๆ ต่อให้เจ้าเป็นคนของตระกูลติงท่านพ่อของข้าก็ไม่มีทางไว้ชีวิตเจ้า!”
ติงเซี่ยวเฉินเผยสีหน้าเกรี้ยวกราด เขาจดจ้องหลิงฮันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแสยะยิ้มมุมปาก
ต่อให้มีศักยภาพสามดาวครึ่งแล้วจะอย่างไร? เขามีพลังบ่มเพาะสูงกว่าอีกฝ่ายหนึ่งขั้นย่อยซึ่งไม่ใช่ความต่างที่ศักยภาพครึ่งดาวจะทดแทนได้
การทดสอบครั้งต่อไปที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการปะทะอันรุนแรง ถ้าตอนนั้นเขาแอบสังหารอีกฝ่ายไปใครจะว่าอะไรได้?
เขาไม่กล่าวอะไรต่อ แต่สายตาอันเต็มไปด้วยจิตสังหารนั้นยากจะปิดบัง
หลิงฮันไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง เขาสัญญาไว้กับหูหยู่ก็จริงว่าจะช่วยทำลายตระกูลติง แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ชอบสังหารใครสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่ดี แม้ตระกูลติงจะชั่วร้ายแต่ก็สมควรมีคนบางส่วนที่จิตใจดี
แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว ไม่ว่าตระกูลติงจะมีคนดีอยู่ด้วยหรือไม่เขาก็จะลบตระกูลนี้ให้หายไป
“คนที่ได้แผ่นป้ายขอให้เคลื่อนที่ไม่ยังการทดสอบต่อไป” เจ้าหน้าที่ทดสอบวัยกลางคนปรากฏตัว เขาคือจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งสูงสุด ในโลกบรรพกาลเขาอาจจะจัดว่าเป็นปรมาจารย์ไร้เทียมทาน แต่ที่นี่เขาเป็นได้แค่เจ้าหน้าที่ทดสอบทั่วไปเท่านั้น
ผู้ผ่านทดสอบรอบแรกกว่าห้าพันคนก้าวเดินไปยังตีนเขาด้านหน้า
เจ้าหน้าที่ทดสอบวัยกลางคนก้าวเท้าตามมาและกล่าว “จากนี้ไปอีกร้อยปีข้าจะรับหน้าที่เป็นผู้แนะแนวให้แก่พวกเจ้า! ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะเป็นใครมาจากไหน หากอยู่ที่นี่พวกเจ้าก็เป็นเพียงทหารธรรมดาคนหนึ่ง พวกเจ้าเข้าใจรึไม่?”
“เข้าใจ!” ผู้ทดสอบกว่าห้าพันคนตะโกน
“ชื่อของข้าคือถูคัง พวกเจ้าสามารถเรียกข้าว่าผู้แนะแนวถู” เจ้าหน้าที่ทดสอบผู้นั้นกล่าวต่อ “ข้าจะขอประกาศกฎของการทดสอบคัดคนให้ฟัง เบื้องหน้านี้มีภูเขาอยู่เก้าลูกและมีฝูงของหมาป่าเงาโลหิตอยู่มากมาย พลังของพวกมันมีตั้งแต่ระดับวารีนิรันดร์ไปจนถึงระดับสร้างสรรพสิ่ง หน้าที่ของพวกเจ้าคือนำหางของหมาป่าเงาโลหิตกลับมาให้ได้”
เขาหยุดเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “มีเพียงผู้ทดสอบหนึ่งพันคนแรกที่นำหางของหมาป่าเงาโลหิตกลับมาได้เท่านั้นถึงจะผ่านการทดสอบนี้ สำหรับคนอื่นๆที่ช้าไม่ว่าจะมีเหตุผลอันใดก็จะถือว่าไม่ผ่านการทดทอบทันที!”
