หลิงฮันดีดนิ้ว ‘พรึบ’ ปราณดาบถูกปลดปล่อยเข้าใส่ร่างของติงเซี่ยวเฉิน แต่ก็ถูกอำนาจแห่งกฎเกณฑ์กลืนกินไปอย่างง่ายดายและไม่ส่งผลใดๆ
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมตระกูลติงถึงวางแผนแย่งชิงทักษะลับของตระกูลหู อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาที่ปกคลุมร่างของติงเซี่ยวเฉินอยู่ในตอนนี้แทบจะทำให้เขาสามารถเมินเฉยการโจมตีทั้งหมดที่พุ่งเข้าใส่ได้อย่างสมบูรณ์
เพียงแต่ว่าหลิงฮันนั้นฝึกฝนทักษะนิรันดร์มากมาย แม้แต่กาลเวลาแปรผันพันปีเขาก็ฝึกฝนสำเร็จอย่างเชี่ยวชาญ ยิ่งได้รับทักษะที่สมบูรณ์จากหูหยู่อีก กล่าวได้ว่าทักษะที่พึ่งพาอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลติงแม้แต่น้อย
ที่จะแตกต่างก็คือพลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้เขาอ่อนหัดเกิดไปทำให้ไม่สามารถปลดปล่อยอำนาจแท้จริงของทักษะได้
“ฮ่าๆ เจ้าคิดว่าจะทำอะไรได้เมื่ออยู่ต่อต้านทักษะประจำตระกูลติงของข้า?” ความมั่นใจของติงเซี่ยวเฉินหวนคืนกลับมา ถึงแม้การสังหารหลิงฮันจะไม่ทำให้ความอัปยศเมื่อครู่หายไป แต่หากปล่อยให้หลิงฮันมีชีวิตอยู่เขาก็จะไม่สามารถมองหน้าใครติดเลยในชีวิตนี้
หลิงฮันยิ้มและดีดนิ้วอีกครั้ง ‘พรึบ’ คลื่นดาบถูกปลดปล่อยออกไปและเฉือนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของติงเซี่ยวเฉินขาดกระจุย เพียงแต่ว่าอำนาจของคลื่นดาบก็อ่อนพลังลงเช่นกัน หลังจากทำลายอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาแล้วมันก็สลายไป
สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดกลัวให้กับติงเซี่ยวเฉินจนต้องรีบหยุดร่างชะงัก ใบหน้าของเขาประดับไว้ด้วยความตกตะลึงอย่างถึงขีดสุด
หมอนี่ทำลายอำนาแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาของเขาได้!
แม้เขาจะยังไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่หากหลิงฮันโจมตีอย่างต่อเนื่องป่านนี้เขาคงตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ไปแล้ว
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
ในขณะที่โคจรกาลเวลาแปรผันพันปี การโจมตีที่พุ่งเข้าใส่เขาสมควรถูกเร่งเวลาจนสลายไปไม่ใช่รึไง! อย่างที่รู้ว่าตัวเขาในตอนนี้มีพลังบ่มเพาะระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด หากจะทำลายอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขาได้ก็ต้องมีพลังระดับโลกียนิพพานเท่านั้น
ถ้างั้นแล้วหลิงฮันทำได้อย่างไร?
ไม่เพียงแต่ติงเซี่ยวเฉินที่ตกตะลึง แม้แต่ติงหู่เองก็เผยสีหน้าเหลือเชื่อ เขามีความรู้สึกว่าหลิงฮันอาจจะยังไม่ได้เอาจริงเลยด้วยซ้ำ
สามารถโค่นราชารุ่นเยาว์ของตระกูลติงได้ทั้งๆที่ไม่ได้เอาจริง? ยิ่งกว่านั้นคือยังมีพลังบ่มเพาะอยู่แค่ในระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงอีกด้วย?
นี่มันสัตว์ประหลาดแบบใดกัน!
