คำว่า ‘อัจฉริยะ’ และ ‘ราชา’ นั้นมักถูกใช้ให้เห็นอยู่ตลอด สำหรับจอมยุทธที่มีความเก่งกาจมากกว่าจอมยุทธตัวไป พวกเขาจะถูกเรียกว่า ‘อัจฉริยะ’ หากมีพรสวรรค์ยิ่งกว่านั้นขึ้นไปอีกก็จะถูกเรียกว่า ‘สุดยอดอัจฉริยะ’ หรือ ‘อัจฉริยะแนวหน้า’
แต่ในดินแดนแห่งเซียน การจะถูกเรียกว่าราชาในระดับนิรันดร์อย่างระดับโลกียนิพพานหรือระดับขอบเขตตำหนักอมตะนั้นยังไม่ค่อยกระจ่างเท่าไหร่ แต่สำหรับระดับพลังที่ต่ำกว่านิรันดร์ มีเพียงอัจฉริยะที่บรรลุขีดจำกัดแท้จริงของระดับวารีนิรันดร์ได้เท่านั้นถึงจะถูกเรียกว่าราชา
จำนวนของราชาเช่นนี้มีอยู่น้อยนิด ต่อให้เป็นนิกายใหญ่ยักษ์ก็ยังบ่มเพาะทายาทเช่นนั้นได้เพียงหยิบมือ
จักรพรรดินีเดินกลับมาหาหลิงฮันและยื่นสมุนไพรให้แก่เขา
สมุนไพรต้นนี้สามารถนำไปปลูกในหอคอยทมิฬและนำมาใช้ได้ตลอดเวลา ยิ่งตอนนี้หอคอยทมิฬเปิดถึงชั้นที่หกแล้ว ไม่เพียงแต่ความเร็วในการเติบโตของพืชจะเพิ่มขึ้นแต่ประสิทธิภาพของพวกมันยังสูงขึ้นอีกด้วย
จักรพรรดินียื่นหางหมาป่าเงาโลหิตให้แก่หลิงฮันกับเม่าซูอวี่
ทั้งสมุนไพรหรือหางหมาป่าเงาโลหิตก็ได้มาแล้ว ถึงเวลาที่พวกเขาจะออกไปจากที่นี่
เม่าซูอวี่รับหางหมาป่าเงาโลหิตมาด้วยสีหน้าเหม่อลอย นางยังคงเรียกสติกลับมาไม่ได้ สิ่งที่อยู่ในหัวของนางมีแต่คำว่า ‘เป็นไปได้อย่างไร!’
“จะอย่างไรก็เถอะ นี่เวลาก็ยังผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ มาหาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำเพิ่มกันดีกว่า” หลิงฮันดวงตาเป็นประกาย
จักรพรรดินีพยักหน้า หากหลิงฮันต้องการไม่ว่าเรื่องอะไรนางก็ไม่ปฏิเสธ
เม่าซูอวี่ที่กำลังมึนงงเดิมตามทั้งสองไปอย่างไร้สติ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็เก็บเกี่ยวสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำมาได้หกต้น เมื่อเม่าซูอวี่ได้สติกลับมานางก็เร่งให้พวกเขารีบกลับเพราะกลัวว่าจะไม่ทันพนึ่งพันสิทธิ์
หลิงฮันยังรู้สึกไม่พอใจกับสมุนไพรหกต้นและคิดในใจว่าในอนาคตจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
พวกเขาเดินทางกลับ ระหว่างทางแม้จะพบการลอบโจมตีของสัตว์อสูรหลายประเภทแต่เม่าซูอวี่ก็สามารถจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย
หนึ่งวันต่อมาพวกเขากลับมาถึงจุดรวมพล จากจำนวนของผู้ทดสอบที่กลับมาแล้วพวกเขาน่าจะอยู่ที่ลำดับราวๆหกถึงเจ็ดร้อย
ยังถือว่าผ่าน
ครึ่งวันต่อมาในที่สุดจำนวนคนก็ครบถึงหนึ่งพันคนและการทดสอบคัดเลือกก็ถึงคราวสิ้นสุด ถูคังเดินนำผู้ทดสอบหนึ่งพันคนไปยังค่ายพักกองกำลังที่ตีนเขา นี่คือสถานที่ที่พวกเขาจะอาศัยอยู่ไปอีกร้อยปี
ก่อนจะเข้าสู่ค่ายพัก ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงออร่าอันผันผวนที่ทรงพลังยิ่งกว่าของระดับสร้างสรรพสิ่ง
ระดับโลกียนิพพาน!
ในช่วงระยะเวลาร้อยปีนี้ รองแม่ทัพจะมาคอยเฝ้าดูแลสถานการณ์ชั่วคราว ซึ่งรองแม่ทัพของกองกำลังธุลีจันรทรานั้นมีอยู่ด้วยกันเพียงแค่หกคนเท่านั้น พวกเขามาอยู่ที่นี่เพื่อคอยควบคุมไม่ให้ผู้ทดสอบระดับสร้างสรรพสิ่งเหิมเกริม
และแน่นอนว่าถูคังไม่ใช่ผู้แนะแนวเพียงคนเดียวของที่นี่ ผู้แนะแนวมีอยู่ด้วยกันถึงสิบคน พวกเขาจะคอยทำหน้าที่ชี้นำวิธีการต่อสู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม เนื่องจากทหารกองกำลังนั้นไม่เหมือนจอมยุทธที่ต่อสู้อย่างสันโดษคนเดียว
ผู้แนะแนวทั้งสิบคนปรากฏตัวพร้อมกัน ในขณะที่มีรองแม่ทัพคนหนึ่งนั่งอยู่บนแท่นที่สูงขึ้นไปราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และปฐพี
นิรันดร์ระดับระดับโลกียนิพพาน!