“ในระหว่างการทดสอบ ทุกคนต้องรับผิดชอบชีวิตของตนเอง! หากใครหวาดกลัวความตายก็ขอให้ไสหัวไป”
ความจริงผู้ทดสอบบางส่วนรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่รู้และเกิดความรู้สึกลังเล
ผู้เข้าทดสอบสามร้อยกว่าคนขอถอนตัว แต่ถึงอย่างนั้นจำนวนของผู้ทดสอบที่เหลือก็ยังมีมากกว่าห้าพันคนอยู่ดี
“ถ้างั้นก็เริ่มการทดสอบได้!” ถูคังดีดนิ้วส่งสัญญาณ
‘พรึบ’ ผู้ทดสอบทั้งห้าพันกว่าคนพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว การทดสอบครั้งนี้ไม่ใช่แค่ต้องแข็งแกร่งอย่างเดียวแต่ต้องพึ่งพาดวงด้วย ยกตัวอย่างเช่น ผู้ทดสอบระดับวารีนิรันดร์นั้นไม่มีทางสังหารหมาป่าเงาโลหิตระดับสร้างสรรพสิ่งได้แน่ๆ แต่หากพวกเขาโชคดีก็จะได้พบกับหมาป่าเงาโลหิตระดับวารีนิรันดร์เหมือนกันและมีโอกาสที่จะผ่านการทดสอบหนึ่งพันคนแรก
“ตามข้ามา” เม่าซูอวี่รักษาคำพูดที่ว่าจะคุ้มครองทั้งสองคน นางกวักมือเรียกหลิงฮันกับจักรพรดินี
หลิงฮันและจักรพรรดินีไม่คิดอะไรมากและยอมตามนางไป พวกเขาทั้งสามคนทะยานร่างพุ่งเข้าสู่ภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าไม้
ในโลกบรรพกาล หากไม่ใช่เซียนที่ฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติ ความเร็วของเซียนทุกระดับนั้นแทบจะทัดเทียมกัน
แต่ในดินแดนแห่งเซียนนั้น ด้วยอำนาจของสวรรค์และปฐพีที่สมบูรณ์ ทำให้ความเร็วของจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งแต่ละระดับมีความแตกต่างกัน
ราชาเซียนย่อมรวดเร็วกว่าเซียนระดับสูง เซียนระดับสูงย่อมรวดเร็วกว่าเซียนระดับกลาง แต่ก็แน่นอนว่าหลักการนี้ใช้ไม่ได้กับอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดอย่างหลิงฮันกับจักรพรรดินี
เม่าซูอวี่ไม่รู้เรื่องนี้ นางจงใจลดความเร็วของนางลงเพราะกลัวว่าหลิงฮันกับจักรพรรดินีจะไล่ตามไม่ทัน เพียงแต่ว่าด้วยความเร็วเท่านี้ก็เพียงพอแล้วเนื่องจากมีผู้ทดสอบระดับราชาเซียนอยู่เพียงราวๆสามร้อยคนเท่านั้น
ติงเซี่ยวเฉินไล่ตามทั้งสามมาจากด้านหลังด้วยสายตาที่ราวกับเหยี่ยวจดจ้องเหยื่อ หากเม่าซูอวี่ประมาทแม้แต่นิดเดียวเขาจะลงมือสังหารหลิงฮันให้ตายในพริบตา
หากเม่าซูอวี่ไม่อยู่ที่นี่ หลิงฮันเองก็ยินดีที่จะล่อติงเซี่ยวเฉินไปยังสถานที่ลับตาคนเพื่อจัดการอีกฝ่ายเช่นกัน
เขาหันไปชูนิ้วกลางให้กับติงเซี่ยวเฉินและขยับปากเป็นคำด่าหยาบคาย
เจ้าตัวบัดซบ!
ใบหน้าของติงเซี่ยวเฉินกลายเป็นมืดมน เขาขอสาบานเลยว่าหากหลิงฮันตกมาอยู่ในเงื้อมมือของเขาเมื่อไหร่ เขาจะทำทุกวิถีทางให้อีกฝ่ายตกตายอย่างไม่มีทางหนีรอด!