ติงหู่เกิดความรู้สึกลังเล ตามความเป็นจริงตระกูลติงสมควรจะรับอัจฉริยะศักยภาพสามดาวครึ่งผู้นี้เข้าตระกูลให้ได้ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วรุ่นเยาว์ผู้นี้ดูเหมือนจะมีความบาดหมางไม่ลงรอยกับติงเซี่ยวเฉินและอาจจะลามไปถึงตระกูลติงด้วยก็เป็นได้
ในอนาคตอันใกล้จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่หลิงฮันจะตกไปอยู่ในมือของลตระกูลล้งและตระกูลต้วน
เมื่อคิดเช่นนั้นภายในจิตใจของติงหู่ก็เกิดความรู้สึกต้องการสังหาร
ติงเซี่ยวเฉินชะงักแน่นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเริ่มตั้งสติได้ เขานำมีดมรกตเล่มหนึ่งออกมา ใบมีดมีสีเขียวเข้มราวกับต้นไม้ ทันทีที่มันถูกนำออกมา ใบมีดปลดปล่อยออร่าอันชั่วร้ายพร้อมกับแปรเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่น่าอัศจรรย์คือกิ่งก้านของต้นไม้ขนาดใหญ่นี้พลิ้วไหวไปมาราวกับเป็นแส้
“ต้นไม้โลหิตมรกตกินคน!” ผู้คนที่อยู่รอบข้างอุทานพร้อมกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
ต้นไม้โลหิตมรกตกินคนคืออสูรพฤกษาประเภทหนึ่ง มันมักจะจับมนุษย์และสัตว์อสูรกินเป็นอาหาร มันมักจะจับรัดเหยื่อด้วยกิ่งก้านที่เต็มไปด้วยหนามพิษ หากถูกพิษของมันเหยื่อจะกลายเป็นอัมพาตในพริบตา
ใบมีดเล่มนี้ดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นจากล้ำต้นซึ่งเป็นร่างหลักของต้นไม้โลหิตมรกตกินคนพร้อมกับผนึกวิญญาณของมันเอาไว้ จึงสามารถใช้ความสามารถของมันได้
มีดเล่มนี้เป็นอาวุธที่น่าสะพรึงกลัวมาก
การประลองไม่ได้ห้ามการใช้อาวุธเนื่องจากกองกำลังธุลีจันรทราต้องการทหารแกร่งที่สามารถสังหารศัตรูได้อย่างไม่สนวิธีการ ไม่ใช่จอมยุทธที่ชื่นชอบการต่อสู้แบบยุติธรรม
ติงเซี่ยวเฉินถือมีดมรกตในมือด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ก่อนหน้านี้เขาไม่พบเจอคู่ต่อสู้ที่คู่ควรจึงไม่คิดจะนำอาวุธออกมาใช้ แต่ไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะไล่ต้อนเขาจนต้องนำอาวุธออกมาใช้ในที่สุด
ออร่าอันชั่วร้ายของวิญญาณต้นไม้โลหิตมรกตกินคนแพร่จะจายไปทั่วทิศทาง เนื่องจากการนำวิญญาณมาผนึกในอาวุธนั้นต้องผ่านวิธีการอันน่าโหดเหี้ยม วิญญาณของต้นไม้โลหิตมรกตกินคนจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกเกรี้ยวกราดและปลดปล่อยจิตสังหารอันท่วมท้นออกมา
ด้วยการที่ติงเซี่ยวเฉินเป็นผู้ควบคุมใบมีดเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากออร่าชั่วร้าย แต่สำหรับคนอื่นนั้นล้วนได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต้นไม้โลหิตมรกตกินคนนั้นนอกจะสามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์พฤกษาที่ติดตัวมาแต่กำเนิดได้แล้ว มันยังสามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์พิษได้อีกด้วย เพราะงั้นออร่าชั่วร้ายของมันจึงมีอำนาจเป็นพิษอันรุนแรงที่สามารถหลอมละลายได้แม้กระทั่งดวงวิญญาณ