“พวกเราจะทำการเลือกหัวหน้ากลุ่มทั้งสิบกลุ่มจากผลลัพธ์ของการทดสอบคัดเลือกที่ผ่านมา ทั้งสิบคนคือหมายเลข 1700 534 895…” ถูคังกล่าวจบพร้อมกับโค้งคำนับนิรันดร์เบื้องบนเพื่อเป็นสัญญาณว่าจะดำเนินการทดสอบขั้นต่อไป
เมื่อนิรันดร์ผู้นั้นลืมตาขึ้น ทุกคนก็สั่นสะท้านรู้สึกราวกับจักรวาลกำลังจะล่มสลาย
“นั่นมันปรมาจารย์ติงหู่ นิรันดร์ระดับหนึ่งนิพพาน!”
“รองแม่ทัพของกองกำลังพยัคฆ์ขาว!”
ใครหลายคนกระซิบพูดคุยกัน เพียงเวลาไม่นานคนที่ไม่รู้จักตัวตนของรองแม่ทัพตรงหน้าก็เข้าใจว่าคนผู้นั้นเป็นใคร
กองกำลังธุลีจันรทรานั้นมีแม่ทัพสูงสุดคือแม่ทัพเม่าไต้ นิรันดร์ระดับสามนิพพาน ภายใต้อำนาจของแม่ทัพสูงสุดได้มีเหล่ารองแม่ทัพที่ปกครองสามกองกำลังย่อย ซึ่งก็คือกองกำลังมังกรคราม กองกำลังพยัคฆ์ขาวและกองกำลังหงส์เพลิง
ทำไมถึงเป็นสามกองกำลังย่อย ไม่ใช่สอง สี่หรือห้า? นั่นเพราะว่าในเมืองธุลีจันรทรามีขุมอำนาจตระกูลใหญ่อยู่เพียงสามตระกูล
ตระกูลต้วนควบคุมกองกำลังย่อยมังกรคราม ตระกูลติงควบคุมกองกำลังย่อยพยัคฆ์ขาวและตระกูลล้งควบคุมกองกำลังย่อยหงส์เพลิง
แต่ละกองกำลังย่อยมีรองแม่ทัพอยู่กองกำลังละสองคน
ผู้เข้าทดสอบส่ายหัว การที่ติงหู่อยู่ที่นี่ ติงเซี่ยวเฉินจะได้ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ว่าด้วยพลังของติงเซี่ยวเฉินเขาย่อมสามารถแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้ามาได้อยู่แล้ว เพราะงั้นทุกคนจึงไม่คัดค้านอะไร
“กฎของการทดสอบจะเป็นดังนี้… ตอนนี้ผู้นำกลุ่มทั้งสิบได้ถูกเลือกแล้ว ทั้งสิบคนนี้จำเป็นต้องรับการท้าประลองจากผู้ทดสอบคนอื่น หากชนะก็จะสามารถปกป้องตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มเอาไว้ได้ แต่หากแพ้ผู้ชนะจะกลายมาเป็นผู้นำกลุ่มแทน ระยะเวลาทดสอบคือสามวัน”
“นอกจากนั้น ในการประลองแค่ละครั้ง หากตัดสินผู้ชนะไม่ได้ภายในครึ่งชั่วโมง ผู้ที่ครองตำแหน่งผู้นำกลุ่มอยู่จะเป็นผู้ชนะ”
“หลังจากการประลองเสร็จสิ้นแต่ละครั้ง ผู้ชนะจะมีเวลาได้พักครึ่งชั่วโมง”
“และผู้นำกลุ่มคนใดไม่ถูกท้าประลองภายในครึ่งชั่วโมง จะถือว่าคนผู้นั้นได้รับตำแหน่งไปโดยปริยาย”
“ถ้าเช่นนั้น… เริ่มได้!”
ติงเซี่ยวเฉินและคนอื่นๆอีกเก้าคนเคลื่อนที่ไปยังลานประลองบริเวณกึ่งกลางค่ายกองกำลัง ดินแดนแห่งเซียนมีโครงสร้างที่แข็งแรงแถมยังมีนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานคอยควบคุมสถานการณ์อยู่ด้วย เพราะงั้นจึงไม่จำเป็นว่าจะมีการปะทะที่รุนแรงจนทำให้ค่ายกองกำลังพังทลายเกิดขึ้น
ผู้ท้าชิงค่อยๆปรากฏตัว หากต้องการจะคว้าตำแหน่งผู้นำกลุ่มเอาไว้จำเป็นต้องหาว่าในในสิบคนที่ครองตำแหน่งอยู่ใครคือคนที่อ่อนแอที่สุด เพราะงั้นจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
หลังจากการท้าประลองระลอกแรก ผู้ครองตำแหน่งหกในสิบคนก็ถูกเปลี่ยน
หลิงฮันมองไปยังชายชราบนลานประลองและกล่าวกับจักรพรรดินี “พลังต่อสู้ของหมอนั่นไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าสายเลือดของเขาจะต่างกับคนทั่วไป”
ในขณะที่ต่อสู้ ทั่วร่างของชายชราจะถูกห่อหุ้มไปด้วยชั้นเกล็ดหนาสีดำ ด้วยความสามารถนี้ทำให้อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวการโจมตีของศัตรูและสามารถปลดปล่อยการโจมตีได้เต็มพลัง
เขาใช้วิธีนี้เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ภายในสิบกระบวนท่า
“แล้วก็คนคนนั้น” จักรพรรดิมองไปยังสตรีผู้หนึ่ง