“เมื่อข้านำมีดหลอมวิญญาณออกมาแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่อาจรอดกลับไปได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิต!” ติงเซี่ยวเฉินชี้นำปราณก่อเกิดเร่งอำนาจของใบมีดให้ปลดปล่อยอำนาจรวดเร็วยิ่งขึ้น
หลิงฮันส่ายหัว “ตอนแรกข้าต้องการดูเสียหน่อยว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่สุดท้ายเจ้ากลับพึ่งอำนาจของอุปกรณ์เสียได้ ข้าเบื่อจะดูการแสดงของเจ้าแล้ว” หลิงฮันพุ่งทะยานร่างเข้าหาติงเซี่ยวเฉิน
แสงอัสนีถูกโคจร ความเร็วของเขายกระดับขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ แม้หลิงฮันจะไม่โคจรทักษะด้วยพลังเต็มที่แต่ความเร็วในตอนนี้ก็เกินกว่าที่ติงเซี่ยวเฉินจะมองทัน เหมือนกับครั้งก่อนที่อีกฝ่ายถูกเขาตบหน้า คราวนี้ติงเซี่ยวเฉินตอบโต้ไม่ทันแม้แต่จะควบคุมแส้ให้โจมตี
เมื่อเห็นหมัดของหลิงฮันที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าใส่พริบตา ติงเซี่ยวเฉินก็ตกตะลึง แต่จะควบคุมให้มีดในมือให้โจมตีหลิงฮันก็สายไปเสียแล้ว เขาควบแน่นพลังทั้งหมดเพื่อล่าถอย
แต่ความเร็วของเขาจะเทียบกับหลิงฮันได้?
ตูม!
ใบหน้าของติงเซี่ยวเฉินถูกซัดเข้าใส่อย่างรุนแรง ร่างของเขาขยับถอยหลังอย่างโซซัดโซเซ และยังไม่ทันที่จะทรงตัวได้ หมัดที่สองของหลิงฮันถูกปล่อยออกไป ‘ปัง ปัง ปัง’ เพียงชั่วพริบตา ติงเซี่ยวเฉินก็ถูกหมัดกระแทกเข้าใส่หลายสิบหมัด
“ช่างอ่อนแอ!” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแสในขณะที่มองร่างของติงเซี่ยวเฉินกระแทกลงสู่พื้นอย่างหนักหน่วง
ทุกคนรอบด้านกลายเป็นแน่นิ่งไร้คำพูด แม้แต่การประลองคู่อื่นก็หยุดชะงักกลางคัน
ติงเซี่ยวเฉินน่ะรึอ่อนแอ?
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลิงฮันเพียงแค่ดีดนิ้วกลับปล่อยหมัดเท่านั้นและยังไม่ได้ใช้ทักษะใดๆเลย ตรงกันข้าม ติงเซี่ยวเฉินนั้นทั้งใช้ทักษะนิรันดร์และอาวุธแต่ก็ยังไม่สามารถรับมือหลิงฮันได้
นี่คือความแตกต่างของศักยภาพสามดาวกับสามดาวครึ่ง?
พวกเขาไม่มีทางเชื่อ
บางทีหากทั้งสองคนมีระดับพลังเท่ากัน ความต่างเช่นนี้อาจจะเป็นไปได้ แต่ความเป็นจริง ทางด้านติงเซี่ยวเฉินมีพลังบ่มเพาะสูงกว่าถึงหนึ่งขั้นย่อย ไม่มีทางเลยที่ผลลัพธ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้
ติงเซี่ยวเฉินฝืนคลานลุกขึ้นยืน ‘ปัง’ แต่ยังไม่ทันได้ลุกเขาก็ถูกหมัดของหลิงฮันซัดเข้าใส่จนล้มลงอีกครั้ง
ในการประลอง ตราบใดที่ไม่มีฝ่ายใดร่วงจากลานประลองหรือยอมแพ้ การต่อสู้ก็จะดำเนินต่อไป
ติงเซี่ยวเฉินไม่คิดที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และถูกหลิงฮันซัดหน้าอย่างต่อเนื่อง หากมาถึงขนาดนี้แล้วเขายอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าคนอื่นเขาคงไม่อาจสู้หน้าใครได้อีกต่อไป